บทที่ 266 เสน่ห์ของม้ารูปงาม
เย่แจ๋หยิ่งละสายตาไปทางอื่นอย่างเยือกเย็น ซึ่งชัดเจนว่าไม่อยากจะคุยอะไรกับนางอีก
ถังมู่หวั่นผิดหวังอยู่ภายในใจ ทำได้แค่ถอนตัวกลับไป
หลังดื่มชาไปถ้วยหนึ่ง ในที่สุดองครักษ์ลับก็นำม้าสุดที่รักของเย่แจ๋หยิ่งมาถึง
ม้าของเย่แจ๋หยิ่ง ชื่อว่าเล่หก
มิเคยมีผู้ใดได้เห็นม้าเยี่ยงเล่หกมาก่อน ร่างกายของมันแข็งแกร่ง โดดเด่นเทพเท่ห์ วิ่งเร็วดั่งเปลวเพลิงเป็นปกติ ซึ่งความสามารถในความเร็วนั้นเหนื่อกว่าม้าเหงื่อโลหิตเป็นไหนๆ
อีกทั้ง!
โดยปกติแล้วม้าตัวนี้ เย่แจ๋หยิ่งจะไม่เอาออกมาขี่ง่ายๆ
ยังไงเสียนี่ก็เป็นเพียงแค่การแข่งขันล่าสัตว์ เหตุใดถึงได้ใช้ม้าที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาในสมรภูมิอันดุเดือดอย่างเล่หกล่ะ?
อย่างไรก็ตาม……
ขณะที่อยู่บนหน้าผาได้เห็นม้าเหงื่อโลหิตของเทพธิดาเข้า เขาก็ได้เปลี่ยนสิ่งที่สนใจ
ใช้เสน่ห์ของชายชาญ คงไม่ได้ผลเท่าใช้เสน่ห์ของม้างาม
เย่แจ๋หยิ่งวางถ้วยน้ำชาในมือ ทันทีที่เหาะไปบนหลังเล่หก ก็ลงแส้ไปหนึ่งที เล่หกก็วิ่งไปด้วยความว่องไว
……
ระยะเวลาของการแข่งขันคือสองชั่วยาม
ขณะนี้ได้ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว
หลานเยาเยาที่ควบสวนหยู่อยู่ในป่าทึบ นี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่นางได้วางเหยื่อให้กับองครักษ์ผู้นับคะแนน
จิ๊จิ๊!
คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าสนามล่าสัตว์ของราชวงศ์จะมีให้ล่าเยอะเพียงนี้ ทั้งยังอุดมสมบูรณ์อีกด้วย
วันนี้ล่ะจะล่าให้เกลี้ยง!
เอ๋?
บนต้นไม้ที่ห่างไกลมีนกบินอย่างเกรี้ยวกราดอยู่ตัวหนึ่ง ราวกับว่าถูกขับไล่
นางเผยยิ้มออกมาในทันใด
นกตัวนี้ไม่รอดจากเงื้อมมือนางแน่
ในขณะนี้เอง ก็ได้ยินเสียงเกือกม้ามากมายแว่วเข้าหู ซึ่งเสียงมาจากทางขวา
“ฮึ่ย……”
“ฮึ่ย……”
“ฮึ่ย……”
“ต้นไม้ข้างหน้ามีนกบินอยู่ตัวนึง มันบินรวดเร็วมาก พวกเรามาดูกันว่าผู้ใดจะยิงมันร่วงก่อนเอาไหม?”
“งั้นคงต้องบอกละ ว่าเป็นข้าแน่นอน ยิงโดนทุกดอก ยิงร้อยนัดก็โดนร้อยนัด คอยดูไว้ละกันว่าข้าล่ามันบนหลังม้า เดี๋ยวก็ได้รู้ว่านกที่บินอยู่นั่นมันจะมาอยู่ในกระเป๋าข้าอย่างง่ายดาย”
“เจ้าก็โม้เก่งเหลือเกิน คะแนนเหยื่อของเจ้ายังไม่เท่าเสี้ยวหนึ่งของเทพธิดาด้วยซ้ำ ดูเข้า นั่นเทพธิดา หรือว่านางจะเห็นนกบินแล้วเหมือนกันล่ะนั่น?”
“พวกเราเร็วเข้า อย่าให้เทพธิดาล่าได้อีก”
เมื่อเห็นว่าเทพธิดามีเป้าหมายเดียวกันกับพวกเขา พวกเขาก็กระสับกระส่ายกันในทันที
เพราะสุดท้าย!
คนที่ยิงร้อยนัดโดนร้อยนัด ยิงแม่นโคตรจริงๆก็คือนาง
ในตอนที่มีโอกาสเหมาะเจาะเกือบจะยิงโดนอยู่สองสามครั้ง แต่แล้วก็โดนเทพธิดาที่อยู่ไกลโพ้นตัดหน้าไปก่อนตลอด
ดังนั้นในขณะนี้ที่ได้เห็นเทพธิดา ใจของพวกเขาก็ตุ้มๆต่อมๆ
เช่นนั้น ทุกๆคนจึงทุ่มพลังกันอย่างเต็มเปี่ยม จะต้องไปคว้านกตัวนั้นก่อนเทพธิดาให้ได้
แต่แล้ว!
ความเร็วของม้าพันธุ์ดีที่พวกเขาควบอยู่ จะไปเร็วกว่าม้าเหงื่อโลหิตได้อย่างไรกัน?
ไม่ถึงครู่หนึ่ง ม้าเหงื่อโลหิตของเทพธิดาก็แซงพวกเขาไป แต่พวกเขายังไม่ยอมแพ้
จะอย่างไร!
คนเราก็มักจะมีจุดอ่อนเสมอ
การล่าเหยื่อของเทพธิดาบนพื้นดินนั้นแม่นยำ แต่สิ่งที่บินอยู่บนฟ้าก็คงจะไม่แม่นแล้วล่ะมั้ง?
งั้นพูดอีกรอบ หากสุดท้ายแล้วเทพธิดายิงโดนนกที่บินอยู่ได้ พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เพราะมันแปลว่าทักษะการยิงธนูของเทพธิดานั้นยอดเยี่ยมกว่าพวกเขาจริงๆ
สมมติว่า สุดท้ายแล้วนกมันตกมาอยู่ในมือของพวกเขา แบบนั้นพวกเขาก็คงจะโม้ไปได้พักใหญ่เลยล่ะ
แต่ในขณะนี้
นกยังบินห่างจากพวกเขาอีกค่อนข้างไกล แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า เทพธิดาได้วาดคันธนูแล้ว
“ฟิ้ว……”
ลูกธนูอันแหลมคมทะลุผ่านอากาศ ยิงเข้าจังๆไปทางนกที่กำลังบินอยู่
สุดท้ายก็ไม่ต้องแปลกใจ นกส่งเสียงกรีดร้อง แล้วก็ร่วงลงมา
หลานเยาเยายกมุมปาก พลางเดินหน้ามาอย่างไม่รีบร้อน
ท่านชายเหล่านั้นที่แย่งชิงนกกัน หลังเห็นเทพธิดายิงนกได้ ในใจก็ไม่บ่นแต่อย่างใด ซึ่งได้เหาะไปยังที่ที่นกตกลงมา อยากจะช่วยนางเก็บ
แต่มันกลับทำให้พวกเขาต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า
ที่นกตัวนี้มีลูกธนูอยู่สองดอก ดอกหนึ่งเป็นของเทพธิดา งั้นอีกดอกหนึ่งก็เป็น……
เมื่อมองดูการซุบซิบกันของพวกเขา หลานเยาเยาก็มีข้อสงสัยจึงถามมาก่อนว่า:
“กระไรรึ?”
“คนที่ยิงโดนนกยังมีอีกคน”
หนึ่งในท่านชายนำนกมาให้นางดูตรงหน้า
ขณะที่ได้เห็นสัญลักษณ์บนลูกธนูอีกหนึ่งดอกนั้น ดวงตาของหลานเยาเยาหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็หันดูรอบๆ
“เป็นลูกธนูของอ๋องเย่” เพียงแต่……ตัวเขาล่ะ?
ทุกๆคนต่างเป็นสงสัย
ในเมื่ออ๋องเย่ก็ยิงโดนนกเหมือนกัน แล้วเหตุใดถึงไม่เห็นตัวคนยิง?
อย่างไรก็ตาม!
ความสงสัยของพวกเขาก็กระจ่างแจ้ง
ในขณะนี้ได้ยินเพียงเสียงของเกือกม้า อ๋องเย่ควบม้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
“ว้าว……อ๋องเย่ควบเล่หกมารึนั่น?
“ใช่ นั่นเป็นเล่หก เล่หกที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับอ๋องเย่ในสมรภูมิอันดุเดือดมานานแสนนาน”
“เมื่อก่อนได้เห็นแค่จากที่ไกลๆ ไม่นึกเลยว่าพอได้เห็นใกล้ๆ เล่หกมันจะหล่อเหลาเอาการจริงๆ ว่องไวราวกับฟ้าผ่าแหน่ะ!”
เล่หก?
โด่งดังมากเลยงั้นรึ?
เร็วกว่าสวนหยู่อีกรึ?
มองดูเย่แจ๋หยิ่งที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สายตาของหลานเยาเยาจึงจับจ้องไปยังเล่หกที่วิ่งด้วยความว่องไว สุดท้ายก็หันกลับมามองสวนหยู่ที่อยู่ด้านล่าง
ก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปาก
ไม่นึกเลยว่าจะมีม้าพันธ์ุดีที่เทพกว่าสวนหยู่อยู่จริงๆ!
เมื่อเย่แจ๋หยิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลานเยาเยา เขาก็เหลือบมองไปที่นก มุมปากก็ยกขึ้น
“เทพธิดา ยิงได้สวยดีนี่”
“อ่าห้ะ! ทั้งคู่แหล่ะทั้งคู่” หลานเยาเยาหมดคำจะพูด
คนสองคนยิงโดนนกตัวเดียวกัน แต่เย่แจ๋หยิ่งกลับชมนางว่ายิงได้สวย หรือว่านี่เขาจะชมตัวเอง?
“ข้าไม่ได้อะไรกับนกตัวนี้สักเท่าไหร่ แล้วเทพธิดาเองก็ยิงโดนเหมือนกัน เช่นนั้นก็ให้เทพธิดาเอาไปแล้วกัน!”
ให้?
หึ!
นางไม่ได้ต้องการให้เขาให้นางสักหน่อย!
เขาไม่ได้อะไรกับนกตัวนี้ แต่เขาก็ยิงมันเนี้ยนะ? เหยื่อที่นางยิงได้ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่เหล่านั้นก็มีตั้งหลายตระกร้าแล้ว!
เพียงแต่……
สิ่งที่แปลกคือ สวนหยู่ที่นางขี่อยู่จู่ๆก็กระสับกระส่าย ขาทั้งสี่ข้างขยับไปข้างหน้าอย่างช่วยไม่ได้
หลานเยาเยาเหลือบมองเล่หกของเย่แจ๋หยิ่ง ที่อยู่ตรงข้ามใกล้ๆกับสวนหยู่ มันได้แผ่ความสง่างามออกมา
มันทำให้นางไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่นางหวังเอาไว้
ยัยม้าโรคจิต!
แค่เห็นม้าหล่อก็ไม่รู้จักอายแล้ว ไม่เห็นรึไงว่าเขาไม่ได้สนใจอ่ะ?
ดังนั้น!
นางจึงฟาดหัวของสวนหยู่ไปอย่างรุนแรง สวนหยู่ก็กลับมาเชื่อฟังทันใด
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาก็สบสายตากับเย่แจ๋หยิ่ง ได้เห็นสายตาที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของเขา ทั้งยังคงแสยะยิ้มอยู่ที่มุมปาก
“อะแฮ่มๆ” นางไอออกมาเบาๆ เพื่อปกปิดความอับอายภายในใจ
“อันที่จริงก็ยิงโดนในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นมันจึงไม่ใช่ของของข้า”
จากนั้น!
หลานเยาเยาหันไปยิ้มแย้มให้กับท่านชายที่ถือนกอยู่ จากนั้นก็พูดอย่างตรงไปตรงมา: “นกเป็นของท่านแล้วล่ะ”
ท่านชายผู้นั้น: “จริงรึ?”
ความสุขเอ่อล้นขึ้นมาในทันใด นกก็ได้ แล้วยังได้รอยยิ้มจากเทพธิดาอีก
ใจดวงน้อยๆของเขาเต้น “ตุ๊บตั๊บๆ” รวดเร็วปานจะทะลุออกมา
ท่านชายคนอื่นๆเผยใบหน้าเศร้าใจด้วยความเสียดาย
งี้ก็ได้หรอ?
พวกเขาก็อยากได้เหมือนกันนะ!
เวลามีจำกัด หลังพวกเขาได้นกไป ก็ไปล่าเหยื่อตัวอื่นกันอย่างสุขสำราญใจ
“สวนหยู่ ไป!”
หลานเยาเยาหันหัวม้า ตั้งใจจะไปล่าเหยื่ออีกทาง
แต่กลับพบว่าสวนหยู่มิแม้แต่จะขยับ มันยืนนิ่งมิไหวติง จะเดินหน้าไปทางเล่หกก็ไม่ไป จะไปล่าสัตว์อีกทางตามที่นางบอกก็ไม่ไปเหมือนกัน
“……”
สวนหยู่ ยัยม้าโรคจิตตัวนี้นี่
ก็แค่ม้าที่หล่อเหลาไปนิดหน่อยเองมิใช่รึไง? ถึงกับก้าวขาไม่ออกกันเลยเชียว
ในช่วงเวลานี้!
เสียงต่ำที่สุขุมนุ่มลึกของเย่แจ๋หยิ่งก็ดังขึ้น: “เทพธิดา ข้าไล่ตามเจ้าอยู่นะ”
“อะไรนะ?” หลานเยาเยาผงะไป ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้