ตอนที่ 610 ไม่อาจยอมรับได้
เวลานี้ยังไม่แต่งงาน ซูจิ่วซือซึ่งรักษาแบบแผนไม่กล้าเรียกฟู่เฉินหรงอย่างนั้นอีก
แต่นางรู้นิสัยของฟู่เฉินหรงดี จึงเรียกท่านพี่อีกครั้งอย่างขวยเขิน
ฟู่เฉินหรงพอใจมาก ยื่นมือไปโอบเอวซูจิ่วซือ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหูซูจิ่วซือ “จิ่วซือ เสียงของเจ้าเพราะมาก ข้าอดคิดไม่ได้…”
“หือ…” ซูจิ่วซือยังไม่ทันได้สติ ฟู่เฉินหรงก็ก้มตัวลงจูบริมฝีปากซูจิ่วซือแล้ว
อาหลานออกจากห้องซูจิ่วซือยังคงเหม่อลอย พอเห็นสภาพของอาหลาน ปิงซินซึ่งอยู่ข้างๆ ก็สะกิดมืออาหลาน “เจ้าเป็นอะไรไป ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งวัน”
อาหลานได้สติ “ปิงซิน ข้าปวดท้อง เจ้ารออยู่นี่ ข้าจะเข้าไปในห้องก่อน”
“ไม่สบายก็ไปพักเถอะ! เวลานี้องค์รัชทายาทยังไม่ออกมา เราอยู่ที่นี่ไม่มีงานอะไร”
ปิงซินกับอาหลานอยู่ห้องเดียวกัน ทั้งสองสนิทสนมกัน พอได้ยินอาหลานบอกว่าไม่สบาย ปิงซินก็นึกถึงว่าอาหลานควรไปพักผ่อน
พอฟ้ามืด อาหลานออกจากตระกูลมู่อย่างเงียบๆ มาถึงบริเวณนอกจวนแม่ทัพสยบปฐพี นางไม่รู้ว่าชังไห่ถูกขังอยู่ที่ไหน แต่ก็ยังอยากลองดู ว่าจะตามหาชังไห่เจอหรือไม่ ให้นางไปทำร้ายซูจิ่วซือ นางทำไม่ได้
นางลอบเข้าไปในจวนแม่ทัพสยบปฐพีอย่างเงียบๆ ได้ยินเสียงร้องไห้ทะเลาะกันที่ลานหน้า นางหลบดูอยู่ใกล้ๆ เห็นศพของเฟิงเยว่
ศพของเฟิงเยว่เริ่มเน่า นอนอยู่บนเสื่อขาดๆ เนื้อตัวส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งชวนคลื่นไส้ ผอมลงกว่าเมื่อก่อนมาก
อาหลานยกมือขึ้นปิดจมูก เห็นเฟิงชิงสุ่ยยืนอยู่ข้างศพ
หลังจากเฟิงเยว่หายไป เฟิงเชียนก็สังหรณ์ใจ พอเห็นศพของเฟิงเยว่ เขาเกือบยืนไม่ติดพื้น ก่อนหน้านี้เขาสูญเสียลูกชายไปคนหนึ่ง เวลานี้ลูกชายคนโตก็ตายโดยไม่รู้สาเหตุ ทำให้เขาปวดร้าวใจมาก
เฟิงชิงสุ่ยกำหมัดแน่น “ท่านพ่อ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับซูจิ่วซือและฟู่เยว่อี้แน่ เวลานี้ฟู่เยว่อี้หายไป แต่ซูจิ่วซือยังอยู่ในตูเฉิง เราต้องไม่ปล่อยให้เรื่องผ่านไปอย่างเงียบๆ ต้องแก้แค้นให้พี่ใหญ่”
“ชิงสุ่ย เจ้ามีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหนูมู่?”
เฟิงเชียนย้อนถาม
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐาน”
เฟิงชิงสุ่ยแววตาเคียดแค้น ความแค้นระหว่างนางกับซูจิ่วซือล้ำลึก ผู้หญิงคนนี้แย่งคู่หมั้นของนางมาตลอด ยังทำร้ายพี่ชายของนาง และส่งศพของเฟิงเยว่มาที่นี่เวลานี้ แสดงว่าจงใจทำ
“เอาละ” เฟิงเชียนดุเฟิงชิงสุ่ยให้หยุด น้ำเสียงเคร่งเครียด “ชิงสุ่ย ฟังนะ ต่อไปนี้เจ้าอย่าทำอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ให้จบลงแค่นี้
ขืนปล่อยให้เจ้าทำอะไรตามใจชอบ พี่รองเจ้าก็จะตายไปอีกคน พอถึงตอนนั้นตระกูลเฟิงก็ไม่มีเหลือ ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ต้องรู้จักหยุด อย่าแข่งกับคุณหนูมู่ คุณหนูมู่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังมากมาย เจ้ามีอะไร?
จะให้ตระกูลเฟิงสูญเสียทุกอย่าง เจ้าจึงจะพอใจใช่หรือไม่?”
“เวลานี้พวกนั้นข่มเหงตระกูลเฟิง ท่านพอจะปล่อยให้ตระกูลมู่ข่มเหงตามใจชอบหรือ?”
คำเตือนของเฟิงเชียน เฟิงชิงสุ่ยไม่ยอมฟัง นางไม่อาจกล้ำกลืนความแค้นครั้งนี้ได้ นางอยากแก้แค้นซูจิ่วซือจริงๆ ไม่เช่นนั้นใจนางไม่อาจยอมรับได้
นางซึ่งไม่เคยยอมแพ้มาก่อนกลับแพ้แก่เด็กกำพร้าที่ไม่มีอะไรเด่น นึกแล้วเจ็บใจ
ตอนที่ 611 เคราะห์กรรมไม่อาจยับยั้ง
“ถ้าเจ้าวางตัวดี ตระกูลมู่ซึ่งใช้ความสงบสยบความขัดแย้งมาตลอดมีหรือจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเฟิง เป็นเพราะเจ้าหาเรื่องเขาก่อน เหตุการณ์ที่ร้านขนมโจวจี้เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ?
ยังดีที่ไม่เกิดเรื่องร้าย ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นปมแค้นไม่รู้จบ ชิงสุ่ย พ่อขอเตือนเจ้า แพ้ก็คือแพ้ เจ้าต้องรู้จักยอมแพ้ ถ้าขืนดึงดันคนที่ยุ่งเกี่ยวไม่เพียงแต่เจ้าคนเดียว ตระกูลเฟิงทั้งตระกูลก็จะถูกดึงเข้าไปด้วย
จวนแม่ทัพสยบปฐพีสร้างผลงานโดยอาศัยกองทหาร แต่ก็ต้องพึ่งพิงราชตระกูล ถ้าเจ้าเป็นศัตรูกับราชตระกูล จะพบจุดจบที่ดีหรือ? ฮูหยินของมู่เจี๋ยนั่นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ ทำไมเจ้าต้องเข้าไปหาเรื่อง”
“พ่อ…”
เฟิงชิงสุ่ยยังอยากแก้ตัว
“หุบปาก เจ้าเด็กนี่อะไรก็ดีหมด แต่โอหังเกินไป เหนือฟ้ายังมีฟ้า ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าก็ยอมรับผิดไม่ทำให้เสียหน้า ทำไมจึงคิดว่าวีรบุรุษดูที่ชาติกำเนิด พี่รองของเจ้าเวลานี้ยังอยู่ในกองทหาร เจ้าอย่าทำให้เขาเดือดร้อน ไว้ชีวิตเขาเถอะ”
เฟิงชิงสุ่ยรู้ว่าตนไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเฟิงเชียนได้ จึงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา น้ำเสียงเหนื่อยล้าของเฟิงเชียนนางได้ยินชัดเจน แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ให้นางวางมือตอนนี้ นางทำไม่ได้
นางยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้
“ชิงสุ่ย เจ้าเป็นผู้หญิง ข้าอยากให้เจ้าหาคนที่รักเจ้า วันหนึ่งจะได้อยู่อย่างสงบ แค่นี้พ่อก็พอใจแล้ว เจ้าไม่ฟังคำเตือน พ่อกลัวว่าจะปกป้องเจ้าไม่ได้ สักวันหนึ่งคงเกิดเรื่องแน่”
“ทำให้ท่านพ่อเป็นห่วง ข้าไม่เป็นไร ข้ารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่”
เฟิงเชียนรู้ว่าเฟิงชิงสุ่ยไม่ฟังคำเตือนของเขาแม้แต่น้อย เคราะห์กรรมไม่อาจยับยั้ง
ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่แรกเขาคงไม่อบรมเฟิงชิงสุ่ยอย่างนั้น และไม่ตามใจเฟิงชิงสุ่ยเกินไป ทำให้นางมีนิสัยโอหังไม่ยอมแพ้
พอคิดขึ้นได้ เขาก็เป็นห่วงลูกสาวมาก
อาหลานฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ฟังต่อ นางเคยติดตามซูจิ่วซือมาที่เรือนของเฟิงชิงสุ่ย จึงจำทางได้ ไม่นานก็คลำทางมาจนถึงห้องของเฟิงชิงสุ่ย
นางแอบเข้าไปในห้องนั้น เอาขวดยาที่เฟิงชิงสุ่ยให้ออกมา หยิบกระปุกแป้งน้ำบนโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดฝาออกแล้วเทผงยาลงในแป้งน้ำของเฟิงชิงสุ่ย
ยาผงเป็นสีขาว พอเทลงในแป้งน้ำก็มองไม่ออกแม้แต่น้อย พอจัดการเสร็จนางรีบปิดฝากระปุกแป้งน้ำ แล้วออกไปจากห้องของเฟิงชิงสุ่ยอย่างเงียบๆ
จากนั้นนางก็ไปตามหาชังไห่ทั่วบริเวณ เดินรอบหนึ่งยังไม่พบ ในที่สุดก็พบชังไห่อยู่ในห้องเก็บของซึ่งตั้งอยู่ในที่ไม่สะดุดตา
เวลานี้ชังไห่ถูกทรมานจนหายใจรวยริน ปากมีผ้าอุดอยู่ มีรอยเลือดทั่วตัว มือขวาถูกฟันขาด บาดแผลไม่ได้รักษา เริ่มเน่ามีหนอง
พอเห็นสภาพของชังไห่ อาหลานก็เป็นห่วง ศิษย์ผู้พี่ผู้แข็งแกร่งของนางถูกทรมานถึงขั้นนี้
พอได้ยินเสียง ชังไห่ก็พยายามเงยหน้าขึ้น เห็นอาหลานยืนอยู่ข้างหน้า เขาทั้งตกใจและดีใจ นางยังเอาใจใส่เขา
อาหลานคุกเข่าหน้าชังไห่ เอาผ้าออกจากปากเขา
ชังไห่นึกถึงเฟิงชิงสุ่ยขึ้นมา รีบเตือน “อาหลาน หนีไป ถ้าคนของเฟิงชิงสุ่ยมาเห็นเข้าเจ้าจะหนีไม่พ้น”
“ทำไมเจ้าจึงทำงานให้นาง?”
“นางวางยาพิษข้า ข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป อาหลาน ขอโทษ เพราะข้าอวดเก่ง นึกว่าเจ้าไม่รู้ นึกว่าจะปิดบังเจ้าได้
คงเป็นเพราะสวรรค์ลงโทษข้า เจ้ารู้ทุกอย่าง ข้าเองก็ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ข้าไม่โทษใคร เพียงแต่ไม่อยากให้เจ้าพลอยเดือดร้อน เจ้าไม่ต้องใส่ใจข้า ไม่ให้อภัยข้าก็สมควรแล้ว รีบไป เร็วเข้า”