หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 150 อุบายของใคร

บทที่ 150 อุบายของใคร

คำพูดนี้ก็ไทเฮาทำให้หลานเยาเยารู้สึกไม่สบายใจ นางไม่รู้ที่ไทเฮาพูดออกจากปากว่าเสียดายนั้น คือเสียดายแทนฮองเฮา หรือว่าพูดถึงตัวเอง?

เดิมทีนึกว่าหลังจากออกมาจากตำหนักของไทเฮาแล้ว ก็สามารถกลับจวนได้

แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางยังเดินออกไปไม่พ้นหน้าประตูใหญ่ของพระราชวัง ก็มีคนเรียกนางไว้อีกครั้ง

คนๆนี้ไม่ใช่คนจากตำหนักของไทเฮา แต่เป็นองครักษ์ลับของเย่แจ๋หยิ่ง เขาพูดว่า หาพระราชธิดาจาวหยาวเจอแล้วที่ห้องลับในตำหนักของฮองเฮา ให้นางรีบตามไป

เพราะว่าเรื่องที่พระราชธิดาจาวหยางโดนหนอนพิษกู่ควบคุมยังไม่จบ

ก็หมายถึงว่า ยาถอนพิษที่นางให้ไปไม่ได้ผล หนอนพิษกู่ในร่างกายที่ควบคุมพระราชธิดาจาวหยาง

เป็นไปได้เช่นไร?

ขณะที่ต่อสู้กับพระรชธิดาจาวหยางที่ถูกควบคุม นางได้ตรวจเส้นชีพจรของนางแล้ว และนางก็ให้ยาเหมาะสมกับโรค

ทำไมถึงยังแก้ไม่ได้?

ต้องเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นแน่ๆ?

คิดถึงตรงนี้ นางไม่พูดมากรีบตรงดิ่งไปยังตำหนักของฮองเฮาทันที

มาถึงตำหนักฮองเฮา รู้สึกบรรยากาศที่แปลกๆ ในตำหนักมีคนมากมาย เย่แจ๋หยิ่งและฮ่องเต้ก็อยู่

พวกเขาทั้งสองมองดูคนที่อยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก หลานเยาเยาก็มองไปตามทางที่พวกเขามองอยู่

มองเห็นเพียงแต่ผ้าปูเตียงที่ห้อยลงมา มองไม่ชัดว่าคนในนั้นคือโหลวเย่วหรือไม่ แต่กลับเห็นหมอหลวงจำนวนไม่น้อยยืนอยู่ข้างเตียง ในนั้นมีหัวหน้าโรงหมอหลวงกำลังตรวจชีพจรด้วยเส้นด้าย สีหน้าดูเป็นกังวล

ครู่ต่อมา ก็เห็นหัวหน้าหมอหลวงส่ายหัว

หลานเยาเยารีบขึ้นไปด้านหน้าเพื่อถาม : “เป็นเช่นไรบ้าง?”

“เรียนพระชายาเย่ วิชาการรักษาของข้าน้อยไร้ความสามารถ ชีวิตของพระราชธิดาน่าเป็นห่วงมาขอรับ!” หัวหน้าโรงหมอหลวงก้มหัวลง ด้วยความรู้สึกผิด

“ข้าขอดูหน่อย!”

ในใจของหลานเยาเยามีข้อสงสัยมากมาย รีบไปตรวจชีพจรทันที ชีพจรเช่นนี้ ทำให้จะตกใจ

ในร่างกายของโหลวเย่วมีหนอนพิษกู่อยู่จริง แต่หนอนพิษกู่นี้กลับไม่เหมือนกับหนอนพิษกู่ก่อนหน้านี้ ข้อสงสัยในใจยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น นางได้กลิ่นบางอย่างที่เกิดความไม่ปกติขึ้น

แต่ว่า!

ตอนนี้ยังคิดเรื่องมากไม่ได้แล้ว

ชีพจรของโหลวเย่วในตอนนี้ หากว่ารักษาไม่ทันเวลา อาจจะโดนท่านยมราชเชิญไปจิบน้ำชาได้ทุกเวลา

จึงได้หยิบกระดาษพู่กันขึ้นมาทันที หลังจากเขียนรสชาติยาลงไปไม่กี่อย่าง ก็รีบออกไปเตรียมอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าใจของหลานเยาเยาจะคิดอยู่แต่เรื่องอาการป่วยของโหลวเย่ว แต่ก็ได้คอยสังเกตความเป็นไปของคนในห้องอยู่เป็นระยะ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เย่แจ๋หยิ่งจากไป แม้ว่าฮ่องเต้จะอยู่ตลอด แต่สีหน้ากลับดูนิ่งเฉยเกินไป เพียงเมื่อสายตาของเขามาจับจ้องอยู่ที่นางนั้น สีหน้าก็ดูมีความสงสัยอย่างหนัก

หลานเยาเยาเคลื่อนสายตามาจับจ้องที่มือของโหลวเย่ว ม่านที่กั้นอยู่นั้นทำให้มองคนที่อยู่ด้านในไม่ชัด ดังนั้นนางจึงยื่นมือ คิดจะแหวกม่านออก……

ฮ่องเต้ก็เปล่งเสียงขึ้นทันที

“น้องสะใภ้รู้วิชาการรักษาหรือ?”

เผชิญหน้ากลับความคลางแคลงใจของฮ่องเต้ หลานเยาเยาก็ไม่ได้แสดงความตกตะลึงใดๆ แต่กลับพยักหน้าเบาๆ

เมื่อสักครู่ได้ตรวจชีพจรให้โหลวเย่ว หากฮ่องเต้ไม่ใช่คนโง่ ก็ต้องดูออกเป็นแน่ว่านางรู้วิชาการรักษา

เพียงแต่……

นางก็ยังมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

“ไม่รู้ว่าวิชาการรักษาของน้องสะใภ้ไปเรียนมาจากที่ไหน?” ฮ่องเต้ถามคำถามอีกครั้ง

“ตอนอยู่ที่จวน เรียนรู้จากจื่อซีมานิดหน่อย เมื่อสักครู่รีบร้อนไปหน่อยจึงได้แสดงความสามารถอันต่ำต้อยของตัวเองออกไป”

พูดไปก็แหวกม่านไปด้วยความธรรมชาติ มองเห็นคนด้านใน หลานเยาเยาถึงกับตกตะลึงเล็กน้อย

หรือว่านางจะคาดเดาผิดพลาดไป?

ใบหน้าของคนด้านในนั้นเป็นใบหน้าของโหลวเย่วจริงๆ เพียงแต่ใบหน้านั้นดูแปลกๆ

นี่ทำให้หลานเยาเยาขมวดคิ้วเขาหากันทันที

จากนั้นก็หันไปมองที่ฮ่องเต้ ถามด้วยความสงสัยว่า : “ท่านอ๋องของบ้านข้าเมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้มิใช่หรือ? ทำไมตอนนี้หาไม่พบแล้วล่ะ?”

“อ๋องเย่มีเรื่องต้องจัดการจึงออกไปก่อนแล้ว!”

ในสถานการณ์ความเป็นความตายของโหลวเย่ว เป็นไปได้เช่นไรที่เย่แจ๋หยิ่งจะออกไปก่อน?

“อ๋อ!”

หลานเยาเยาไม่ได้พูดต่ออีก เพียงแค่รอยาต้มเสร็จอย่างเงียบๆ ในระหว่างนั้นฮ่องเต้ได้สอบถามเรื่องที่เกี่ยวกับฮองเฮามากมาย ก็โดนนางตอบปัดๆไปหมด

หลังจากรอจนโหลวเย่วกินยาถอนพิษแล้ว ก็อาเจียนเป็นหนอนพิษกู่ออกมา

มองดูเดิมทีที่ควรจะฟื้นขึ้นมา แต่ตอนนี้โหลวเย่วกลับนอนไม่ได้สติอยู่ นางจึงจงใจพูดกับฮ่องเต้ว่าจะพาโหลวเย่วกลับจวนอ๋องเย่ แต่กลับโดนฮ่องเต้ตอบปฏิเสธทุกทาง

สุดท้ายไม่มีทางเลือก หลานเยาเยาจึงได้ออกจากพระราชวังไป

ในตำหนักฮองเฮา องครักษ์ที่มีวิทยายุทธสูงส่งที่ซ่อนอยู่บนคานห้องก็ถูกกระจายออกไป จากนั้นก็สั่งให้คนลงมือสังหารโหลวเย่วที่นอนอยู่บนเตียง

ขันทีข้างกายผู้หนึ่งเดินเข้าไปถาม : “ทำไมฮ่องเต้จึงปล่อยให้พระชายาเย่จากไปล่ะพะยะค่ะ?”

พระชายาเย่ผู้นี้ ไม่ได้เหมือนกับที่ล่ำลือกันว่าไม่มีอะไรดี

แต่กลับเป็นคนที่ปกปิดความสามารถไว้ หากว่าปล่อยเสือกลับคืนภูเขา เกรงว่าต่อไปจะสร้างความเดือดร้อนอย่างไม่สิ้นสุด!

“นางได้วิชาการรักษาแล้วยังไง? ก็ไม่ได้เป็นหลักฐานว่านางมาปรากฏตัวที่ตำหนักของฮองเฮา” แม้ว่าจะควบคุมตัวนางเอาไว้ ก็จะเป็นเพียงการยั่วให้อ๋องเย่โกรธ

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ได้มาวันนี้ก็ไม่น้อย

“งั้นยาพิษที่ค้นพบจากห้องลับจะจัดการเช่นไรดีพะยะค่ะ?”

“เก็บไว้ก่อน”

“พะยะค่ะ!”

“ไป เตรียมให้ข้า ข้าจะออกราชโองการฉบับหนึ่ง” ในแววตาของฮ่องเต้ปรากฏออกมาถึงการวางแผน…….

นอกประตูวัง

หลานเยาเยามาถึงหน้ารถม้าของตัวเอง เพียงค่อยๆเหลือบมองคนขับรถม้าแวบหนึ่ง คนขับรถม้าก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย

นางก็ขึ้นรถม้าทันที

มองเห็นโหลวเย่วที่ดูซูบโทรมอยู่ในรถม้า และฮัวหยู่อันที่หน้าตาภาคภูมิใจ ในใจนางก็เข้าใจได้ทันที

โหลวเย่วที่อยู่ในตำหนักของฮองเฮาคือตัวปลอม

เดาว่าฮ่องเต้ต้องการจะทดสอบนางจึงได้วางแผนนี้ขึ้นมา คิดไม่ถึงในเรื่องที่เกี่ยวกับฮองเฮานางไม่ได้แสดงพิรุธออกมา แต่กลับเปิดเผยถึงวิชาการรักษา

และก็ไม่รู้ว่านี่คือเรื่องดีหรือไม่ดี?

เพียงแต่องครักษ์ลับที่มาแจ้งข่าวและเย่แจ๋หยิ่งที่อยู่ในตำหนักฮ่องเฮาเรื่องเป็นเช่นไรกันแน่?

แต่ทว่า!

ฮ่องเต้ที่ผ่านเรื่องราวการตายของฮองเฮามา จะสามารถคิดแผนการที่แยบยลขนาดนี้ได้เช่นไร?

“โม่เหลียงเฉินล่ะ?”

“หลังจากที่ออกจากวังก็ไปแล้ว”

ความจริงคือถูกนางยั่วโมโหจนจากไป ใครให้เขาพาคนๆหนึ่งออกมาแล้วก็ทำท่าทางอิดๆออดๆกันล่ะ

“ก่อนหน้านี้เจ้าเอาคนไปซ่อนไว้ที่ไหน?” นางนึกสงสัยในข้อนี้

“เรียนคุณหนู ซ่อนที่พระตำหนักเย็นเพคะ”

พระตำหนักเย็น?

เหอะ กลับเป็นที่ซ่อนตัวที่ดีเลยทีเดียว ฮัวหยู่อันก็ไม่ได้โง่นี่นา!

เพียงแต่ ท่าทางที่ฮัวหยู่อันบอกกับนางดูแปลกๆ ดังนั้น นางจึงอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปถาม : “เจ้ากินยาผิดหรือไง?”

ทั้งยังทำตัวเคารพนอบน้อมต่อนางอีก ทำให้นางขนลุกขนพอง

“หามิได้เจ้าคะ ข้าน้อยฐานะต่ำต้อย ก็ควรต้องเคารพนอบน้อมต่อคุณหนู” คิดว่านางอยากทำหรือไง? ก็กลัวหลานเยาเยาที่กำลังไม่สบอารมณ์อยู่เอานางไปฝังทั้งเป็น

“สำนึกได้ก็ดี”

“……”

หลังจากกลับถึงจวนอ๋องเย่ หลานเยาเยาให้คนพาโหลวเย่วกลับไปที่ลานหนวนซิน ขณะคิดจะหันตัวแล้วไปที่ลานของตัวเอง กลับได้ยินพ่อบ้านบอกว่าฮ่องเต้ได้ออกพระราชโองการ

ในห้องรับแขก ขันทีอ่านประกาศพระราชโองการ โดยรวมแล้วมีเนื้อหาสองเรื่องด้วยกัน

หนี่งคือ มีคนแอบอ้างปลอมเป็นพระราชธิดาจาวหยางในพระราชวัง โดนประหารชีวิตแล้ว

สองคือ ชื่นชมวิชาการรักษาชั้นสูงของหลานเยาเยา ทั้งมอบรางวัลให้มากมาย

หลานเยาเยารับพระราชโองการ ด้วยความไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก

ฮ่องเต้นี่กำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?

เย่แจ๋หยิ่งเพิ่งจะกลับมาถึงตอนช่วงเวลาใกล้ค่ำ เมื่อเขากลับมาก็ตรงไปที่ห้องหนังสือทันที มองดูจดหมายในมือ แล้วก็ถอนหายใจยาวๆ

“ก๊อกก๊อกก๊อก……”

หลานเยาเยาถือโจ๊กมาถ้วยหนึ่งพร้อมเคาะประตูห้องหนังสือจนเกิดเสียง เดิมทีคิดว่าเย่แจ๋หยิ่งจะให้นางเข้าไป แต่กลับไม่ได้ให้เข้าและกลับได้ยินเสียงอันสุดแสนจะเย็นชาดังมาจากด้านใน

“ข้าเคยบอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมารบกวน!”

เอ่อ…….

อารมณ์ไม่ดีขนาดนี้เชียว?

คงไม่ใช่เพราะโม่เหลียงเฉินเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดในวันนี้ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบหรอกนะ?

“แฮ่มแฮ่ม ข้าเอง”

คนที่อยู่ข้างในเหมือนจะชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นก็ตอบเหมือนเดิมว่า : “เจ้าก็ไม่ได้!”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset