บทที่ 198 พระชายาตั้งครรภ์แล้ว
เขาเป็นเพียงองครักษ์ลับผู้หนึ่งในกองบัญชาการของเจ้านายเท่านั้น เจ้านายพูดเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น ไหนเลยจะกล้าไปพูดแทนผู้อื่น? พระชายานี่ท่านก็ใช่ว่าจะไม่รู้
พระชายาเป็นเช่นนี้……ต้องยั่วให้เจ้านายโมโหอีกแล้วใช่หรือไม่?
และน่าจะต้องโมโหไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้เขาที่เป็นเพียงองครักษ์ลับผู้หนึ่งไปขอร้องหรอก
“ช่างเถอะช่างเถอะ เจ้าไปเถอะ!”
จื่อเฟิงที่แสนจะภักดีนี่ แม้จะช่วยเขา ก็ยังใช้ไม่ได้
โบกมือให้อย่างขอไปที ให้เขารีบๆไป คาดว่าเขาคงจะมีเรื่องราวมากมายอยากไปรายงาน!
ต่อจากนั้นหลานเยาเยาก็จัดการบาดแผลให้โม่ซางต่อ ระหว่างนั้น ตอนกำลังจัดการบาดแผลให้โม่ซาง นางก็ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันภายในชนเผ่าหยินไห่ไปด้วย ทีแรกโม่ซางก็มีความระวัง หลังจากรู้ว่านางรู้จักฮัวหยู่อัน จึงได้พูดออกมาหมด
เป็นเวลาเกือบชั่วโมง หลานเยาเยาเพิ่งจะได้ออกมาจากห้อง ก็ปะหน้ากับฮัวหยู่อันที่เดินมา หลานเยาเยายิ้มออกมาทันที
โย่ว……
มองไม่ออก เสี่ยวฮัวผู้นี้จะเป็นถึงหัวแก้วหัวแหวนของทั้งชนเผ่าหยินไห่เชียว!
ได้ยินมาว่าชนเผ่าหยินไห่มีสมบัติหายากนับไม่ถ้วน นางรับเสี่ยวฮัวฮัวมาเลี้ยงไว้ตั้งนาน
จะสามารถรีดไถเอาไข่มุกล้ำค่าจากผู้อาวุโสเหล่านั้นได้หรือไม่นะ?
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายของหลานเยาเยา ฮัวหยู่อันชะงักไปครู่หนึ่งรู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง มองหลานเยาเยาด้วยสีหน้าที่ระมัดระวัง
“คุณหนู ทำไมท่านจึงมองข้าเช่นนี้?” สายตานั้นช่างน่าขนลุก
หลานเยาเยาหัวเราะเหอะๆ มือทั้งสองประกบกัน จากนั้นถูกันไปมาไม่หยุด
“เสี่ยวฮัวฮัว เจ้าว่าการปฏิบัติตัวของข้าที่มีต่อเจ้าเป็นเช่นไร? ไม่เคยปฏิบัติไม่ดีต่อเจ้าใช่หรือไม่?”
“ไม่ ไม่มี”
เพียงแค่ไม่ถือพลั่วขุดหลุมทั้งวัน คิดเพียงแต่จะฝังนางทั้งเป็น ก็ถือว่าดีกับนางเป็นอย่างมากแล้ว
“ไม่มีก็ดี สักครู่มาหาข้าที่ห้อง ข้ามีเรื่องน่าประหลาดใจให้เจ้า!” พูดจบก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้นาง
“อ่อ ได้เจ้าค่ะ คุณหนู”
มองดูท่าทีของหลานเยาเยา หน้าผากของฮัวหยู่อันก็ผุดเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก
เรื่องน่าประหลาดอะไร นางไม่เพ้อหวัง ขอเพียงแค่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจก็เพียงพอแล้ว
“ยังยืนอึ้งอยู่ทำไม? รีบเข้าห้องไปพบกับพวกที่เคยเล่นกันมาตั้งแต่เด็กเถอะ!”
“คนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก? ใครกัน?”
ฮันหยู่อันสับสนไปหมด
เพื่อนที่เล่นกับนางตั้งแต่เด็กและโตมาด้วยกันก็อยู่ที่ชนเผ่ากันหมดนี่! ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโส ทั้งชีวิตนี้พวกเขาก็ไม่สามารถออกมาได้
“อ่อ เกือบลืมไปเลย เจ้ายังไม่รู้นี่ เข้าไปดูเองเถอะ! รับรองว่าประหลาดใจแน่”
ฮัวหยู่อันมองดูหลานเยาเยาที่เพิ่งแยกจากทั้งคู่ก่อนหน้านี้ พลางเดินเข้าไปในห้อง
จากนั้นก็เป็นตามที่หลานเยาเยาคาดการณ์ไว้ เมื่อฮัวหยู่อันเจอพวกเขาอย่างแรกคือความประหลาดใจ หลังจากที่เข้าใจเหตุการณ์ ก็กอดอาฝูแล้วร้องไห้
และด้านในห้อง เซียวจิ่นหยูที่ยังคงสลบไม่ได้สติ ก็ถูกเสียงร้องไห้รบกวนจนฟื้นขึ้นมา เขาลุกขึ้นมานั่งทันที สิ่งแรกคือกุมหน้าของตัวเอง พบว่าหน้ากากยังอยู่ จึงค่อยๆตรวจสอบร่างกายตัวเอง
หลังจากที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร จึงคิดจะเดินไปดูว่าใครที่ร้องไห้
แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปในห้อง ก็โดนหลานเยาเยาที่ยืนอยู่บนทางเดินหน้าประตูห้องดึงดูดความสนใจไป
เป็นนาง!
เขาชะงักครู่หนึ่ง แล้วก็ลูบที่หน้ากากของตัวเองอีกครั้ง สุดท้ายก็ยังคงเดินเข้าไปด้วยความอ่อนแอ
ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากด้านหลัง หลานเยาเยาคิดว่าฮัวหยู่อันร้องจนวิ่งออกมา เพื่อที่จะขอบคุณนางเป็นพันๆครั้งซะอีก!
ดังนั้น นางจึงกระแอมออกมาเบาๆทีหนึ่ง ก่อนที่จะเปิดปากพูด
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า คนแบบข้านี้ ปกติแล้วทำดีไม่หวังคำขอบคุณ หากว่าเจ้าจะตอบแทนข้าให้ได้ ก็ให้น้ำใจนิดหน่อยก็ได้แล้ว ข้ารู้ว่าตอนนี้ในตัวเจ้าไม่มีเหรียญเงิน ไม่เป็นไร อีกสักครู่มาที่ห้องข้า ข้าจะเตรียมสัญญาขายตัวให้เจ้ากับใบแสดงหนี้ให้เจ้า จะลงชื่อในสัญญาขายตัวหรือว่าใบแสดงหนี้ก็ได้ทั้งนั้น”
หากว่าลงชื่อในสัญญาขายตัว เมื่อเข้าไปที่ชนเผ่า นางจะให้พวกผู้อาวุโสเอาสมบัติล้ำค่าที่หายากนั้นมาไถ่ตัวนาง หากว่าเขียนใบแสดงหนี้ งั้นก็รีดเอาทรัพย์สินเงินทองมาได้อย่างเปิดเผย
สุดยอด!
รวยเละแล้ว
“เป็นเจ้าที่ช่วยข้าไว้หรือ?”
หืม?
ผู้ชายหรอ?
เมื่อหลานเยาเยาได้ยินเสียงก็รู้สึกว่าผิดปกติ รีบหันมาทันที เมื่อได้เห็นเซียวจิ่นหยูที่ใส่หน้ากากไว้ สีหน้าก็แสดงออกถึงความเคอะเขิลนิดหน่อย
“แน่นอนว่าต้องเป็นข้า เจ้าเอาสายตามองไปรอบๆสิ ถ้าสามารถหาคนที่มีวิชาการรักษาคนที่สองได้ก็ถือว่าข้าแพ้”
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือ?” เซียวจิ่นหยู่น้ำเสียงเยือกเย็น
น้ำเสียงเหมือนกับตอนที่อยู่ที่ด้านล่างของป่าแห่งความลับ
หลานเยาเยาทุบที่ไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เปิดโปงเขาอย่างไร้เยื่อใย :
“ซื่อจื่อ ท่านคือคนที่ข้าช่วยไว้ ท่านคิดว่าข้าจะไม่เปิดหน้ากากออกหรือไง? พูดตามความจริง ท่านเหมาะสมกับบุคลิกที่สุภาพอ่อนโยน ไม่เหมาะที่จะแสร้งทำเป็นดุดัน พูดมา! ท่านจะลงชื่อในสัญญาขายตัว? หรือว่าจะเขียนใบแสดงหนี้?”
จะสนทำไมว่าเขาเป็นใคร เพียงแค่นางเป็นคนช่วย จะรีดไถเงินก็ไม่ผิด
“เหอะเหอะเหอะ……”
โดนเปิดโปงใบหน้าอันจอมปลอมซะหมดจด หน้าตาของเซียวจิ่นหยูก็เปลี่ยนเป็นเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาวสลับกันทันที แล้วก็หมดคำที่พูดขึ้นมาครู่หนึ่ง
นางรู้แล้วจริงๆด้วย
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่านางจะเปิดโปงเขาเช่นนี้ ไม่ไว้หน้าเขาแม้สักนิด จนทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง
“นี่! คงไม่ได้ขี้งกขนาดนั้นมั้ง? ท่านมีเงินมีอำนาจ ขณะอยู่ในเมืองหลวง ไม่ใช่ว่าโยนเหรียญเงินเพื่อเปิดทางอย่างสง่าผ่าเผยหรือไง? ตอนนี้คงไม่ได้ตกอับจนถึงขั้นที่ไม่มีเงินจ่ายแม้เงินค่ารักษาหรอกนะ”
สำหรับ คำพูดถากถางของหลานเยาเยา เซียวจิ่นหยูเกิดความรู้สึกอับอายขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้ว่า หลานเยาเยารู้แล้วว่าก่อนหน้านี้เขาจงใจจะเข้าใกล้นาง
เงียบไม่พูดจาอยู่สักพัก เซียวจิ่นหยูก็เริ่มอ้าปากที่ปิดสนิทขึ้น
“ขอโทษ!” หลังจากที่ขอโทษด้วยจริงใจที่บริสุทธิ์แล้ว เขาก็พูดอีกว่า
“ค่ารักษาจะจ่ายให้แน่นอน แต่ข้าไม่เขียนใบแสดงหนี้ ข้าไม่อยากใช้ลายมือคัดลอกมาหลอกเจ้า และไม่สามารถที่จะเปิดเผยลายมือที่แท้จริงได้
ข้ามีความลำบากใจที่ไม่มีทางเลือก รอให้ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลานั้นจะไม่ปิดบังอะไรอีกเป็นแน่”
หลานเยาเยายังคงนิ่งเฉยเมย เขาจึงเปิดปากพูดอีกครั้งว่า :
“ลาก่อน!”
เซียวจิ่นหยูรู้ว่าหลานเยาเยาไม่สามารถให้อภัยเขาได้ อีกทั้งยังขวางหูขวางตานางด้วย เช่นนั้นแล้วจากกันตอนนี้ดีกว่า ส่วนภารกิจที่ทำไม่สำเร็จ……
ช่างเถอะ งั้นก็ไม่ทำแล้ว
เพียงแต่เขายังเดินไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชาของหลานเยาเยาดังมาจากทางด้านหลัง
“ตราลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าสืบทอดมาจากผู้ใด?”
เรื่องของตราลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่า เป็นข่าวลือหนาหูมากในเมืองหลวง และในบริเวณหยินไห่ ก็ค่อยๆกลายเป็นหัวข้อวิภากษ์วิจารณ์กันของประชาชน
แต่ตอนแรกเริ่มสืบทอดมาจากผู้ใดกันนะ?
ได้ยินดังนั้น!
ฝีเท้าของเซียวจิ่นหยูก็หยุดลงทันที เขาเริ่มกำหมัดขึ้นมานิดหนึ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็คลายออก
“จากคำบอกเล่าจากปากของผู้อาวุโสของชนเผ่าหยินไห่ และจากที่ชนเผ่าได้ตราลัญจกรหยกสืบทอดราชบัลลังก์แห่งราชวงศ์เก่ามานั้นเป็นของปลอม ที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้”
พูดจบ เขาก็จากไปโดยไม่ได้หันหน้ากลับมา
ผู้อาวุโสของชนเผ่า?
คนที่แพร่กระจายข่าวปลอมนี้ อยากจะให้องค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าที่เหลือรอดคนสุดท้ายอยู่หรือว่าตายกันแน่?
……
ในห้องของเย่แจ๋หยิ่ง
จื่อเฟิงที่มีใบหน้าขาวฉีดนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวที่ไปถึงบริเวณชนเผ่าหยินไห่ตั้งแต่แรกเริ่มจนจบรอบหนึ่ง
“ผู้อาวุโสเป็นคนวางยาพิษหรือ?” เย่แจ๋หยิ่งถามอย่างเย็นชา
“ใช่พะยะค่ะ! หลังจากที่ข้าน้อยโดนยาพิษ พวกเขาก็คาดไว้ว่าข้าน้อยต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้ตามฆ่า เล่ากันว่า พิษที่ข้าน้อยโดนเป็นพิษที่ในชนเผ่าของเขานั้นไม่สามารถแก้ได้ที่สุด คิดไม่ถึงว่าพระชายาจะสามารถแก้ได้โดยง่ายดายพะยะค่ะ”
จื่อเฟิงนั้นไม่สันทัดในการพูดให้ผู้อื่นดูดี ดังนั้นเขาจึงสามารถทำได้เพียงชื่นชมวิชาการรักษาของพระชายาเท่านั้น
“คำพูดของเจ้ามากไปนะ!”
ได้ยินดังนั้น!
ลูกกระเดือกของจื่อเฟิงขยับเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ
“ออกไปเถอะ!”
“พะยะค่ะ!”
แม้ว่าจื่อเฟิงจะทำมือเคารพ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาอืดอาดยืดยาด เย่แจ๋หยิ่งที่กำลังยกชาขึ้นมาจิบนั้นหันไปมองทางเขาโดยไม่รู้ตัว
“ยังมีเรื่องอีกรึ?”
เมื่อโดนถาม จื่อเฟิงรีบยกมือขึ้นทำความเคารพ พูดด้วยความตื่นเต้น :
“เจ้านาย ตอนนี้พระชายาไม่สมควรที่จะโกรธ จะทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ง่ายพะยะค่ะ”
“ทำไม?”
ดวงตาขอเย่แจ๋หยิ่งหรี่ลงนิดหน่อย ปากที่อยู่บนถ้วยชาของเขาก็ชะงักไปพร้อมกับมือของเขาด้วย
ไม่สมควรโกรธ?
หรือว่าร่างกายของหลานเยาเยามีตรงส่วนไหนที่รู้สึกไม่สบาย?
“พระชายานาง นางตั้งครรภ์แล้วพะยะค่ะ!” ท้องป่องขนาดนั้นแล้ว ท่านอ๋องสังเกตไม่เห็นหรือไง?
ขณะคำพูดนี้หลุดออกไป
เมื่อมือของเย่แจ๋หยิ่งสั่น น้ำชาก็หกลดไปที่คางและบนเสื้อคลุม……