ตอนที่ 622 ความรักแสนหวาน
รุ่งขึ้น ขณะที่ซูจิ่วซือตื่นขึ้นมา ฟู่เฉินหรงก็ไปเข้าเฝ้าแล้ว
ปิงซินกับอาหลานพาสาวใช้เข้ามาในห้องพร้อมกับเครื่องใช้ชำระร่างกาย ปิงซินจัดเตียงด้วยความรู้สึกขัดเขิน ก้มหน้าก้มตา ไม่มีใครพูดอะไร พอชำระร่างกายเสร็จ ซูจิ่วซือก็นั่งหน้ากระจก ให้สาวใช้หวีผมแต่งหน้า
ตั้งแต่วันนี้ไป นางเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ต้องเกล้าผมมวย จะปล่อยผมไม่ได้
ยังไม่ทันหวีผมเสร็จ จู่ๆ หมัวมัวเถียนก็เข้ามา ถามอย่างนอบน้อม “พระชายารัชทายาท แต่งตัวเสร็จรีบกินมื้อเช้าเร็วหน่อย อีกสักครู่พอองค์รัชทายาทกลับมา ต้องเข้าวังไปถวายบังคมฝ่าพระบาทกับกุ้ยเฟย”
พระอัยยิกาของฟู่เฉินหรงสิ้นพระชนม์ไปหลายปีแล้ว ซุ่นตี้ไม่ได้แต่งตั้งฮองเฮาอีก แต่ตั้งเต๋อเฟยเป็นกุ้ยเฟย มอบหมายให้นางดูแลกิจการวังใน
เต๋อเฟยเป็นคนสงบเสงี่ยม สุขภาพไม่ดี หลายปีมานี้ไม่มีการรับพระสนมอีก วังในจึงเงียบเชียบหยุดนิ่ง แทบไม่มีเรื่องแย่งชิงการเป็นคนโปรด
ซูจิ่วซือพยักหน้ารับรู้
ขณะหวีผม ฟู่เฉินหรงก็กลับมา พอเห็นฟู่เฉินหรงกลับมาเร็วอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็ประหลาดใจ “เฉินหรงทำไมวันนี้จึงเลิกว่าราชการเร็วเล่า”
“ไม่มีอะไรก็เลยกลับก่อน ยังไม่ได้กินมื้อเช้า หิวหรือไม่”
พูดจบ ชิงซานซึ่งอยู่ข้างหลังก็พูดแทรก “พระชายารัชทายาท รู้หรือไม่ องค์รัชทายาทเดินทางมาอย่างรวดเร็ว เร่งรถม้าตลอดทาง จนรถเกือบคว่ำ”
“ชิงซาน ช่วงนี้เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว ต้องให้ปิงอวิ๋นสั่งสอนหน่อย”
พอได้ยินชื่อปิงอวิ๋น ชิงซานก็หยุดพูดทันที การพูดความจริงเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
ซูจิ่วซือสีหน้าจริงจังพูดดุ “คราวหลังอย่าทำอย่างนี้ ถ้าเกิดรถชนจะทำอย่างไร”
ฟู่เฉินหรงจับมือซูจิ่วซือ ตอบยิ้มๆ “รับรองไม่ชนแน่”
“…”
ซูจิ่วซือพูดไม่ออก บางครั้งนางก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับฟู่เฉินหรงดี
“ข้าอยากพบเจ้าเร็วหน่อย ต่อไปจะไม่ทำอย่างนี้อีก” ฟู่เฉินหรงทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว
พอเห็นฟู่เฉินหรงเป็นอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็จนใจ บางครั้งนางไม่รู้จะทำอย่างไรกับฟู่เฉินหรงดี “กินมื้อเช้าหรือยัง”
“ข้าจะกินกับเจ้า”
“เจ้า…ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะหัวเราะเจ้า”
ฟู่เฉินหรงมองคนรอบๆ แวบหนึ่ง แล้วถามสีหน้าดุ “ใครกล้าหัวเราะข้า”
ทุกคนก้มหน้ากลั้นหัวเราะ ไม่กล้าพูด
ซูจิ่วซือให้คนยกอาหารเข้ามา พอเห็นซูจิ่วซือกินพุทราเม็ดบัวต้ม จึงยื่นชามบัวลอยแป้งบัวให้ซูจิ่วซืออีก “จิ่วซือ กินมากหน่อย”
“ปกติข้าไม่กินมากอย่างนี้”
“เมื่อคืนไม่เหมือนปกติ”
คำพูดนี้ทำให้ซูจิ่วซือเกือบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ นางทำตาขวางใส่ฟู่เฉินหรง พอนึกถึงเมื่อคืน แก้มก็แดงเรื่อ ปล่อยให้เขาพูดจาเหลวไหล
ฟู่เฉินหรงยื่นมือมาลูบหลังมือซูจิ่วซือ ถามเสียงเครียด “สำลักหรือ”
ซูจิ่วซือรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่ได้ใส่ใจฟู่เฉินหรง พอเห็นอย่างนี้ฟู่เฉินหรงได้แต่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อเห็นทั้งสองรักกันหวานชื่น อาหลานซึ่งอยู่ข้างหลังก็ดีใจกับซูจิ่วซือ นางอยากให้ซูจิ่วซือกับฟู่เฉินหรงมีความสุขตลอดไป ตนไม่มีวาสนาอย่างนี้ แต่จะติดตามซูจิ่วซือไปตลอดชีวิต
ตอนที่ 623 สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังตะวันออก
ทั้งสองกินมื้อเช้าด้วยกันอย่างหวานชื่น อาหลานกับชิงซานเฝ้าอยู่หน้าประตู
“เจ้าชื่ออาหลานหรือ”
พอเห็นอาหลานเหม่อตลอดเวลา ชิงซานก็อดถามไม่ได้
อาหลานจึงรู้ตัวว่าชิงซานกำลังพูดกับตน จึงพยักหน้า ตอบรับเจื่อนๆ
“ข้าชื่อชิงซาน วันหลังเราสองคนร่วมกันรับใช้เจ้านาย มีอะไรก็บอกข้าได้ ข้าอยู่ใกล้ชิดองค์รัชทายาทมาหลายปีแล้ว”
ชิงซานเป็นคนซื่อๆ ปากหนัก ดูออกว่าอาหลานไม่สบายใจ จึงอยากพูดคุยกับนาง
อาหลานยิ้มอายๆ “ดี เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจละ”
“ได้ยินว่าเจ้ามาจากวงการนักเลง”
ชิงซานคุยกับอาหลานต่อ อาหลานเองก็พูดไม่เก่ง ขี้อาย เป็นครั้งแรกที่ชิงซานรู้สึกว่าตนได้เป็นพี่ใหญ่ ปกติเวลาอยู่กับปิงอวิ๋น เขามักจะถูกดุ เขาจึงหลีกเลี่ยงปิงอวิ๋นมาตลอด
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ จู่ๆ ปิงอวิ๋นก็เข้ามา ใบหน้านางไร้รอยยิ้ม สีหน้าเย็นชาเสมอ ยามอยู่ต่อหน้าคนอื่น
“คุยถูกคอกันจริง จนลืมหน้าที่ งานที่องค์รัชทายาทมอบหมายให้เจ้าทำเสร็จแล้วหรือ”
พูดจบปิงอวิ๋นก็ออกไป ชิงซานเดินตามหลัง พอทั้งสองพ้นไปแล้ว ปิงซินก็เดินเข้ามา พูดเบาๆ “ปิงอวิ๋นคนนี้มีบารมีมาก ได้ยินว่านางเป็นหัวหน้าองครักษ์อุทยานตะวันออก นางกับหมัวมัวเถียนเป็นสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังตะวันออก”
“นางมีวรยุทธ์สูงมาก ปิงซิน อย่าทำให้นางโกรธ นางเป็นองครักษ์ประจำตัวองค์รัชทายาท”
แม้ไม่เคยประมือกัน แต่อาหลานรู้ว่าปิงอวิ๋นมีวรยุทธ์เหนือกว่าตน จึงเตือนปิงซิน สาวใช้วังตะวันออกกลัวปิงอวิ๋นมาก
หลังจากกินอาหารเสร็จซูจิ่วซือกับฟู่เฉินหรงก็นั่งรถม้าเข้าวังไปถวายบังคมซุ่นตี้
พอลงจากรถม้า ฟู่เฉินหรงก็จับมือซูจิ่วซือไว้ พานางเข้าไปที่ห้องทรงพระอักษร
“เฉินหรง ทางซิ่นอ๋องไม่มีการเคลื่อนไหวหรือ”
“ดูภายนอกไม่มีการเคลื่อนไหว ในทางลับยังคงดำเนินการมาตลอด” ฟู่เฉินหรงเดินพลางพูด “ข้าจะให้คนจับตาดู ครั้งนี้ข้ากับพระอัยกาเตรียมแผนล่อจับคนร้าย พอถึงเวลาเจ้าคอยดูก็แล้วกัน”
“ต้องระวังด้วย”
“ตั้งแต่ข้ารบชนะกลับมา จุดจบของเขาก็มาถึงแล้ว”
ดวงตาฟู่เฉินหรงฉายแววเ**้ยมเกรียมออกมาแวบหนึ่ง แล้วหันหน้ามาพูดกับซูจิ่วซือทันที “บ่ายนี้ข้าว่าง จะพาเจ้าไปชมดอกท้อดีหรือไม่”
“ดี”
ซูจิ่วซือรู้ว่าฟู่เฉินหรงอยากให้ฟู่จิ่งคิดว่าเขากำลังลุ่มหลงในความรัก นางจึงร่วมมือด้วย
แต่สำหรับฟู่เฉินหรง เขาอยากทำอย่างนี้จริงๆ ไม่ใช่ทำให้ฟู่จิ่งดู ไม่ว่าจะเป็นการจัดพิธีแต่งงานอย่างเอิกเริก หรือความรักใคร่หลงใหลอย่างเปิดเผย ทั้งหมดนี้เป็นความจริงใจ เป็นความรู้สึกของเขาอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากนี้ เขาไม่ได้ลืมภารกิจ
แต่ในสายตาของคนใกล้ชิด เขาลืมภารกิจไปแล้ว แม้แต่ขุนนางก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ ซุ่นตี้ไม่ได้ตรัสแต่อย่างใด ฟู่เฉินหรงยังคงทำตามอำเภอใจ
จวนซิ่นอ๋อง
ฟู่จิ่งอ่านจดหมายอยู่ในห้องหนังสือ พออ่านจบก็ยื่นให้จางอิ่งซึ่งอยู่ข้างๆ เอาไปเผาทิ้ง
“ท่านอ๋อง ไป๋โหรวเขียนมาบอกว่าอย่างไร”
“เย่ว์อี้เก่งจริงๆ หนีไปหาตระกูลกู้ อยู่กับกู้จื่อหยวน” ฟู่จิ่งยิ้มหยัน ลูกสาวซึ่งเขาฝากความหวังไว้แอบหนีออกจากตูเฉิง ไปพึ่งกู้จื่อหยวน
“ท่านอ๋องจะ…”
“นางอยากอยู่แคว้นเว่ยก็ให้อยู่นั่นแหละ อยู่ตูเฉิงก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าจะให้พระชายาเขียนจดหมายบอกว่าแม้นางจะอยู่ที่ไหน ก็ยังเป็นคนของจวนซิ่นอ๋อง ไม่มีวันหนีพ้นจวนซิ่นอ๋อง”