หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 161 สมองป่วย

บทที่161 สมองป่วย

เขาไม่สนหรอกว่าจะเป็นหลานเยาเยาที่ช่วยไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตามจะบอกว่าทั้งหมดเป็นการช่วยเหลือของนางก็ได้

เย่หลีเฉินที่เดิมทีที่กำหมัดแน่นด้วยความโมโหอยู่แล้ว ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นเบาๆ น้ำเสียงต่ำ เสียงหัวเราะเช่นนั้นทำให้หลานเยาเยาหมดคำพูด

คงถูกทำให้โมโหจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?

นางเพียงแค่ไม่ชอบเย่หลีเฉิน ต้องการทำให้เขาโมโหเท่านั้น

โรคนี้ต้องได้รับการตรวจ

ไม่ใช่เพราะเย่หลีเฉินพูดยอชื่นชมนาง แต่เป็นเพราะหานแสผู้นั้น

คนที่เป็นโรคแบบใดกัน ที่หมอทุกคนในโลกไม่สามารถรักษาให้หายได้?

นี่คือสิ่งที่นางสนใจมากที่สุด

ในนามของหมอคนหนึ่ง ผู้ป่วยพิเศษจะมีแรงดึงดูดอย่างมาก ดังนั้น หลังจากได้ยินเย่หลีเฉินหัวเราะเสียงต่ำ จึงกล่าวถาม: “เจ้าหัวเราะอะไร?”

“ข้าหัวเราะที่ความกล้าหาญของเจ้าลดลงเรื่อยๆ หรือว่า เฉพาะตอนที่มีอ๋องเย่อยู่ เจ้าถึงจะมีความกล้าหาญมากขึ้นอีกหน่อย?”

ตอกย้ำ!

ตอกย้ำได้ดี

แต่ไม่เป็นไร ในขณะที่นางกำลังปีนลงเสา จะยั่วให้เย่หลีเฉินโมโหสุดๆ ไปเลย

“เจ้าพูดผิดแล้ว ข้าขี้ขลาดมาก เว้นแต่อยู่ต่อหน้าคนที่มีความกล้าหาญน้อยกว่าตนเองถึงจะแสดงความกล้าหาญ

เสด็จหลานรู้สึกว่าข้ากล้าหาญ อาจเพราะข้ากล้าหาญต่อหน้าเจ้าจนชิน สำหรับเหตุผลเพราะอะไร? เสด็จหลานคงต้องสำรวจตัวเองใหม่จะดีกว่า”

“หลานเยาเยา……” เย่หลีเฉินโมโหจนยืนขึ้นทันที

“เรียกเสด็จอาสะใภ้!” หลานเยาเยาพูดอย่างไม่เร่งรีบ

“เจ้า……”

เห็นท่าทางองค์ชายรัชทายาทที่โมโหมากราวกับกำลังจะกินคน หลานเยาเยาเพียงแค่ยิ้มอ่อน จากนั้นถอนหายใจกล่าว: “ช่างเถอะ ข้าเป็นคนที่เจรจาง่าย แม้ว่าวิชาการรักษายังคงตื้นเขิน แต่ความกล้าจับชีพจรก็ยังมีอยู่”

พูดอยู่ หลานเยาเยาก็ลุกขึ้นแล้ว และเดินไปหาหานแส

แต่เดินไปได้ครึ่งทาง มืออ้วนๆ ข้างหนึ่งยื่นออกมาขวางทางเดินอย่างกะทันหัน

“พระชายาเย่ ข้าน้อยอาการสาหัสกว่า จะตายในไม่ช้า อย่างไรก็ขอเชิญพระยาชาเย่ช่วยดูข้าน้อยก่อนเถิดขอรับ!”

เมื่อผู้นั้นพูดจบ ก็คุกเข่าลงดังตุ๊บ ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทางที่ทรมานมาก

เอิ่ม…..

ก้อนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตัวเองนี้ตัวคืออะไร?

ดูเหมือนอายุจะสามสิบกว่าแล้ว แม้ว่าผิวจะไม่ซีดเหลือง แต่ก็ยังคงเหลืองเกินไป และรูปร่างอ้วนกลม ส่วนสูงดูจากสายตาไม่น่าสูงถึงจมูกของนาง……

คนนี้ป่วยรึไง?

ดูไม่ออกนี่นา! อย่างมากก็คือกินเยอะไปจนอ้วนท้วนสมบูรณ์

แต่!

ในเมื่อเย่หลีเฉินมีการเตรียมตัวมาก่อนแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพาผู้ที่ไม่ป่วยมาด้วย

และแล้วนางจึงมองคนตรงหน้าอย่างละเอียด แต่ไม่ว่านางจะสังเกตอย่างไร ก็ดูอาการไม่ออกว่าเขาป่วย

ดังนั้นนางจึงมองไปยังบนมือที่ยื่นออกมาของชายวัยกลางคนผู้นั้น

ดูเหมือนว่าควรจะต้องจับชีพจรถึงจะรู้อาการ จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับมือชายร่างเตี้ยวัยกลางคน

มือกำลังจะสัมผัสถึงข้อมือของเขา ก็รีบดึงมือกลับไปทันที ดูเหมือนวัสดุของเสื้อผ้าของชายร่างเตี้ยวัยกลางคนจะแตกต่างจากเสื้อผ้าปกติ อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาเล็กน้อย

หลังจากเหลือบมองหลายครั้ง ก็กล่าวเบาๆ กับฮัวหยู่อันที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เสี่ยวฮัว เจ้ามีผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าพกติดตัวหรือไม่?” เมื่อถามเสร็จ นางก็โบกไม้โบกมือทันที “ไม่ต้องแล้ว ข้าใช้วัสดุที่มีก็ได้! รบกวนหยิบกรรไกรมาให้ที”

หลังจากได้รับกรรไกรแล้ว พูดกับชายร่างเตี้ยวัยกลางคน:

“ข้าจะตัดชายเสื้อของเจ้าชิ้นหนึ่ง เจ้าไม่ถือสาใช่ไหม?”

“ไม่ ไม่ถือสาขอรับ!”

นางเป็นถึงพระชายาเย่ผู้สูงส่ง เขาเป็นเพียงสามัญชน พระชายาเย่จะรักษาโรคให้เขา แค่ตัดชายเสื้อเพียงชิ้นเดียว ไม่ได้บอกว่าจะเอาเหรียญเงิน เขากล้าขัดขืนหรือ?

ทุกคนดูหลานเยาเยาตัดชายเสื้อชิ้นหนึ่งของชายร่างเตี้ยวัยกลางคนอยู่อย่างนั้น ด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกัน

แต่!

คนส่วนใหญ่รังเกียจและอยากรู้อยากเห็น มีเพียงคู่ดวงตาเดียวที่สงบและพร่ามัวคู่หนึ่งหรี่ลงเล็กน้อย แววตาแปลกๆ ในดวงตาของเขา

หลังจากหลานเยาเยาตัดผ้าออกชิ้นหนึ่งแล้ว จึงนำผ้าวางบนมือชายร่างเตี้ยวัยกลางคน จากนั้นก็จับชีพจรให้ผู้นั้นผ่านแถบผ้า

คือพิษนั่นเอง……

และพิษชนิดนี้แปลกมาก มันไม่ได้ซึมเข้าไปในเลือดเนื้อของชายร่างเตี้ยวัยกลางคน แต่แนบกับผิวหนังของเขา

พิษชนิดนี้นอกจากแปลกเป็นพิเศษแล้ว แล้วยังรุนแรงอย่างมากอีกด้วย

ผู้ที่ได้รับพิษ จะเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดถึงแก่ความตายหลังจากสามวัน หลังจากตายหนึ่งชั่วโมง กระดูกจะละลายกลายเป็นสายเลือด

และผู้ที่สัมผัสกับผิวหนังของผู้ที่ได้รับพิษ ก็จะติดเชื้อของสารพิษนี้ทันที

โชคดีที่เมื่อกี้ไม่ได้สัมผัสมือเขา ……

ตาเฒ่าพวกนี้เลวได้ใจจริงๆ ขุดหลุมไว้ลึกขนาดนี้ รอให้นางกระโดด!

โชคดีที่นางฉลาด ไม่กระโดดหลุมนี้

มิเช่นนั้น เพียงแค่นางติดเชื้อของสารพิษที่รุนแรงนี้จากผู้ที่ได้รับพิษ เย่หลีเฉินก็จะบอกว่า นางก็คือคนโกหก ไม่มีวิชาการรักษาเลยด้วยซ้ำ ยังจะแสร้งทำเป็นรู้วิชาการรักษา ที่ได้รับเชื้อจากสารพิษก็เพราะหาเรื่องใส่ตัว

ชื่อเสียงจะถูกทำลายโดยข่าวลือไม่ว่า ชีวิตก็ไม่อาจรับประกันได้

“พระชายาเย่ อาการป่วยของข้าน้อยเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

เมื่อเห็นหลานเยาเยาถอนมือออก ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ถามทันที

“ป่วย? ป่วยอะไร?เจ้าไม่ได้ป่วยเลย หากยังยืนยันที่จะให้บอกโรคชนิดหนึ่งออกมาล่ะก็ งั้นก็คือสมองป่วย”

นางฮึดฮัด แล้วกลับไปที่ตำแหน่งของนาง จ้องมองชายร่างเตี้ยวัยกลางคนอย่างเย็นชา

สายตาที่เย็นชานั้น ทำให้ชายร่างเตี้ยวัยกลางคนที่ถูกจ้องมีเหงื่อออกที่หน้าผาก

“พระชายาเย่ หากท่านจับชีพจรแล้วไม่ได้ แล้วทำไมต้องด่าประจานข้าน้อยด้วยล่ะขอรับ?”

ขณะที่พูดประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าชายร่างเตี้ยวัยกลางคนมีกำลังไม่เพียงพอ เห็นได้ชัดว่าใจไม่สู้

“หลานเยาเยา……”

“พูดกี่ครั้งแล้ว เรียกเสด็จอาสะใภ้ เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทของประเทศ ทำไมความจำสั้นนัก ทำไมแม้แต่ความสุภาพความละอายก็ลืมซะแล้ว?

ผู้อาวุโสในครอบครัวไม่ควรเรียกมั่ว สถานะต้องแบ่งให้ชัดเจน แม้ว่าอายุข้าจะน้อยกว่าเจ้า แต่ด้านที่เกี่ยวกับมารยาทและความละอายใจ ข้าก็สามารถสั่งสอนเจ้าได้”

เย่หลีเฉินเพิ่งพูดจบ ก็ถูกหลานเยาเยาขัดจังหวะขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวทันที ยังถูกตำหนิอีกด้วย

ทำให้สีหน้าของเย่หลีเฉินดูน่าเกลียดราวกับกินแมลงวันเข้าไปร้อยตัว

เย่หลีเฉินตัดฟัดแน่น หน้าอกขึ้นและลงไม่นิ่ง อาจเป็นเพราะพยายามอดกลั้นความโกรธในใจ

เขาหลับตา ขมวดคิ้วหลายครั้งอย่างเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเงยหน้าขึ้น ความโกรธเกรี้ยวในดวงตาของก็ถูกซ่อนเอาไว้แล้ว

“เสด็จอาสะใภ้ เจ้ามีวิชาการรักษายอดเยี่ยมเช่นนี้ ทำไมไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเขาเป็นโรคอะไร? หรือว่าที่ตลาดเขาล่ำลือกันว่าเจ้ายอดเยี่ยมในเรื่องวิชาการรักษานั้น เป็นเพียงแค่เจ้าจงใจออกความคิดปล่อยข่าวร่ำลือออกมาหลอกลวงโลก เพื่อชื่อเสียงของเจ้าเอง?

หึ!

หากเป็นเช่นนั้นจริง เสด็จอาสะใภ้ก็ยอดเยี่ยมจริงๆ! แม้แต่เสด็จพ่อยังหลอกลวงปิดบังไปได้ งั้นเสด็จอาสะใภ้รู้หรือไม่หลอกลวงปิดบังเสด็จพ่อก็เท่ากับหลอกลวงฮ่องเต้?”

น้ำเสียงของเย่หลีเฉิน เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความภาคภูมิใจ

ความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้ คือต้องประหารชีวิต

เมื่อถึงเวลา เรื่องไปถึงท้องพระโรง แม้แต่อ๋องเย่ก็ปกป้องนางเอาไว้ไม่ได้

เดิมคิดว่าได้ยินคำเหล่านี้ หลานเยาเยาจะกลัวจนตื่นตระหนก แต่คาดไม่ถึง หลานเยาเยาไม่เพียงแต่ไม่แสดงร่องรอยของความกลัว กลับมีท่าทีที่สงบ และสุดท้ายยังยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

“เสด็จหลานนะเสด็จหลาน เจ้ารู้จักประโยคๆ ที่ว่าอยากเล่นงานใครย่อมมีเหตุผลหรือหาข้ออ้างได้เสมอหรือไม่? ประโยคนี้หมายความถึงเจ้านี่เอง!

ข้าแค่บอกว่าเขาไม่ป่วย เจ้าก็ยังจะให้ข้ามีความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้ หากเป็นเช่นนี้ เจ้าแทงข้าให้ตายเลยดีกว่า”

หลังจากพูดจบ

หลานเยาเยาส่ายหน้า ท่าทางราวกับผิดหวังอย่างยิ่ง……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset