บทที่ 258 รถม้าร่วงตก
โอ้โห!
สวรรค์ชั่งใส่ใจนางเช่นนี้เชียว?
นางเพียงแค่อธิษฐานไปส่งๆ คิดไม่ถึงว่าความฝันจะเป็นจริงเร็วขนาดนี้……
นางต้องฉลองสักหน่อยใช่หรือไม่?
“เสด็จอา!”
ในเวลานี้ เย่หลีเฉินคิ้วขมวดเข้าหากัน รีบเหาะไป องค์ชายด้านหลังไม่กี่คนก็รีบตามไป เซียวจิ่นหยูเหาะไปเร็วกว่าเย่หลีเฉินก้าวหนึ่ง
มีเพียงหลานเยาเยาที่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นก็ตีม้าให้ขึ้นไปด้านหน้า
ถอนหายใจอยู่ในใจ หากเย่แจ๋หยิ่งตกหน้าผาตายง่ายๆเช่นนั้นก็ดีสิ เช่นนั้นความแค้นในใจของก็จะโดนขจัดไปได้อย่างง่ายดาย
น่าเสียดาย……
ตั้งแต่สมัยโบราณกาล ความหายนะจะคงร่องรอยไว้เป็นพันปี
เมื่อนางขี่ม้า ดำเนินอย่างช้าๆมาถึงหน้ารถม้าสีดำ แต่กลับพบว่าคุณชายทั้งหกร่วมแรงกันคิดจะลากรถม้ากลับมาแต่ก็ไม่สำเร็จ
แต่กลับทำให้รถม้ายิ่งโน้มไปทางหน้าผามากขึ้นเรื่อยๆ
เห็นดังนั้น!
หลานเยาเยาก็อดไม่ได้ที่จะเคลื่อนสายตาไปจ้องมองยังร่างคนที่ไปช่วยกันลากรถม้า
มองดูการกระทำและสีหน้าของพวกเขา ราวกับว่าแต่ละคนก็ได้ออกแรงสุดกำลังแล้ว และพวกเขาทั้งหมดก็เป็นผู้ที่มีกำลังภายใน คนเยอะขนาดนั้นทำไมถึงไม่สามารถลากรถม้าหนึ่งคันขึ้นมาไม่ได้?
นอกจาก……
มีคนในนั้นทำอุบายไว้
แต่ว่า มองจากภายนอก ไม่สามารถมองออกได้เลยว่าคนที่ทำอุบายเป็นใคร
ตามองดูล้อรถของรถม้าที่แขวนอยู่ตรงหน้าผา ยิ่งห่างริมถนนขึ้นเรื่อยๆ และล้อรถอีกข้างหนึ่งก็ค่อยๆเริ่มจะห้อยอยู่กลางอากาศ……
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วรถม้าคันนี้จะต้องร่วงตกเหว
หลานเยาเยาขมวดคิ้วขึ้นเบาๆอีกครั้ง……
นางและเย่แจ๋หยิ่งมีความแค้นแสนสาหัสต่อกัน ถ้าเขาร่วงตกเขาแล้ว เช่นนั้นก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ?
ใช่!
นางปรารถนาอยากให้เขาตายเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลานี้จะไม่ได้ลงมือผลักก็นับว่ามีมโนธรรมแล้ว ไม่ใช่หรือ?
แต่……
มองดูรถม้าที่เอนเอียงไปทีละนิดกับตา มือที่กุมบังเหียนของหลานเยาเยา ก็ยิ่งกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ และยังกำจนเหงื่อออกมา
ทันใดนั้น!
เสียงทุ้มที่ฟังดูดึงดูดก็ดังออกมาจากรถม้า : “จาวหยาง เจ้าขึ้นไปก่อน”
แต่ก็ไม่ยากที่จะได้ยิน ในน้ำเสียงของเย่แจ๋หยิ่งราวกับว่ากำลังอดทนต่อความเจ็บปวด
“เสด็จ เสด็จอา เช่น……เช่นนั้นท่านล่ะ?”
พระราชธิดาจาวหยางที่ได้รับความตกใจไม่น้อย ในเวลานี้น้ำเสียงที่พูดมีความสั่นเครือ
“ขึ้นไป!”
น้ำเสียงที่ไม่ต้องสงสัยดังมาอีกครั้ง
อะไร?
ผู้หญิงที่อยู่ในรถม้าของเย่แจ๋หยิ่งคือโหล่วเย่ว……
แต่ว่า มีไม่เสียงของโหล่วเย่วดังมาอีก และก็ไม่มีเสียงของเย่แจ๋หยิ่งดังขึ้นอีก
นี่ทำให้หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง
คุณชายทั้งหกยังคงลากรถม้าอย่างสุดแรงกำลัง แต่รถม้ายังคงเอียงลงไปข้างล่างเรื่อยๆ ตอนนี้ล้อรถทั้งสองข้างได้แขวนอยู่กลางอากาศแล้ว
ความเร็วที่รถม้าเอียงเริ่มเร็วมากขึ้น
แต่กลับไม่เห็นคนออกมาจากในรถม้า
ทำให้ในใจของนางบังเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย และในเวลานี้
“สวบ……” เสียงเบาหนึ่งดังขึ้น
“อ้า……”
หนึ่งในคนที่ลากรถม้า ไม่รู้ว่าเท้าลื่นหรือว่าอย่างไร หกล้มไปทันที
คราวนี้…….
ไม่เพียงแรงลากลดลงไปหนึ่ง แต่กลับทำให้คนที่ลากรถม้าได้รับผลกระทบ
รถม้าพลิกตกไปในพริบตา
หลานเยาเยาตกใจ ลงมือในอย่างกะทันหัน เมื่อมือเรียวยาวขาวสะอาดโบกสะบัด ด้ายเงินยาวๆบางๆเส้นหนึ่ง ยิงออกจากกลไกของกำไลบนข้อมือทันที จากนั้นพันรอบรถม้าที่ใกล้จะตกลงไป
วินาทีต่อมา
ทันทีที่นางรู้สึกว่ามือแน่นขึ้น แรงลากที่มีพลังได้ลากกระทั่งคนและม้าไปด้านหน้า
สวนหยู่คำรามลากเสียงยาว กีบม้าทั้งสี่ดันพื้นเอาไว้อย่างสุดแรง แต่ทำอะไรไม่ได้ที่กีบม้าเหมือนกับว่าจะทาน้ำมันหล่อลื่นเอาไว้ ได้ลื่นไปข้างหน้าตลอดเวลา
หลานเยาเยาที่อยู่บนหลังม้าเห็นดังนั้น ท่าจะไม่ดี
จึงได้ใช้กำลังภายในทั้งหมดของร่างกายทันที กำหนดเข้าไปบนด้ายเงิน
เริ่มค่อยๆ……
รถม้าจึงได้หยุดเอนเอียง ทุกคนก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
คุณชายผู้นั้นที่หกล้ม รีบลุกขึ้นมาลากต่อ
ในไม่ช้า!
เสียงทุ้มต่ำของเย่แจ๋หยิ่งก็ดังออกมาจากรถม้าอีกครั้ง
“รับไว้!”
ในไม่ช้าพระราชธิดาจาวหยางก็ถูกเย่แจ๋หยิ่งผลักจนเหินออกไปด้วยฝ่ามือ ภายใต้ความตื่นตระหนกของพระราชธิดาจาวหยาง เซียวจิ่นหยูเหาะไปรับไว้ทันที จากนั้นก็ปกป้องนางไว้ในอ้อมอก
“พระราชธิดา ไม่ต้องกลัว ปลอดภัยแล้ว”
น้ำเสียงที่สุภาพนุ่มนวลดังขึ้นข้างหูของพระราชธิดาจาวหยาง เดิมทีนี่เป็นน้ำเสียงที่นางควรจะชอบฟังที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา กลับเป็นร้องไห้อย่างเป็นห่วงพร้อมพูดว่า :
“เสด็จอายังอยู่ด้านใน รีบ รีบช่วยเสด็จอา”
“พระราชธิดาวางใจได้ อ๋องเย่จะไม่เป็นอะไร”
เซียวจิ่นหยูมองรถม้าด้วยความสงสัย มีม่านสีดำกั้นไว้ เขาไม่รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งทำอะไรอยู่ด้านใน
กลับกัน ก็ได้เห็นเทพธิดาลงมือช่วยเหลือได้ทันเวลา แววตาที่แสดงออกถึงความสับสนที่สุด
และคุณชายที่ลากรถม้าที่เหลืออีกห้าคน มีเทพธิดาช่วยเหลือ
แม้ว่าจะสบายขึ้นมา แต่ก็ยังกินแรงมากอยู่ดี
เย่หลีเฉิงก็ยิ่งออกแรงลากรถม้าไว้อย่างสุดกำลัง
หลังจากที่พระราชธิดาจาวหยางขึ้นมาแล้ว เขาของตะโกนร้องอย่างสุดเสียง :
“เสด็จอา ท่านรีบขึ้นมา พวกเราเกือบจะไม่ไหวแล้วเพคะ”
ที่ตอบเขาก็คือความเงียบกริบ
“เสด็จอา เสด็จอา ท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ?” เย่หลีเฉินตะโกนต่อไป
แต่ว่า!
ยังคงไม่มีคนตอบ
กลับเป็นพระราชธิดาจาวหยางที่ได้รับความตกใจพูดอย่างร้อนใจว่า :
“องค์ชายรัชทายาทเสด็จพี่ เมื่อคืนเสด็จอาได้รับบาดเจ็บ เมื่อครู่รักษาบาดแผลอยู่ในรถม้า เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ ยังถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหันอีก เขากระอักเลือดเยอะมาก ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไรบ้างแล้วเพคะ”
นางยิ่งพูด ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
ผู้ที่ได้ฟังก็ล้วนตกตะลึง ต่างคนต่างมีสีหน้าประหลาดออกไปในชั่วขณะ
อ๋องเย่ที่ไม่มีอะไรทำไม่ได้ไม่เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บ ยังโดนขัดจังหวะในระหว่างการรักษา นั่นก็คือความซวยซ้ำซวยซ้อน
ตอนนี้เป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่า……
หลานเยาเยาได้ยินดังนั้น กำมือแน่น
หากว่าตอนนี้นางปล่อยมือ เย่แจ๋หยิ่งก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ในใจของนางเกิดความคิดอยากจะปล่อยวางลง
แม้ว่าวิธีเช่นนี้จะเป็นการกระทำที่ต่ำทรามไปบ้าง
แต่ว่า……
“เทพธิดา หากว่าพวกเราหยุดรถม้าไว้ได้ ท่านใช้ด้ายเงินพาอ๋องเย่ขึ้นมา ได้หรือไม่?”
เซียวจิ่นหยูที่ได้ปล่อยพระราชธิดาจาวหยางแล้ว มองดูด้ายเงินในมือของหลานเยาเยา จึงได้เสนอแผนการขึ้นมา
คราวนี้!
ทุกคนทั้งลากรถม้าอย่างสุดชีวิตไปพลาง ทั้งหันกลับมาดูหลานเยาเยาไปพลาง
หลานเยาเยาแอบยิ้มให้ตัวเองด้วยความขื่นขม!
นางเป็นถึงเทพธิดาที่ให้พรความโชคดีแก่ประชาชน ในสายตาของมนุษย์โลกนางก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จะไม่ได้ได้หรือ?
ช่างเหอะ!
ยังไงซะเย่แจ๋หยิ่งของยังมีค่าให้ใช้ประโยชน์ได้อยู่
อยากจะล้มราชครู เขาจะเป็นหมากที่สำคัญมาก
ยิ่งไปกว่านั้น……
ถ้าเขาตายไปเช่นนี้ นั่นก็เสียเปรียบเขามากเลย!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยักหน้าไปเล็กน้อย : “ได้ พวกท่านนิ่งไว้อย่าขยับ”
รอจนเซียวจิ่นหยูมาถึงข้างรถม้าอย่างรวดเร็ว เมื่อออกแรงดึงรถม้าไว้
หลานเยาเยาก็รีบเก็บด้ายเงินกลับมาทันที
จากนั้นก็หมุนตัวยิงด้ายเงินออกไป มัดรอบหินก้อนที่ใหญ่มากไว้ ถึงได้เหาะไปทางรถม้า
ยังไงซะเรื่องที่นางมีกำลังภายใน หลังจากกลับถึงเมืองหลวงก็ไม่สามารถซ่อนไว้ได้อีก
ดังนั้น!
ตอนนี้แสดงออกมาอย่างผ่าเผยก็ดี
เมื่อนางถึงบนรถม้าที่โยกเยกจะตกเขา ขณะที่แหวกม่านออก ก็ตกตะลึงกับกระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติที่อยู่ในอ้อมกอดของเย่แจ๋หยิ่งทันที
นี่เขาถึงขนาดเอากระเป๋าพยาบาลติดตัวออกมาด้วย?
และ ในเวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาปิดสนิท มุมปากมีคราบเลือด น่าจะสลบไปแล้ว แต่เขาก็ยังกอดกระเป๋าพยาบาลไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมือ……
“อ๋องเย่? อ๋องเย่?”
นางลองทดสอบร้องเรียกเขาดูสองสามคำ
หลังจากที่ไม่ได้ยินคำตอบ ก็รีบไปที่ข้างตัวเขา คิดจะจับที่แขนของเขา จากนั้นก็พาเขาเหาะขึ้นไป
ในเวลานี้!
มีคนตะโกนเสียงดัง : “รีบขึ้นมา จะไม่ไหวแล้ว”