ตอนที่ 498 มู่หยางกลับจวน
มือของซูจิ่วซือที่ถือเบี้ยสีขาวอยู่ชะงักทันที “พวกนั้นจะหลอกล่อพี่รอง พี่ใหญ่ เวลานี้พวกเราไปหาพี่รองไม่ได้ ถ้าออกไปจะมีคนรู้ว่าพี่รองอยู่ไหน เขียนจดหมายให้พี่รองดีกว่า!”
“กลัวว่าน้องรองไม่เชื่อ ซือซือ จดหมายนี้ให้เจ้าเขียน เขาเชื่อฟังเจ้า ถ้าข้าเขียน เขาคงคิดว่าข้าปลอบใจเขา”
ซูจิ่วซือวางเบี้ยลง พยักหน้า “ได้”
“อ้าว จิ่วซือ ยอมแพ้แล้วหรือ ข้าดูอยู่ตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้าแพ้”
พอเห็นซูจิ่วซือแพ้หมากล้อม เผยปิงปิงซึ่งยืนดูอยู่ใกล้ๆ ก็พูดขึ้น
“แพ้ที่ไหนกัน จิ่วซือไม่มีใจจะเล่นแล้ว เจ้ารีบไปเขียนจดหมาย ข้ารู้นิสัยของมู่หยาง เขียนจดหมายให้เขาได้ผลไม่มาก เขาไม่มีวันเชื่อ ให้ข้าไปเองดีกว่า”
กู้หลียวนวางเบี้ยสีดำในมือลง เขาเองก็ไม่มีใจจะเล่นต่อ
“เจ้าไปสู้ข้าไปไม่ได้ หลียวน เจ้าบาดเจ็บภายในยังไม่หาย อยู่รักษาอาการบาดเจ็บให้ดี ข้ามีวรยุทธ ออกไปไม่มีใครเห็นง่ายๆ ข้าจะไปพูดกับมู่หยางเอง”
เผยปิงปิงคิดเสมอว่าจะช่วยงานบ้าง ตอนที่นางถูกขายไปที่หอนางโลม มู่หยางเคยช่วยนาง เวลานี้มู่หยางตกอยู่ในอันตราย นางต้องช่วยมู่หยาง
นิสัยของมู่หยาง เผยปิงปิงรู้ดี รู้ว่ามู่หยางเป็นคนอย่างที่พวกเขาพูดถึง
ฮูหยินมู่สุขภาพไม่ดีเป็นความจริง พอรู้ว่าเกิดเรื่องกับมู่หยาง ย่อมสะเทือนใจแน่ มู่หยางคงอยากมาดูให้เห็นกับตาจึงจะเชื่อว่าฮูหยินมู่ยังไม่รู้ข่าว
พอคิดอีกที ซูจิ่วซือรู้สึกว่าให้เผยปิงปิงไปก็ดี คนวงการนักเลงระมัดระวังตัวมากกว่า และเผยปิงปิงรู้วิชาตัวเบา คนทั่วไปตามนางไม่ทัน ซูจิ่วซือจึงพยักหน้ารับ “ปิงปิง งั้นก็รบกวนเจ้าละ”
มู่หย่งรู้ว่าเผยปิงปิงมีวรยุทธ และยังเป็นคนวงการนักเลง รีบบอกขอบใจ “ขอบใจแม่นางปิงปิง”
“ใต้เท้ามู่เกรงใจเกินไป นี่เป็นเรื่องที่ข้าควรทำ” เผยปิงปิงพูดอย่างดีใจ พอเห็นกู้หลียวนมองตนอย่างเป็นห่วง เผยปิงปิงก็ยิ้มให้กู้หลียวน “ข้าไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มือ แข้งขาคล่องแคล่วก็ใช้ได้ เจ้ารอข้ากลับมา อีกไม่กี่วัน เรากลับหมู่บ้านเขากุยอวิ๋นซานด้วยกัน”
“อย่าพูดอย่างกับว่าข้าเป็นเมียสาว รีบไปรีบกลับ อย่าเสียเวลา”
“ข้าจะกลับมาดูเจ้าสองคนเล่นหมากล้อม จะรีบไปรีบกลับ บอกที่อยู่มา ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เผยปิงปิงปัดมือ ไม่ชักช้า ยิ่งเร็วยิ่งดี มู่หยางจะได้ไม่กลับมา ซูจิ่วซือบอกที่อยู่ให้เผยปิงปิง เผยปิงปิงออกจากจวนตระกูลมู่ทางประตูหลังทันที
รู้ว่าข้างหลังมีคนสะกดรอย เผยปิงปิงจึงเดินเตร่อยู่ในเมือง เดินทั้งหมดสามรอบ ในที่สุดก็สลัดพ้นจากการติดตาม
แต่นางมาช้าไปก้าวหนึ่ง ขณะมาถึงเรือนชาวบ้านนั้น มู่หยางไม่อยู่แล้ว
เผยปิงปิงร้อนใจ รีบออกไปตามหามู่หยางข้างนอก ตามหารอบหนึ่งก็ไม่พบ จึงรีบกลับจวนตระกูลมู่ แจ้งทุกคนในจวนตระกูลมู่
ตระกูลมู่ส่งคนไปตามหามู่หยาง อย่างลับๆ
ซูจิ่วซือนั่งบนม้าหินที่ลานบ้าน ไม่รู้ทำไม นางรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาทันที จู่ๆ ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาหา เรียกขึ้น “ซือซือ”
พอได้ยินเสียงของมู่หยาง ซูจิ่วซือผุดลุกขึ้นทันที “พี่รอง…”
“ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?”
มู่หยางถามอย่างร้อนใจ เขาสวมชุดสาวใช้ เกล้าผมแบบสาวใช้ แต่สาวใช้คนนี้ร่างสูงใหญ่กว่าสาวใช้ทั่วไป ไม่ดูให้ดีจะไม่เห็นความผิดปกติ
ตอนที่ 499 อยากพบท่านแม่
“เรื่องของเจ้าพวกเราปิดบังท่านแม่มาตลอด เวลานี้ท่านแม่ยังไม่รู้ว่าเจ้าเกิดเรื่อง
พี่รอง คนจวนซิ่นอ๋องปล่อยข่าว เพื่อล่อให้เจ้าออกมา ข้างนอกมีสายสืบเฝ้าดูอยู่ทุกที่ เจ้ากลับไปไม่ได้ ในเมื่อมาแล้วก็หลบอยู่ในจวนก่อน”
พอได้ยินว่าฮูหยินมู่ไม่เป็นไร มู่หยางก็โล่งอก แม้รู้ว่าอาจจะเป็นแผนลวง แต่เขาก็อยากมาดูฮูหยินมู่ให้เห็นกับตา ไม่เช่นนั้นเขาไม่สงบใจแน่
“อย่างนี้ก็ดี ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอ ข้าเป็นห่วงท่านแม่มาก ซือซือ ข้าไปหาท่านแม่ก่อน หลายวันแล้วท่านแม่ไม่ได้เจอข้า คงจะสงสัย”
ซูจิ่วซือรู้ว่าถ้าไม่ให้มู่หยางไปหาฮูหยินมู่ เขาคงไม่สงบใจแน่ มู่หยางเป็นลูกกตัญญูมาก
ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เวลานี้ก็ได้แต่พลิกแพลงตามสถานการณ์
“ท่านแม่ยังไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวข้าให้คนไปพาท่านแม่มา พี่รอง อย่าออกไปปรากฏตัว พวกเราบอกท่านแม่ไว้ว่าเจ้าไปต่างถิ่น รอให้เรื่องผ่านไปแล้วค่อยว่า เจ้าทนลำบากหน่อย แอบดูท่านแม่อย่างลับๆ”
มู่หยางพยักหน้า “ข้าไม่เป็นไร ซือซือ เจ้าคิดรอบคอบจริงๆ ข้าทำตามที่เจ้าว่า ข้าอยากเห็นท่านแม่ ถ้าเห็นว่าท่านแม่สบายดี ข้าก็วางใจ”
“พี่รองยังจะกลัวเราหลอกหรือ”
ซูจิ่วซือให้ปิงซินไปเชิญฮูหยินมู่ แล้วพูดกับมู่หยาง
มู่หยางไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของซูจิ่วซือ เขาพูดอย่างขัดเขิน “ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีต่อข้า”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ขาดใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ พี่รอง ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“ยังมีชีวิตอยู่ดีแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากตาย พวกเจ้าวางใจ ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”
แม้ต้องคดีฆ่าคนติดตัวไปตลอดชีวิต มู่หยางก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
คนใกล้ชิดยังต้องการเขา ชื่อเสียงไม่สำคัญสำหรับเขา เขาต้องการความสุขทางใจก็พอ ไม่ใส่ใจคดีที่ถูกใส่ร้าย ไม่รีบร้อนอธิบายให้ผู้คนรู้ ขอแต่ให้คนใกล้ชิดเชื่อมั่นในตัวเขา รู้ว่าเขาถูกใส่ร้ายก็พอ
ขณะที่ทั้งสองสนทนากันอยู่ จู่ๆ ซูจิ่วซือก็ได้ยินเสียงที่ข้างนอก นางรู้ว่าฮูหยินมู่มาแล้ว จึงพยักหน้าให้มู่หยาง “พี่รอง ข้าไปรับท่านแม่ พี่รองอยู่ที่นี่ดู”
มู่หยางพยักหน้า ยืนที่ริมหน้าต่าง มองเห็นฮูหยินมู่แต่ไกล ฮูหยินมู่สีหน้าแจ่มใส ยิ้มแย้ม พอเห็นฮูหยินมู่เป็นอย่างนี้ มู่หยางก็วางใจ มุมปากผุดรอยยิ้มออกมา
ซูจิ่วซือเดินออกจากห้อง ไปต้อนรับที่หน้าประตูบ้าน พอเห็นฮูหยินมู่ ก็เข้าไปเกี่ยวแขนตามปกติ
“ซือซือ เจ้ารีบร้อนเรียกแม่มามีอะไรหรือ?”
ซูจิ่วซือยิ้ม “ไม่มีอะไรทั้งนั้น จู่ๆ ก็นึกอยากเห็นหน้าท่านแม่ หมอบอกว่าท่านแม่ต้องออกมาเดินข้างนอกบ่อยๆ คราวนี้ข้าจึงไม่ได้ไปหาท่านแม่”
ฮูหยินมู่ยิ้มอย่างดีใจ “เจ้าเด็กนี่เจ้าความคิดจริงๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไรมู่หยางจะกลับ ไม่เห็นเขาเขียนจดหมายมา อย่าเอาอย่างพี่สามของเจ้า ไปข้างนอกไม่รู้จักนึกถึงบ้าน”
“ท่านแม่ พี่รองมีโอกาสออกไปไม่บ่อย ท่านแม่ก็ให้ไปดูอะไรข้างนอกเถอะ ไม่แน่อาจจะพาลูกสะใภ้มาให้ท่านแม่” ซูจิ่วซือปลอบใจอยู่ข้างๆ
“เดิมทีแม่นางเผยก็ใช้ได้ แต่ไม่มีวาสนาต่อกัน”
ฮูหยินมู่นั่งบนม้าหิน ซูจิ่วซือให้คนยกชามาให้ แล้วนางก็นั่งตรงกันข้ามกับฮูหยินมู่ ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสบายใจ ฮูหยินมู่หัวเราะเป็นระยะๆ