ตอนที่ 638 เด็กสาวผู้อ่อนต่อโลก
หรงเอ๋อร์สีหน้าจนใจ “คุณหนูจิตใจดี แต่เมื่อมาตูเฉิง ก็ต้องมีความตั้งใจบ้าง ฮูหยินสั่งบ่าวไว้ให้คอยเตือนคุณหนู”
มู่ซืออวี่ยังคงก้มหน้าปักผ้า “พระชายารัชทายาทก็เป็นคนตระกูลมู่ ถึงอย่างไรก็เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลมู่ ข้าจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ มีพระชายารัชทายาท ตระกูลมู่ก็รุ่งโรจน์โดดเด่นอยู่แล้ว”
“แม้จะพูดอย่างนี้ พระชายารัชทายาทเป็นคุณหนูครอบครัวนายใหญ่ก็จริง แต่ถ้าคุณหนูเป็นที่โปรดปรานขององค์รัชทายาท จึงจะเป็นหน้าตาของนายท่านกับฮูหยิน
หัวใจอยู่ห่างท้อง ถึงอย่างไรคุณหนูก็ต้องระวังพระชายารัชทายาทไว้ บ่าวได้ยินมาว่าพระชายารัชทายาทเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจมาก กลัวว่าคุณหนูจะไม่มีความสุข”
“ข้าได้ยินแต่ว่าพระชายารัชทายาทกับองค์รัชทายาทรักใคร่กันดี ถ้าองค์รัชทายาทแบ่งความรักให้ข้าสักนิด ข้าก็พอใจแล้ว หรงเอ๋อร์ อย่าพูดเลย หากเรารู้จักเจียมตัว ข้าเชื่อว่าพระชายารัชทายาทคงไม่ทำให้เราลำบากใจ”
หรงเอ๋อร์ไม่รู้จะพูดกับมู่ซืออวี่อย่างไรดี คุณหนูของนางเป็นคนอ่อนต่อโลก อ่อนโยน ท่าทางอ่อนแอ และถูกคนรังแกได้ง่ายจริงๆ
มาวังตะวันออกแล้วก็ยังไม่คิดจะแย่งชิงความรัก ชีวิตนี้จะมีอนาคตหรือ
ท่านแม่ของคุณหนูฝากความหวังไว้กับคุณหนูมาก อยากให้คุณหนูมีพระโอรสเร็วๆ จะได้อาศัยลูกเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น วันหลังจะได้เป็นกุ้ยเฟย แต่มู่ซืออวี่ไม่มีความคิดอย่างนี้ ได้แต่หวังว่าจะได้รับความรักจากฟู่เฉินหรงบ้าง อยู่อย่างสงบก็พอใจแล้ว
มู่ซืออวี่พูดจบ จู่ๆ ก็มีสาวใช้เข้ามารายงาน “คุณหนู พระชายารัชทายาทมาแล้ว”
พอได้ยินว่าซูจิ่วซือมา มู่ซืออวี่ก็รีบวางสะดึงในมือ แม้นางอยากพบซูจิ่วซือ แต่นึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะมาจวนตระกูลมู่ด้วยตัวเอง ครั้งนี้คงมาหาตนแน่
มู่ซืออวี่พาหรงเอ๋อร์มาต้อนรับซูจิ่วซือที่หน้าประตู
ซูจิ่วซือมองแต่ไกลเห็นเด็กสาวในชุดสีชมพู รูปร่างสูงโปร่งแบบบาง หน้าตาน่ารัก ใบหน้ารูปไข่ คิ้วรูปใบหลิ่ว ริมฝีปากรูปอิงเถา ท่าทางน่าเอ็นดู แม้ไม่สวยสะดุดตา แต่ทำให้เกิดความรู้สึกอยากปกป้อง
โดยเฉพาะดวงตาทั้งสอง ดูสดใส เหมือนน้ำพุ ท่าทางเป็นคุณหนูผู้อ่อนต่อโลก
รู้มาว่าปีนี้นางเพิ่งอายุสิบหกปี
“ผู้น้อยมู่ซืออวี่คารวะพระชายารัชทายาท”
มู่ซืออวี่น้ำเสียงไพเราะ เสียงแหลมเล็ก นางคารวะซูจิ่วซืออย่างนอบน้อม แม้เป็นญาติผู้พี่ แต่เวลานี้เป็นถึงพระชายารัชทายาท นางยังไม่ได้เข้าประตูวังตะวันออก ไม่อาจเรียกซูจิ่วซือเป็นพี่สาว
“เจ้าคือซืออวี่นี่เอง”
ซูจิ่วซือพบมู่ซืออวี่ครั้งแรกมีภาพประทับที่ดี น้ำเสียงที่พูดจึงอ่อนโยน มู่ซืออวี่เป็นอย่างที่มู่เจี๋ยพูดจริงๆ เป็นเด็กสาวที่อ่อนโยน
“เพคะ”
มู่ซืออวี่พยักหน้า ยิ้มอย่างขัดเขิน “พระชายารัชทายาททำไมมากะทันหันหรือเพคะ”
“พอดีกลับจวนตระกูลมู่ ได้ข่าวว่าน้องซืออวี่มา จึงมาหา เราสองคนเพิ่งพบกันครั้งแรก”
มู่ซืออวี่เองก็แอบพิจารณาซูจิ่วซือ นางรีบเชิญซูจิ่วซือเข้าไปข้างใน “พระชายารัชทายาท เชิญเข้ามานั่งเพคะ”
ซูจิ่วซือเดินเข้าไป พออยู่ในห้องก็เห็นสะดึงวางอยู่ข้างๆ นางหยิบสะดึงขึ้นมา ดูอย่างละเอียด ดอกบัวที่ปักดูมีชีวิตชีวา มีทั้งดอกตูมและดอกบาน
“ปักสวยจริงๆ”
ซูจิ่วซือไม่ถนัดการเย็บปักถักร้อย พอเห็นดอกบัวฝีมือมู่ซืออวี่ ก็พูดชมอย่างจริงใจ
ตอนที่ 639 คอยดูต่อไป
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ผู้น้อยตั้งใจปักให้พระชายารัชทายาท นึกไม่ถึงว่ายังไม่เสร็จพระชายารัชทายาทก็มาเห็นเสียก่อน”
มู่ซืออวี่ตอบอย่างขวยเขิน
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบดอกบัว”
“ผู้น้อยได้ยินว่าพิธีแต่งงานของพระชายารัชทายาท ชุดแต่งงานปักลายดอกบัว ผู้น้อยจึงคาดเดาว่าปกติพระชายารัชทายาทคงชอบดอกบัว เป็นการคาดเดาเท่านั้น”
ซูจิ่วซือยิ้มให้นาง “ซืออวี่ เจ้ามีน้ำใจ”
ดูจากชุดแต่งงานก็สามารถรู้ว่านางชอบดอกบัว แสดงว่ามู่ซืออวี่เป็นคนรอบคอบ ช่างสังเกต ไม่เหมือนลักษณะภายนอกที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา
แต่นางก็ไม่ตัดสินคนจากผ้าเช็ดหน้า ยังต้องคอยจับตาดูมู่ซืออวี่ไว้
“ผู้น้อยคาดเดาไปเอง ยังเกรงว่าพระชายารัชทายาทจะไม่ชอบ” มู่ซืออวี่ยิ้มอย่างอายๆ พอเห็นหรงเอ๋อร์ยังยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบสั่ง “หรงเอ๋อร์ ไปเตรียมชา”
“ไม่ต้อง ข้างนอกอากาศดี เราไปเดินเล่นที่ลานด้านหลังเถอะ”
“เพคะ”
มู่ซืออวี่รับปาก ทั้งสองเดินตามกันออกไปจากเรือนของมู่ซืออวี่
ลานด้านหลังปลูกต้นท้อหลายต้น เวลานี้ดอกท้อกำลังบาน ทั้งสองไปที่ใต้ต้นท้อ ลมพัดโชยมา กลีบดอกท้อร่วงลงบนผมของทั้งสอง
“ซืออวี่ เจ้าคงจากบ้านเป็นครั้งแรก คิดถึงบ้านหรือไม่”
พูดถึงเรื่องนี้ มู่ซืออวี่สีหน้าเศร้า นางหลุบตาลง อารมณ์หม่นหมอง “ทูลพระชายารัชทายาท ก่อนเดินทางสองวันผู้น้อยนอนไม่หลับเลย
ตั้งแต่เล็กจนโตผู้น้อยอยู่ที่จิ่นโจว ไม่เคยจากพ่อแม่ไปไหน ผู้น้อยถูกเลือกเข้าวังตะวันออกแม้จะเป็นโชค แต่ก็ยังคิดถึงพ่อกับแม่มาก ตอนขึ้นรถม้ายังร้องไห้อยู่ในรถตั้งนาน พระชายารัชทายาทจะหัวเราะผู้น้อยหรือไม่”
มู่ซืออวี่ถามอย่างระมัดระวัง
“ข้าจะหัวเราะเจ้าอย่างไร นี่เป็นธรรมดาของคนเรา พอโตขึ้นก็ต้องจากบ้าน ไม่นานก็จะคุ้นเคย”
มู่ซืออวี่ยิ้มร่าพลางพูดขึ้น “วันหลังอยู่วังตะวันออกผู้น้อยจะเชื่อฟังพระชายารัชทายาททุกอย่าง ถ้าผู้น้อยทำอะไรไม่ดีตรงไหน พระชายารัชทายาทไม่ต้องห่วง พูดออกมาตรงๆ ได้ ผู้น้อยจะแก้ไข”
“พูดอะไรโง่ๆ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำอะไร ทำหน้าที่ของตัวเองก็พอ”
“ผู้น้อยขอเอาพระชายารัชทายาทนำหน้า พระชายารัชทายาทเป็นพี่สาวของผู้น้อย”
ซูจิ่วซือไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ มู่ซืออวี่พูดอย่างนี้เหมือนเด็ก ตรงไปตรงมา ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ จู่ๆ นางก็นึกถึงซูเหลียงอิน
ชั่วพริบตา ซูเหลียงอินจากไปครึ่งปีแล้ว
ถ้ามู่ซืออวี่เป็นอย่างนี้ตลอดไป นางจะถือว่ามู่ซืออวี่เป็นน้องสาว
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ ไม่นานฟู่เฉินหรงก็มา เขาเดินเข้าไปหาซูจิ่วซืออย่างรวดเร็ว ไม่ใส่ใจมู่ซืออวี่ซึ่งอยู่ข้างๆ
“เฉินหรง ทำไมมาเล่า”
“วันนี้เป็นโอกาสดีมีเวลาว่าง จะพาเจ้าไปดูดอกไม้”
ฟู่เฉินหรงจับมือซูจิ่วซือตามความเคยชิน พูดยิ้มๆ จากนั้นจึงเห็นมู่ซืออวี่ซึ่งอยู่ข้างหลังซูจิ่วซือ
“นางคือ…”
แม้จะเดาฐานะของมู่ซืออวี่ได้ แต่ฟู่เฉินหรงแสร้งทำเป็นไม่รู้ จงใจถาม
มู่ซืออวี่รีบคารวะฟู่เฉินหรงทันที พูดเสียงอ่อนหวานเป็นพิเศษ “ผู้น้อยมู่ซืออวี่คารวะองค์รัชทายาท”
“แม่นางมู่นี่เอง ไม่ต้องมีพิธี!”
“เพคะ”
มู่ซืออวี่ยืนตัวตรง เดิมทีนางคิดว่าฟู่เฉินหรงจะพูดกับนางบ้าง แต่ฟู่เฉินหรงเบนสายตาไปที่ซูจิ่วซืออีก “จิ่วซือ เรากลับไปก่อนเถอะ! สถานที่ดูดอกไม้ค่อนข้างไกล ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่ทันเวลา”