บทที่151 ตราราชลัญจกรหยก
ถ้าหากเป็นแต่ก่อนหลานเยาเยาจะต้องเบะปากและจากไปอย่างมีความสุขมากแน่ๆ
อย่างไรเสีย!
นางก็ยังคงกลัวนิสัยกระหายเลือดของอ๋องเย่อยู่มาก
แต่ถ้าตอนนี้ นางก็แค่ยักไหล่เบาๆแล้วก็ผลักประตูออกไป
แม้เสียงที่นางผลักประตูจะไม่ดังมากนักแต่หลานเยาเยาก็เชื่อว่าเย่แจ๋หยิ่งต้องได้ยิน แต่คนข้างในก็ทำเหมือนกับไม่ได้อะไรซะอย่างงั้น ยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะมองดูจดหมายในมือด้วยใบหน้าเย็นชา
หลานเยาเยาเอาโจ๊กวางไว้บนโต๊ะข้างๆพูดกระซิบเสียงอ่อนโยนว่า: “ข้าต้มโจ๊กให้ เจ้ารีบดื่มเสียตอนที่มันยังร้อนสิ!”
เมื่อเห็นเย่แจ๋หยิ่งไม่ขยับอะไร ดวงตาของหลานเยาเยาก็ประกายรอยยิ้มขึ้น จากนั้นก็หยิบช้อนขึ้นมาตักเข้าปากตนเองแถมยังกินอย่างออกรสชาติ
ดูท่าทางเขาแล้วน่าจะยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ
นางสามารถที่จะกินโจ๊กได้ถ้วยนึงแล้วก็รอเขาเงียบๆจนทำอะไรเสร็จ จากนั้นค่อยคุยธุระกับเขา
ต่อหน้าอาหารเลิศรสนางก็ลืมไปเสียสนิทว่าโจ๊กถ้วยนี้คือนางตั้งใจต้มให้เย่แจ๋หยิ่ง
ใครจะรู้······
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
เสียงที่น่าดึงดูดและเกียจคร้านดังขึ้นมาข้างหู ทำให้หลานเยาเยาที่จมอยู่กับความคิดต้องสะดุ้งดึงสติกลับมา ตอนหันหัวไปก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้แค่เอื้อม นางก็ต้องตกใจจนเอนตัวไปด้านข้างพร้อมกับนำโจ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะไปด้วย
“······”เย่แจ๋หยิ่งมองไปยังชามโจ๊กที่เหลือเพียงครึ่งเดียว
ไม่ใช่บอกว่าตั้งใจต้มให้เขาเหรอ?
นางกลับกินอย่างเอร็ดอร่อยได้ยังไง?
“นี่คือโจ๊กที่เจ้าต้มให้ข้า?” เขาถาม
“ใช่ ใช่สิ!” มีปัญหาอะไรหรอ? นี่คือโจ๊กสิอีกทั้งยังเป็นโจ๊กที่นางทำเองด้วย
“ทำไมเหลือแค่ครึ่งเดียว?”
“······”ถ้าพูดว่านางกินไปเขาจะบีบคอนางไหมนะ? “ท่านอ๋อง เจ้าไม่รู้อะไร โจ๊กนี่ยิ่งต้มนานยิ่งดี ความข้นๆมันคือจุดที่อร่อยที่สุดนะ!”
ยังไงเย่แจ๋หยิ่งก็ทำกับข้าวไม่เป็น นางพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเขาก็ไม่เข้าใจ
แล้วก็เป็นเช่นนั้น!
พอฟังนางอธิบายเสร็จ เย่แจ๋หยิ่งก็หยิบช้อนในมือของเขาขึ้นมาตักกินๆ จนกระทั่งหลังกินเสร็จเขาก็เอาช้อนวางไว้ข้างๆพร้อมกับมองมาทางนาง
“ครั้งหน้าถ้าแอบกินก็อย่าลืมเช็ดปากให้สะอาด!”
พูดจบก็ยื่นมือเรียวยาวมาเช็ดคราบโจ๊กตรงมุมปากนาง จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปนั่งตรงตำแหน่งเมื่อก่อน
แอบกิน?
นางแอบกินตั้งแต่เมื่อไหร่?
นางกินแบบเปิดเผยต่างหากจบไหม? อีกอย่างโจ๊กนี่ก็เป็นนางที่ทำเองทำไมนางจะกินไม่ได้?
อีกอย่างเขาก็รู้ว่านางแอบกินไป แล้วเขาก็ยังกินอีกเขาไม่ใช่คนที่เกลียดความสกปรกเหรอ?
ดังนั้น
หลานเยาเยารีบลุกขึ้นเดินไปข้างเย่แจ๋หยิ่งเพื่อจะถามหาเหตุผล แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเนื้อหาของจดหมายในมือของเขา
เนื้อหามีเยอะมากแต่เพียงแปปเดียวนางก็จับใจความสำคัญในนั้นได้ทันที
ตราราชลัญจกรหยกปรากฏแล้ว······
การสิ้นเอกราชของราชวงศ์เก่าเป็นเพราะภัยธรรมชาติซึ่งได้เผาทุกสิ่งอย่างในวังไปจนหมดสิ้น นอกจากจะเผาราชวงศ์ของราชวงศ์เก่าไปจนหมดแล้วก็ยังเผาตราราชลัญจกรหยกหายไปด้วย
ดังนั้นประเทศก่วงส้าในตอนนี้จึงไม่มีตราราชลัญจกรหยก
ตอนนี้จู่ๆตราราชลัญจกรหยกก็ปรากฏออกมา โลกจะได้ปั่นป่วนจนไม่อาจคาดเดาได้
แต่ว่า ทำไมจู่ๆตราราชลัญจกรหยกถึงได้ปรากฏออกมานะ? นางเห็นชัดๆอยู่······“เจ้าสนใจสิ่งนี้หรือ?”เย่แจ๋หยิ่งมองนางอย่างสงสัยแล้วเอ่ยปากถาม“เปล่า แค่รู้สึกแปลกๆ เอาดีๆจู่ๆตราราชลัญจกรหยกจะปรากฏออกมาได้ยังไง?”
ล้วนทุกเรื่องมันจะไม่มีต้นสายปลายเหตุไม่ได้ หรือว่าคนของราชวงศ์เก่าปล่อยข่าวออกมา? หรือว่ามีบางคนกำลังวางแผนร้ายครั้งใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นอันไหนก็ล้วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ก่อน
“เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใด?”เย่แจ๋หยิ่งเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องตราราชลัญจกรหยก
ยังไงมันก็เป็นเรื่องของเขา นางไปเห็นเข้าโดยไม่ตั้งใจเขาไม่โกรธก็ดีมากแล้ว ในเมื่อเขาไม่อยากพูดเรื่องนั้นแล้วนางทำไมจะต้องไปแตะเรื่องแย่ๆด้วย
“เย่แจ๋หยิ่ง ในความคิดเจ้า ไทเฮาเป็นคนแบบไหน? ในราชวงศ์เย่แจ๋หยิ่งดูเหมือนจะยังเคารพไทเฮา
ดังนั้นนางจำเป็นต้องลองถามหยั่งเชิงท่าทีของเขาก่อน ไม่งั้นถ้านางเอาความสงสัยของตนเองถามออกไปอย่างไม่คิดหล่ะก็ ท้ายสุดสิ่งที่กลับมามันจะไม่มีผลดีอะไรเลยเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป สายตาหมองอย่างเห็นได้ชัด
“ช่างเถอะ ข้าไปนอนก่อนหล่ะ”
ดูท่าเรื่องนี้จะแตะไม่ได้ ในเมื่อแตะไม่ได้งั้นก็ไปนอนก่อนหล่ะ!
แต่ทว่านางยังไม่ทันได้เดินไปถึงประตู เสียงน่าดึงดูดของเย่แจ๋หยิ่งก็ดังขึ้น: “เจ้ามาก็เพราะเรื่องนี้?”
“ถ้าไม่งั้นหล่ะ?”
หรือว่ามาดูเขาโดยเฉพาะ?
พูดจบก็ผลักประตูออกไปทันทีโดยไม่มองสีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งตอนนี้เลยสักนิด
ทันทีที่หลังจากกลับมาถึงลานซวนซีหลานเยาเยาก็รีบเก็บข้าวของ
นางเพิ่งเห็นชัดๆว่าสถานที่ที่ตราราชลัญจกรหยกปรากฏออกมานั้นอยู่ที่ใกล้ๆหมู่บ้านหยินไห่ซึ่งห่างจากเมืองหลวงมาก นางจะต้องไปที่นั่น
ถ้าเดาไม่ผิด ตราราชลัญจกรหยกนั่นจะต้องเป็นเพียงแค่ป้ายร้านแต่องค์ชายของราชวงศ์เก่าจะต้องไปที่หมู่บ้านหยินไห่แน่
แต่ว่าตอนที่เก็บข้าวของอยู่นั้นสิ่งที่หลานเยาเยาไม่รู้ก็คือ ตอนนี้เย่แจ๋หยิ่งยืนอยู่ตรงนอกประตูห้องของนางด้วยสีหน้าสับสน
เวลาผ่านไปนานสุดท้ายหลานเยาเยาก็เก็บข้าวของเสร็จ ห่อสัมภาระที่เก็บเรียบร้อยแล้วก็เอาวางไว้ในระบบ
“ฮู้ว······”
นางปล่อยลมหายใจออกมาหนักๆ มองไปรอบๆห้องที่ตนเองอยู่
หลังจากคืนที่เงียบสงัดนี้พ้นไปก็ต้องจากไปแล้ว เมื่อจากไปก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่อีก
จู่ๆก็พบว่านางนั้นก็มีความอาลัยอาวรณ์!
“แอ๊ด······”
ประตูห้องถูกเปิดออก ท่าทางเทพบุตรของเย่แจ๋หยิ่งเดินเข้ามา สีหน้าของเขาดูเหมือนปกติแต่ตอนที่สบตาเขาหลานเยาเยากลับรู้สึกผิด
มองเขาก้าวเข้ามาหาตนเองทีละก้าว ละก้าว หลานเยาเยาก็แค่จ้องเขานิ่งๆ
“เย่แจ๋หยิ่ง······”
ยังพูดไม่ทันพูดจบก็ถูกเขากอดไว้แนบแน่น
นางไม่เคยรู้เลยว่าแรงของชายคนนี้จะเยอะขนาดนี้ เยอะราวกับที่ว่าถ้าเพิ่มแรงอีกหน่อยร่างของนางก็จะเขาไปอยู่ในร่างเขาได้แล้ว
จู่ๆเย่แจ๋หยิ่งเกิดบ้าอะไรขึ้นมา?
ตอนแรกนางก็ขัดขืนแรงของเขาแต่หลังจากที่ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของเขานางก็สงบลงทันที
แล้วก็ให้เขากอดเงียบๆอย่างงั้น!
หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเขาก็ปล่อยนางแล้วหมุนตัวจากไป
เอ่อ······
นี่มันหมายความว่าอะไร?
ช่างเถอะ ต้องรีบกินขนมให้หายตกใจ!
นางคิดยังไงก็ทำอย่างงั้น รีบไปนั่งที่หน้าโต๊ะหยิบขนมขึ้นมากิน
ตอนที่กินจนกระทั่งถอนหายใจ เย่แจ๋หยิ่งที่ไปแล้วก็กลับมาแล้วในมือก็ยังถือกะละมังน้ำไว้
“นี่เจ้าทำอะไร?”หลานเยาเยารู้สึกแปลกๆ
ใครจะรู้ เขาไม่พูดอะไรสักคำเอากะละมังน้ำวางไว้ข้างเท้านางด้วยสายตานิ่งๆ
“ค่ำแล้ว ล้างเท้าพักผ่อนเถอะ!”
ตอนนี้ มุมปากของหลานเยาเยากระตุกขึ้น
เป็นไปไม่ได้มั้ง!
เย่แจ๋หยิ่งยกน้ำมาให้นางล้าง? นี่ทำให้นางตกใจจนทำให้ขนมที่อยู่ในมือตกลงบนโต๊ะ
“เจ้าไม่ได้มีไข้ใช่ไหม?”ท่าทางแปลกๆทำตัวอย่างกับคนละคน นี่อดไม่ได้ที่จะทำให้นางต้องระวังตัว
“หรือเจ้าไม่อยากให้ข้าช่วยเจ้าล้าง?”เสียงของเขาเย็นชา
หลานเยาเยาตกใจจนรีบปัดเศษขนมที่อยู่ในมือแล้วลงมือล้างหน้าล้างเท้าเอง
แล้วเพิ่มความระมัดระวังเขา
คืนนี้เย่แจ๋หยิ่งไม่ปกติอย่างมากกลัวจริงๆว่าเขาจะอารมณ์ไม่ดี แล้วชีวิตน้อยๆของตนเองจะตายเอา
ใครจะรู้ว่าตอนที่นางเพิ่งล้างเสร็จ จู่ๆตัวก็เบาขึ้น เย่แจ๋หยิ่งอุ้มนางไว้ในอ้อมกอดแถมยังเดินไปทางเตียง
หลานเยาเยายกสายตามองเย่แจ๋หยิ่งแต่เขาไม่ได้มองนาง นัยน์ตาของเขาขุ่นมัว
สรุปเขาเป็นอะไรไป?