ตอนที่ 634 หมดทางเยียวยา
คำพูดนี้ทำให้ซูจิ่วซือรู้สึกอบอุ่นใจ มู่ซืออวี่เป็นคนตระกูลมู่ เดิมทีนางคิดว่ามู่เจี๋ยจะช่วยพูดแทนมู่ซืออวี่ นึกไม่ถึงว่าเขาจะบอกอย่างนี้
“เรื่องนี้ข้ากับเฉินหรงปรึกษากันแล้ว พี่สามวางใจเถอะ”
“เจ้าสองคนคุยกันได้ก็ดีแล้ว แต่อย่าให้เรื่องนี้มาทำให้ขัดใจกัน ท่านพ่อกับท่านแม่ก็คิดอย่างนี้ ทุกคนยืนอยู่ข้างเจ้า เจ้าเพียงแต่ดูแลซืออวี่ตามสมควรก็พอ แต่เท่าที่ข้ารู้จักซืออวี่ นางเป็นผู้หญิงที่ดี คงรู้จักบุญคุณที่ได้รับการยกย่อง”
ซูจิ่วซือไม่พูดอะไรอีก เวลานี้ยังไม่อาจบอกใครเกี่ยวกับความคิดของนางกับฟู่เฉินหรง
ท่าทีของมู่เจี๋ยถือว่าเป็นตัวแทนของตระกูลมู่ นางนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะพูดอย่างนี้ หลังจากได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขาหลายเดือน นางก็ถือว่าตัวเองเป็นคนตระกูลมู่ ถือพวกเขาเป็นญาติสนิท
เริ่มแรกนางยังมีความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากพวกเขา แต่สุดท้ายกลับได้รับการยอมรับจากทุกคน นางจึงเป็นมู่ซือซืออย่างแท้จริง เป็นเรื่องที่นางคาดไม่ถึง
พอตัดแต่งต้นไม้เสร็จ ซูจิ่วซือก็ไปคารวะฮูหยินมู่ที่เรือน ขณะเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงฮูหยินมู่ไอ
ซูจิ่วซือรีบก้าวเข้าไป ทันใดนั้นสาวใช้ก็ออกมาขวางซูจิ่วซือไว้ “พระชายารัชทายาท ฮูหยินกำลังพักผ่อน”
“ถอยไป”
ซูจิ่วซือได้ยินเสียงฮูหยินมู่ไอ รู้ว่าฮูหยินมู่ไม่ได้พักผ่อน
สาวใช้ยังจะห้าม อาหลานถลึงตาใส่สาวใช้ พอเห็นแววตาของอาหลาน สาวใช้จึงหยุดพูด ถอยออกไปข้างๆ อย่างรู้สถานการณ์
ซูจิ่วซือเป็นพระชายารัชทายาท สาวใช้ไม่กล้าโต้แย้ง
พอซูจิ่วซือเข้าไปในห้อง ฮูหยินมู่ก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้าซ่อนไว้ในผ้าห่ม ไม่พบฮูหยินมู่ไม่กี่วัน ฮูหยินมู่หม่นหมองไปมาก และผอมลงมาก สีหน้าไม่สดชื่น ขอบตาลึกลง
พอเห็นฮูหยินมู่เป็นอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็เป็นห่วง “ท่านแม่ ท่านแม่เป็นอะไรไป ให้หมอยามารักษาหรือไม่”
ป้าจางช่วยเลื่อนหมอนที่เอวฮูหยินมู่ เพื่อให้นั่งเอนหลังสบายขึ้น ฮูหยินมู่สั่นหัว “ข้าไม่เป็นไร คงเป็นเพราะช่วงนี้ฝนตก เป็นหวัดนิดหน่อย”
แม้ซูจิ่วซือไม่ใช่หมอ แต่เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าฮูหยินมู่ไม่ปกติ นางมองไปทางป้าจาง “ท่านแม่เป็นอะไรไป เมื่อกี้ข้าเจอพี่สาม ไม่ได้ยินพี่สามพูดถึงอาการของท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ช่วงนี้ฮูหยินถือศีลกินเจ ไม่ต้องการพบใคร แม้แต่นายท่าน” ป้าจางพูดอย่างวิตก ขณะที่กำลังจะพูดต่อ ฮูหยินมู่ทำตาขวางใส่ ป้าจางจึงหยุดพูดทันที
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ!”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
ป้าจางออกไปอย่างนอบน้อม
ซูจิ่วซือย้ายม้านั่งมานั่งข้างเตียง สีหน้าวิตก “ท่านแม่ ทำไมท่านแม่ถึงหลบหน้าทุกคน สุขภาพไม่ดีก็ควรจะให้หมอมารักษา ข้าจะให้คนไปเชิญหมอมา อาหลาน ไปเชิญหมอหลิววังตะวันออกมานี่”
ซูจิ่วซือสั่งเสร็จ ฮูหยินมู่ก็ห้าม “อย่าไป อาหลาน ออกไป ข้ามีเรื่องจะพูดกับซือซือ”
ซูจิ่วซือหันไปพยักหน้าให้อาหลาน อาหลานเข้าใจความหมายของซูจิ่วซือ รีบออกไปทันที
ซูจิ่วซือยื่นมือมาจับมือฮูหยินมู่ เห็นมือฮูหยินมู่ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เอ็นในมือปูดอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกเป็นห่วงมาก
นางลูบมือฮูหยินมู่เบาๆ ก้มหน้าถอนหายใจ “ท่านแม่เป็นอะไรไป เมื่อกี้ตอนที่ข้าเข้ามาท่านแม่ซ่อนอะไรไว้ เอามาให้ข้าดูหน่อย”
ตอนที่ 635 คำสั่งเสียครั้งสุดท้าย
“อย่าดูเลย ไม่มีอะไรน่าดู”
ฮูหยินมู่รู้ว่าตนปิดบังต่อไปไม่ได้ นางตบหลังมือซูจิ่วซือ “ซือซือ แม่ไม่มีเวลาแล้ว แม่รู้ตัวดี ไม่ต้องตามหมอมา แม่ไม่อยากให้พวกเขาเห็นแม่ในสภาพอย่างนี้”
“ท่านแม่ ท่านแม่อย่าคิดมากเกินไป บำรุงร่างกายให้ดี ร่างกายคงฟื้นฟูได้ ให้หมอมารักษา ฟังคำสั่งหมอเถอะ”
ฮูหยินมู่ส่ายหน้าเบาๆ “หมอมาดูแล้ว แม่เป็นเหมือนตะเกียงที่หมดน้ำมัน”
หลายปีมานี้ฮูหยินมู่สุขภาพไม่ค่อยดี กินยามาตลอด หลังจากซูจิ่วซือมาอยู่จวนตระกูลมู่ สุขภาพของฮูหยินมู่ก็ดีขึ้นมาก แต่ร่างกายไม่แข็งแรง เรื่องมู่หยางตายและหลิ่วเหวินฉือแท้งลูกกระทบจิตใจนางมาก
หลายวันมานี้นางกระอักเลือดหลายครั้ง แต่พยายามฝืนร่างกายรอให้พ้นงานแต่งงานของซูจิ่วซือ เวลานี้ซูจิ่วซือไปอยู่วังตะวันออกแล้ว นางจึงโล่งอก สุขภาพทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว แม้แต่หมอก็ยังส่ายหน้า บอกว่านางเป็นตะเกียงที่หมดน้ำมัน
“ไม่ใช่แน่ ต้องมีทางรักษา”
“ตัวแม่เอง แม่รู้อยู่แก่ใจ ซือซือ แม่อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว ถ้าตาย ชาตินี้ก็ไม่มีอะไรเสียดาย เดิมทีแม่ไม่อยากให้เจ้าเห็นแม่ในสภาพแบบนี้ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกลับจวนเวลานี้”
ฮูหยินมู่พูดเสียงแผ่วไร้เรี่ยวแรง พูดครู่หนึ่งก็หยุดพัก ไม่มีแรงพูดต่อ
“ท่านแม่ ข้าจะตามท่านพ่อมา”
“อย่าไป พรุ่งนี้แม่ไปหาเขาเอง แม่ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง
ให้พวกเขาสบายใจอีกสักวันก็ยังดี ไม่เช่นนั้นบรรยากาศในจวนตระกูลมู่จะเศร้าหมอง หลายวันมานี้แม่ทำยันต์กันภัยให้ทุกคน เป็นงานที่แม่ทำเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพ่อเจ้ารู้ว่าร่างกายแม่ไม่ไหว คงไม่ให้แม่ทำแน่”
ฮูหยินมู่พูดพลางยื่นมือไปคลำที่เตียง หยิบถุงผ้าสีแดงขนาดเล็ก ปักอักษร – เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ในนั้นมียันต์ที่ได้มาจากวัดเหยียนหัว
นางเอายันต์กันภัยใส่ในมือให้ซูจิ่วซือ ยิ้มอย่างอ่อนแรง “วันหลังเอาติดไว้กับตัว แม่ไม่อยู่แล้ว พระพุทธองค์จะคุ้มครองเจ้า”
“ท่านแม่ อย่าพูดอย่างนี้”
ซูจิ่วซือจับยันต์กันภัยในถุงที่เย็บปักอย่างประณีต รู้สึกเศร้าใจ นางเคยส่งนางหวัง เวลานี้ต้องส่งฮูหยินมู่ ทั้งสองดีต่อนางมาก ถือนางเป็นลูกสาวที่แท้จริง ทำให้นางรู้สึกอบอุ่น
“เด็กโง่ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา แม่ต้องไปก่อน” ฮูหยินมู่ป่วยมานานหลายปี ยอมรับความตายนานแล้ว
ซูจิ่วซือเอนศีรษะซบผ้าห่มฮูหยินมู่ นางแทบไม่เคยอ้อนใครอย่างนี้ ฮูหยินมู่ดีต่อนางมาก มอบความรักทั้งหมดที่มีต่อมู่ซือซือให้นาง
พอเห็นซูจิ่วซือซบผ้าห่ม ฮูหยินมู่ก็ยื่นมือมาลูบหัวซูจิ่วซือ “ซือซือ วันหลังดูแลตัวเองให้ดี ต่อไปองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ อย่าให้องค์รัชทายาทแต่งตั้งตระกูลมู่เป็นขุนนาง มียศย่อมเสื่อมยศ โดดเด่นเกินไปไม่เป็นผลดีต่อตระกูลมู่และเจ้า เจ้าเองก็ต้องคอยระวังพี่ใหญ่กับพี่สามด้วย แม่ขอฝากตระกูลมู่ให้เจ้าช่วยดูแล”
“ท่านแม่วางใจ มีข้าอยู่ ตระกูลมู่ต้องปลอดภัย ข้าจะดูแลตระกูลมู่ให้ดี”
พอได้ยินซูจิ่วซือพูดอย่างนี้ ฮูหยินมู่จึงวางใจ
“แต่งงานแล้วไม่เหมือนเมื่อยังสาว แม้องค์รัชทายาทรักเจ้าเพียงใด บางเรื่องต้องไม่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะเป็นที่ครหา เสียดายที่แม่ไม่เห็นเจ้ามีลูก ซือซือ แม่ไม่หวังอะไร หวังแต่ให้เจ้าอยู่อย่างมีความสุขจนแก่เฒ่า”