บทที่ 173 เหตุใดถึงยังอยู่
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่หลานเยาเยากลับรู้สึกว่ามันนานมากราวกับผ่านแล้วหลายศตวรรษ
ตอนนี้ในชั้นล่างสุดของเรือได้ถูกน้ำท่วมเอาไว้หมดแล้ว และผู้โดยสารบนเรือก็ได้หนีขึ้นมายังชั้นบนสุดของเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในหลายๆครั้งก็มีคนพยายามจะมายังห้องขับเรือเพื่อที่จะถามความรับผิดชอบจากเจ้าของเรือว่าควรจะทำอย่างไร? พวกเขาจะตายหรือไม่? แต่ก็ถูกองครักษ์ลับกันเอาไว้
หลานเยาเยามองดูเจ้าของเรือที่ยังคงหลับไม่ได้สติ พลันหันไปมองเย่แหยิ่งที่ยังคงยืนต้านลมอยู่ เขาเป็นเหมือนกับรูปปั้นน้ำแข็ง ยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
นางจึงเงยหน้าขึ้นไปดูท้องฟ้าก็มองเห็นกลุ่มเมฆดำที่ค่อยๆสลายไปแล้วจำนวนไม่น้อย พร้อมทั้งเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าก็ค่อยๆอ่อนตัวลงแล้วเช่นกัน
ถึงแม้ว่าดูแล้วภัยจากธรรมชาติจะค่อยๆผ่านไปแล้ว แต่ว่าเรือที่กำลังจะจมนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
คนบนเรือเยอะขนาดนั้น แต่บนเรือกลับมีเรือเล็กเพียงสี่ลำเท่านั้น แล้วในเรือเล็กทุกลำก็บรรจุคนได้มากที่สุดเพียงแค่ห้าถึงหกคนเท่านั้น
เท่าที่นับออกมาได้ คนที่จะสามารถนั่งเรือหนีออกไปได้ก็มีเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ส่วนผู้คนที่เหลือก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น
ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเรือหลบหนีที่มีเพียงสี่ลำล้วนอยู่ในมือของเย่แจ๋หยิ่ง
ดังนั้นความเป็นความตายของคนจำนวนมากขึ้นอยู่กับความคิดของเขา รวมถึงนางด้วย
ในขณะนี้!
คนที่ยืนนิ่งอยู่นานอย่างเย่แจ๋หยิ่งก็สะบัดมือ แล้วก็มีองครักษ์ลับนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาทันที
“เจ้านาย!”
“พาทุกคนมาที่นี่”
“ขอรับ!”
หลังจากที่องครักษ์จากไป เย่แจ๋หยิ่งก็หันหลังมามองหลานเยาเยา พลันขยับริมฝีปากเบาๆ
” สามารถทำให้ทุกคนที่สลบอยู่ฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่?”
“ได้สิ! เพียงแต่……”หลานเยาเยาอยากจะเจรจาเรื่องเงื่อนไข
ถึงแม้สัญชาตญาณของนางจะว่าเย่แจ๋หยิ่งจะต้องให้นางขึ้นเรือเล็กเป็นแน่ แต่เพื่อเป็นการรับประกันนางจำเป็นต้องหาโอกาสรักษาชีวิตของตัวเองไว้
หากเกิดว่าเขาทำผิดพลาดขึ้นมาแล้วทิ้งนางไว้ เช่นนั้นนางก็ถือว่าจบเห่แล้ว
การเกิดใหม่ของนางอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งไม่อยากตายอยู่ในน้ำทะเลอันเยือกเย็นนี้…..
“ไม่มีแต่ว่า!”
น้ำเสียงของเย่แจ๋หยิ่งไม่สามารถที่ปฏิเสธได้
พูดจบ เขาก็ตวาดสายตาไปยังผู้โดยสารที่องครักษ์ลับกำลังพาเดินเข้ามา ราวกับว่านางจะทำให้คนที่หมดสติให้ฟื้นขึ้นมาหรือไม่ สำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้สำคัญมากนัก
เอ่อ!
ช่างเป็นคาที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเสียจริง!
หลานเยาเยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบยาขวดหนึ่งออกมา แล้ววางยาลงบนจมูกของเจ้าของเรือเพื่อปลูกเขา
หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา หลานเยาเยาก็กล่าวอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระชับ ก่อนจะหันหน้าไปยังเย่แจ๋หยิ่ง
ก็พบว่าเขาได้ให้องครักษ์ลับปล่อยเรือเล็กทั้งสี่ลำลงไปในทะเลเสียแล้ว และให้องครักษ์เลือกเอาเด็กจากกลุ่มผู้โดยสารขึ้นไปบนเรือก่อน
พอคนเหล่านั้นได้ยินว่าจะเลือกผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็น จนหลายคนที่กำลังกังวลอยู่สุดท้ายก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
แต่ก็มีบางคนที่หน้าเริ่มซีดเปือกขึ้นเรื่อยๆ…..
ด้วยเหตุของความละโมบกลัวความตาย จนบางคนถึงกับแสร้งทำเป็นว่าว่ายน้ำไม่เป็น แต่กลับถูกจับโยนลงทะเลไปโดยไม่ให้ขึ้นเรือ รอจนเกือบจะจมน้ำตายถึงค่อยดึงกลับขึ้นมาบนเรือ
หลังจากรู้ถึงความร้ายกาจนี้แล้ว ผู้คนก็มองไปยังเย่แจ๋หยิ่งที่ไม่พูดจาใดๆ สีหน้าเยือกเย็น และแววตาที่ดูลึกล้ำนั้น โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะแสร้งทำเป็นว่ายน้ำไม่ได้อีกเลย
ด้วยความรวดเร็ว เรือเล็กสามลำก็มีคนนั่งเต็มแล้ว โดยที่ในแต่ละลำจะมีองครักษ์ลับเฝ้าดูแลอยู่ ในตอนนี้ก็เหลือเพียงเรือเล็กลำสุดท้ายแล้ว
สายตาของผู้คนที่เหลือก็จ้องมองไปยังเรือลำนั้นอย่างจดจ่อ
และก็มีสิ่งที่ทำให้หลานเยาเยาประหลาดใจก็คือ เรือเล็กลำที่เหลือนั้นเย่แจ๋หยิ่งกลับไม่ได้ให้คนของเขาขึ้นไปและไม่ได้เหล่าสตรีขึ้นไปนั่ง แต่ให้คนที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นไปยังเรือเล็กแทน จนในที่สุดเรือก็ถูกอัดจนเต็มเหลือเพียงที่นั่งสุดท้าย
ในที่สุดเย่แจ๋หยิ่งก็เดินมายังข้างกายของหลานเยาเยา พร้อมพูดด้วยเสียงเรียบเฉย
” ไปสิ !”
“แล้วท่านหล่ะ?” หลานเยาเยารู้สึกลังเล
ใครจะรู้ว่า จู่ๆเย่แจ๋หยิ่งจะโน้มตัวลงมาแล้วกล่าวด้วยเสียงเบาๆและทุ้มต่ำ
” ทำไม ทิ้งข้าไม่ลงหรือไงกัน? อยากจะไปตายกับข้างั้นหรือ? “
“ท่านคิดเยอะเกินไปแล้ว!”
หลานเยาเยาเหลือบสายตามองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินห่างจากเขาออกมา กำลังจะเดินไปยังเรือเล็กลำสุดท้าย ก็ได้ยินเสียงของเด็กสาวคนหนึ่ง
“แม่……แม่……แม่ ท่านอยู่ที่ไหน……”
ขณะนั้นเอง นางรีบชะงักเท้าทันทีแล้วหันหน้าไปเย่แจ๋หยิ่ง
“ยังมีเด็กเหลืออยู่?”
“รีบไปดู!”
เย่แจ๋หยิ่งลดตาลง ท่าทางเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันใด
ในไม่ช้า เด็กสาวตัวน้อยที่กำลังร้องไห้ก็ถูกพาตัวมา ทุกคนถึงค่อยได้รู้ว่า แม่ของเด็กน้อยนั้นถูกฟ้าผ่าจนสภาพเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้แล้ว จึงทำให้เด็กน้อยหาแม่ไม่เจอ
เมื่อมองไปยังเด็กสาวที่หน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา หลานเยาเยาก็ถึงกับถอนหายใจออกมา
” เห้อ ช่างเถิด แม้ว่าข้าจะไม่อยากตาย แต่ให้ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดกับเด็กสาวคนหนึ่ง ข้าทำไม่ได้ ใครใช้ให้ข้าใจดีเกินไปกันนะ!”
พูดจบ นางก็นั่งลงกับพื้นโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
หลังจากนั้นไม่นาน
เรือเล็กทั้งสี่ลำก็พายออกไป สายตาของผู้โดยสารที่เหลืออยู่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ต่างพากันนั่งลงอย่างหมดอาลัย
“แล้วจะอยู่ไปทำสิ่งใด?”
ร่างของชายหนุ่มรูปงามผอมเพรียวนั่งลงข้างกายของหลานเยาเยา
หลานเยาเยาไม่หันไปดูก็รู้ได้เลยว่าคนที่นั่งข้างๆเป็นใคร ดังนั้นนางจึงไม่ตอบแต่ถามกลับแทน
“นอกจากรอคอยการช่วยเหลือแล้ว ท่านยังมีวิธีการจะช่วยเหลือตัวเองบ้างหรือไม่?
เรือใหญ่ลำนี้ทำมาจากไม้ ต่อให้เรือจมแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะจมลงไปถึงก้นบึ้งทะเล มีแต่จะลอยอยู่เหนือน้ำทะเลเท่านั้น
คนที่ยังเหลืออยู่นั้นพวกเขาต่างก็ว่ายน้ำได้ บนเรือก็ยังมีอาหารแห้งอยู่จำนวนมาก พวกเขาเพียงแค่ต้องแยกชิ้นส่วนเหลือแล้วก็เกาะขึ้นไป คงไม่มีปัญหาอะไรในการรักษาชีวิตให้รอดในไม่กี่วัน
เพราะพอถึงเวลา คนที่นั่งเรือเล็กกลับไปก็จะต้องหาทางกลับมาช่วยพวกเขาแน่นอน
แต่ว่า!
ขนาดนางยังคิดถึงเรื่องนี้ได้ ทำไมเย่แจ๋หยิ่งจะคิดไม่ถึง ?
ดังนั้นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ แต่เขาก็กลับอยู่ นี่มันเป็นเพราะเหตุใดกันแน่?
สิ่งนี้จึงทำให้หลานเยาเยาคิดไม่ตก
“เพีงแค่คนๆนั้นไม่ตาย เรือลำนั้นจะต้องกลับมาแน่” เย่แจ๋หยิ่งกล่าวออกมาอย่างมีนัยยะ
“เรือ?เรือของผู้ใด?เรืออะไรกัน?”
เมื่อเห็นท่าทางอันมั่นใจขนาดนี้ของเขา มุมปากของหลานเยาเยาก็ค่อยปรากฎรอยยิ้มออกมา
นางรู้อยู่แล้วว่าเขมจะต้องมีหนทางอื่น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อยู่ตรงนี้แล้ว
เพียงแต่ว่าในทะเลอันกว้างใหญ่เช่นนี้ จะมีเรือลำอื่นได้อย่างไรกัน?
หรือต่อให้มี ก็คงหลบไม่พ้นจากสายฟ้าฟาดจากกลุ่มเมฆดำเมื่อก่อนหน้านี้หรอก ! นอกจากว่ามันจะใหญ่กว่า…..
พอพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของหลานเยาเยาก็ถึงกับเบิกกว้าง
ไม่หรอกมั้ง….
นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เรือที่เย่แจ๋หยิ่งพูดถึงคงจะไม่ใช่เรือแห่งความสิ้นหวังหรอกนะ……
และแล้ว นางก็ได้รู้ความจริง
“เรือแห่งความสิ้นหวัง!”
ในตอนที่เย่แจ๋หยิ่งกล่าวประโยคห้าคำนี้ออกมา ในใจของน้ำก็เกิดชั้นน้ำแข็งขึ้นมาทันที ความหนาวทำให้เธอรู้สึกขนลุกขึ้นมา
“ท่านมักคุ้นกับเจ้าของเรือของเรือแห่งความสิ้นหวังหรือ?”
ทันทีที่คิดถึงเจ้าของเรือแห่งความสิ้นหวัง หลานเยาเยาก็นึกถึง ชีวิตของผู้คนที่ถูกฝีมือเจ้าของเรือผู้นั้นทำให้กลายเป็นบ่อเลือด แล้วยังเป็นเรื่องที่เกิดเพียงขั่วพริบตา
เจ้าของเรือผู้นั้นน่าเกรงกลัวเกินไปแล้ว…..
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้เห็นหน้าของเจ้าของเรือผู้นั้น แต่นางก็เชื่อเลยว่า หน้าตาเจ้าของเรือผู้นั้นจะต้องเลวร้าย คงไม่มีทางเหมือนเซียวซื่อจื่อที่แสนอ่อนโยนดังหยกหรอก
“เขาอยากให้ข้าตาย!”
ดสียงอันเยือกเย็นดังแทรกเข้ามาให้หูของหลานเยาเยาทีละคำๆ จนสีหน้าของนางราวกับไปกินแมลงมาเป็นร้อยจนดูไม่ได้