บทที่126 แสดงความรัก
สาวใช้ที่กลัวอยู่แล้ว
หลังจากได้ยินนางพูดก็พากันหน้าขาวซีด
“พระชายาเย่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว หลังจากนี้ข้าน้อยจะไม่กล้าพูดมั่วซั่วแล้ว”
“ใช่! พระชายาเย่ เมื่อครู่พวกข้าน้อยก็พูดส่งเดชไป ท่านกับอ๋องเย่คือคู่ที่พระเจ้าสร้าง ได้โปรดท่านอย่าโกรธเคืองคุณหนูสามเลย”
“พระชายา พระชายา คุณหนูสามเป็นคนดี ดีต่อพวกข้าน้อยมาก ที่พวกข้าน้อยพูดจาเหลวไหลเมื่อครู่นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับคุณหนูสามเลยสักนิด”
“……”
เผชิญกับเหล่าสาวใช้ที่แย่งกันขอความเมตตา นางยังไม่ทันพูดอะไรก็ช่วยหลานจิ่นเอ๋อขอร้องแล้ว
เอ่อ……
นางยังไม่ได้บอกว่าคิดอย่างไรนะ? ก็เป็นแบบนี้แล้ว
ถ้านางต้องการจะโกรธหลานจิ่นเอ๋อจริงๆ นางก็จะกลายเป็นนักโทษใช่หรือไม่?
จุ๊จุ๊!
คิดไม่ถึงจริงๆว่าหลานจิ่นเอ๋ออยู่ในจวนแม่ทัพจะอยู่ได้สุขสบายอย่างงี้!
ไม่ว่านางจะอยู่อย่างไรก็อย่ามาลามจนถึงหัวนางไม่งั้นต่อให้ผู้มีอำนาจมาก็ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งการลงมือของนางได้
“ไอ๊หยาๆ ข้าก็แค่มายืนที่นี่เพื่อเตือนพวกเจ้า พวกเจ้าน้ำตาไหลกันออกมาเป็นสายอย่างงี้ คนที่ไม่รู้จะคิดว่าข้าทำอะไรพวกเจ้านะ!
เอาหล่ะๆ ข้าก็เป็นคนดี เรื่องเล็กๆอย่างงี้ข้าไม่คิดหยุมหยิมกับพวกเจ้าหรอก บอกข้ามาทีว่าท่านอ๋องของข้ากับคุณหนูสามของพวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?”
นางก็จะไปสมทบด้วย
สาวใช้ทั้งหมดต่างไม่เข้าใจสำหรับปฏิกิริยาแบบนี้ของหลานเยาเยา
หลานเยาเยาไม่ควรด่าพวกนางเหรอ?
อย่างไรเสียพวกนางก็บอกว่าอ๋องเย่คู่ควรกับคนอื่นแล้วยังบอกอีกว่าไม่อยากให้นางเป็นพระชายาเย่
นางควรจะโมโห เสียใจ หลังจากนั้นก็สั่งให้คนมาโบยพวกนาง หรืออาจจะถึงขั้นขนาดไปสร้างปัญหาให้อ๋องเย่กับคุณหนูสามเลยก็ได้
ใครจะรู้ว่าหลานเยาเยาจะบอกว่าตนเองเป็นคนดี
ดูเหมือนจะไม่คิดหยุมหยิมอะไรกับพวกนางเลย……
แต่ว่าด้วยท่าทางแบบนี้ พวกนางก็โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่พวกนางบอกว่าอ๋องเย่กับหลานจิ่นเอ๋ออยู่ที่ไหน หลานเยาเยาก็หมุนตัวจากไป แต่ยังไม่ทันได้ออกไปจากศาลาก็ต้องหยุดฝีเท้าลงแล้วเดินกลับมา
“พระชายายังมีเรื่องอะไรอีกหรือ?” สาวใช้คนนึงถามขึ้น
“ยังมีอีกเรื่องนึง!”
“เรื่องอะไรเพคะ? พระชายา ท่านอยากรู้อะไรข้าน้อยจะบอกท่านหมด”
“เมื่อครู่ข้าลืมตีพวกเจ้า!”
สาวใช้ทุกคน:“……”
ลืมตีพวกเจ้า……
แบบนี้ก็ลืมได้ด้วย?
หรือหลานเยาเยาไม่ต้องการเข้าใจความสัมพันธ์แต่ก่อนของอ๋องเย่กับคุณหนูสามเหรอ?
นางไม่สงสัยสักนิดเลยเหรอ?
แต่พวกนางก็ได้แต่คิดเพ้อเจ้อในใจอยู่มากมาย ก็เห็นหลานเยาเยาถกแขนเสื้อขึ้นควงหมัดไปทางพวกนาง
ชั่วครู่เดียว!
หลานเยาเยาวางแขนเสื้อลงเดินออกไปจากศาลา สาวเท้าออกไปอย่างสบายใจ
ทิ้งให้เหล่ากลุ่มสาวใช้ที่หน้าบวมช้ำคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดอยู่ในศาลา……
……
ใต้ต้นไม้ที่หน้าลานมีศาลาแปดเหลี่ยมพร้อมผ้าบางๆปล่อยลงมาสี่ด้าน เมื่อตอนที่มีลมผ้าบางๆก็พริ้วไหวไปพร้อมกัน ดูแล้วช่างสวยงามและโรแมนติกมาก
ผ้าบางของศาลาด้านหนึ่งเปิดไว้อยู่ สถานที่ที่ผ้าบางๆเปิดไว้อยู่นั้นคือทางออกซึ่งถ้าหากต้องการออกจากศาลาก็ต้องลงบันไดหินห้าหกขั้น
ตอนที่หลานเยาเยามาถึงก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งกับหลานจิ่นเอ๋อกำลังจิบชาเล่นหมากรุกกันอยู่
ใบหน้าของหลานจิ่นเอ๋อเต็มไปด้วยรอยยิ้มแดงระเรื่อ ส่วนสีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งแม้จะยังนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้เย็นชาไม่ให้คนเข้าใกล้เหมือนแต่ก่อน
ในใจของหลานเยาเยาก็ยังรู้สึกสงสัย!
หรือแต่ก่อนพวกเขาเคยมีความรู้สึกต่อกัน?
ถ้าอย่างงั้นก็จะลำบากละ นางต้องการเลื่อนขั้นระบบนั้นก็ยิ่งยากแล้ว
ไม่ได้!
นางต้องไปดูสถานการณ์ก่อน
หลังจากนั้นก็ค่อยตัดสินใจว่าจะใช้แผนไหนดี
ดังนั้นหลานเยาเยาจึงจัดเสื้อผ้าตนเองกระแอมเสียงหนักแน่นเพื่อให้สองคนที่อยู่ในศาลารับรู้ถึงการมีตัวตนของนาง
ใครจะรู้……
ไม่มีใครหันมาเลย ดูเหมือนพวกเขาจะหมกมุ่นกันมาก
นี่มันน่าอายนะ!
แต่ถึงแม้เป็นเช่นนี่ ก็ไม่สามารถหยุดการเดินหน้าของนางได้
นางเดินโซเซเข้าไปในศาลาและก่อนที่จะเดินเข้าไปในศาลาก็ได้เด็ดดอกไม้บานมาหนึ่งดอก
ตอนนี้……
ในที่สุดก็มีคนหันมาแล้ว
แต่คนที่หันมากลับไม่ใช่เย่แจ๋หยิ่งแต่เป็นหลานจิ่นเอ๋อที่ยิ้มไปทั้งหน้า หลังจากที่นางเห็นหลานเยาเยาก็พยักหน้าน้อยๆเพื่อแสดงความเคารพและมีมารยาท
ส่วนเย่แจ๋หยิ่งมองหมากรุกเงียบๆราวกับไม่รู้ว่านางมา
หลานเยาเยาเบะปาก!
เอาดอกไม้ที่อยู่ในมือส่ายๆตรงหน้าเย่แจ๋หยิ่ง เหมือนจงใจขัดจังหวะการเล่นหมากรุกของเขา
มุมปากของเย่แจ๋หยิ่งแอบกระตุกขึ้นพร้อมจับมือนางที่ถือดอกไม้อยู่ จากนั้นก็จับเล็กน้อยเอานางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกทั้งนางยังนั่งอยู่บนตักเขาอีก
หลานเยาเยาคิดว่าเขาจะดุนาง
ไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรที่แตกต่างออกไปแล้วทำอย่างงี้ออกมา
หลานเยาเยาก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะก่อกวนแล้ว พยายามขัดขืนลุกขึ้นแต่ก็ต้องพบว่าเย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดเรียบๆว่า:
“หยุดโวยวาย!”
“ได้ งั้นเจ้าก็ปล่อยข้าก่อน”
อย่างไรก็ตาม!
เย่แจ๋หยิ่งไม่มองนางเลยสักนิด สายตายังคงมองอยู่ที่ตารางหมากรุกตลอด
“กลัวว่าเจ้าจะกระสับกระส่ายก็เลยกอดไว้ในอ้อมกอดให้สบายใจ”
“เจ้าคิดว่ากักข้าเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วข้าจะสงบเสงี่ยมเหรอ?”
น่าตลก!
กักนางไว้ก็ไร้ประโยชน์ นางยังมีมือมีเท้าแล้วก็ยังมีปากอีก
หลังจากนั้นนางก็ใช้มือไปจั๊กจี้เขา เดิมทีมีเสื้อผ้ากั้นเย่แจ๋หยิ่งก็ไม่รู้สึกอะไรแต่ในไม่ช้าหลานเยาเยายื่นมือเข้าไปในเสื้อคลุมของเขา
ไปแตะที่เอวของเขาอย่างแม่นยำ นางไม่ได้รีบร้อนจั๊กจี้แต่กลับแตะผิวหนังของเขาเบาๆ
ตอนนี้……
เย่แจ๋หยิ่งตัวแข็งทื่อ มองนางด้วยสีหน้าแยกไม่ออก จากนั้นจึงวางตัวหมากในมือลง ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“อ๊า!”
เสียงขึ้นจมูกดังขึ้นมา เย่แจ๋หยิ่งแยกเสื้อออกจับเอามือเล็กๆของนางขังไว้
“เจ้าแน่ใจนะที่จะเล่นกับไฟ? หืม?”
“……”
หลานเยาเยาอดยกมุมปากไม่ได้
นางก็แค่จั๊กจี้เท่านั้น เล่นกับไฟที่ไหนหล่ะ?”
ช่างเถอะ!
ไม่ก่อกวนละ
หญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามนั้นหน้าซีดก็ประสบผลสำเร็จแล้ว ต่อมาก็รีบลุกขึ้นจะจากไป
“ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการจะวางหมากหรอกหรือ? รีบปล่อยข้าเร็ว ข้ายังมีธุระต้องไปทำ”
“เกมหมากรุกของปรมาจารย์ เป็นร้อยปีก็ไม่มีใครแก้ได้ ข้าเองก็ไม่รีบร้อน!”
ถึงจะเป็นหมากรุกที่ค้างมานานร้อยปีก็ต้องน่าดึงดูดแน่นอน
แต่กลับฝีมือต่างกันมากกับที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะตายกันไปข้างกับนางแล้ว!
ให้ตายเถอะ!
เย่แจ๋หยิ่งนี่นับวันยิ่งเป็นผู้ชายหลายใจ มือนึงขังไม่ให้นางพูด อีกมือนึงก็วนไปรอบเอวบีบๆเนื้อนางเบาๆเป็นการแหย่
หลานเยาเยาอยากจะหนีขึ้นมาทันที
ถ้ารู้เร็วกว่านี้ก็ไม่มาหยอกเย้าเขาที่นี่แล้ว แต่ก่อนเขาไม่รีบร้อนหนิ! ตอนนี้ไหงมาลวนลามนางได้
ไม่ได้!
เสียหาย เป็นการเสียหายครั้งใหญ่
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะทำอย่างนี้ต่อหน้าคุณหนูสาม?”
ได้ยินดังนั้น!
เย่แจ๋หยิ่งชะงักไปมองหลานจิ่นเอ๋อที่นั่งก้มหน้าอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะปล่อยนางไปด้วยความไม่พอใจ
หลานเยาเยาหลังจากได้รับอิสระแล้วก็ตบๆเสื้อผ้ากวาดตามองพวกเขาจากนั้นก็ยิ้มหวาน:
“พวกเจ้าเล่นกันดีๆนะ ข้าไปก่อนหล่ะ!”