บทที่ 280 เข้าห้องนอนผิด
“คิดไปคิดมา ในบรรดาตระกูลหลานเจ้านั้นเหมาะสมที่สุด อีกทั้งข้าเองก็ไม่รังเกียจเจ้า นอกจากเจ้า ข้าหาหญิงอื่นใดที่ข้ายินดีจะแต่งด้วยไม่ได้เลย ”
ในน้ำเสียงชั่วร้ายของหานแสมีแววจำใจ และก็เสน่ห์อยู่ด้วย
หลานเยาเยายกยิ้มมุมปาก “นี่ท่านกำลังสารภาพรักหรือ”
“สารภาพรัก”เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“ก็คือว่า ท่านชอบข้า จากนั้นก็เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจกับข้า” เพียงแต่ที่หานแสบอกว่าตระกูลหลานทั้งหมดหมายความว่าอย่างไร
“อะแฮ่ม”
หานแสไอเบาเบาหนึ่งครั้ง สายตาสั่นไหวเล็กน้อย กล่าวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“เพียงแต่กับเจ้า……ไม่รังเกียจเท่านั้น”
“ก็ใช่ ท่านจะรังเกียจข้าได้อย่างไรกัน ข้ามีทั้งสติปัญญาและรูปโฉม ฝีมือการแพทย์ดีเยี่ยม กล้าพูดกล้าแสดงออก อีกทั้งวรยุทธ……ล้ำเลิศ คนที่รังเกียจข้าก็มาจากความอิจฉาทั้งนั้น
ช่างเถอะ ไม่ยินยอมจะให้ยืมคนก็แล้วไปเถอะ เช่นนั้นแค่พบหน้ากันคงทำได้กระมัง”
ขณะที่พูด ในใจหลานเยาเยาก็เกิดแผนหนึ่งขึ้นกะทันหัน
บางทีวิธีนี้อาจจะดีกว่าก็เป็นได้
“อย่ามาลูกไม้ดีที่สุด”
พอเห็นสายตานางที่มีแววบางอย่างพาดผ่าน หานแสรู้สึกว่านางต้องกำลังคิดแผนร้ายอยู่แน่ๆ
“ท่านเจ้าของเรือโปรดวางใจ ท่านยังไม่รู้ตัวตนของข้าหรือ”
“เพราะข้ารู้ตัวตนของเจ้า จึงได้เตือนเจ้า ทางที่ดีอย่าคิดจะลองจับคนไป”
“……”
หลานเยาเยารู้สึกอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
นางเป็นคนเช่นนั้นหรือ
เดิมทีหานแสคิดว่าหลังจากนี้สามวัน จึงจะให้นางพบกับหลานชิวหยุน
ท้ายที่สุด ภายใต้การหว่านล้อมของนาง หานแสจำใจต้องตอบตกลงให้พบกันในวันทีสอง
ก่อนจากกัน
หลานเยาเยาถามหานแส “ตอนนี้ท่านชอบสวมชุดสีม่วงแล้วหรือ”
เขาตอบว่า “สีแดงเหมาะกับเจ้ามากกว่า ”
……
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ หลานเยาเยายังคงอยู่ที่ห้องอาหาร มองท้องฟ้าที่มืดสนิท กำลังคิดว่าจะกลับไปนอนที่ห้อง
แต่กลับนึกบางอย่างขึ้นได้กะทันหัน รีบเรียกจื่อซีมาถาม
“ท่านอ๋องเลือกห้องไหน”
“เรียนคุณหนู ท่านอ๋องไม่ได้เลือกห้องรับแขก แต่เป็น……ห้องนอน ”
“อะไรนะ ห้อง ห้องนอน”
หลานเยาเยาตะลึง
นี่มัน
หากเป็นเรือนรับแขกห้องหนึ่ง เช่นนางนางคงตามใจเขา แต่เขากลับเลือกห้องนอน จะได้อย่างไร
พูดจบ
นางก็ถลกแขนเสื้อขึ้น ยกท้าวก้าวออกไปนอกประตูทันที
“คุณหนู คุณหนู ท่านไปที่ใด รอข้าด้วย ข้ายังพูดไม่จบ”
แต่ว่า ไม่เห็นแม้แต่เงาคนแล้ว
จื่อซีวิ่งตามอย่างไม่คิดชีวิต แต่หลานเยาเยาก็วิ่งได้ว่องไวเหลือเกิน
ตอนที่เขาวิ่งไปถึงห้องนอนที่ท่านอ๋องเลือก กลับพบว่าคุณหนูของตนไม่อยู่ เข้าใจในทันที
ใช่แล้ว
คุณหนูไม่รู้ว่าอ๋องเย่เลือกที่ไหนเป็นห้องนอน
ฉะนั้น
“คุณหนูนี่ท่านจะวิ่งไปที่ไหน”
ไม่เพียงแต่วิ่งผิดทิศทาง แม้แต่ความคิดของหลานเยาเยาก็ผิดไปด้วย บัดนี้มายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของตนด้วยอาการหอบหายใจ
ก็ไม่รู้ว่าเพราะวิ่งเร็วเกินไป หรือเพราะว่าโกรธมากไป เสียงต่ำของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว
“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าออกมานะ”
ในความคิดของหลานเยาเยา จวนเทพธิดาคงมีเพียงหนึ่งห้องนอนเท่านั้น ห้องอื่นๆ นางไม่คุ้นเคยจริงๆ เย่แจ๋หยิ่งไม่เลือกห้องรับแขก แต่เป็นห้องนอน
เห็นได้ชัดว่า
เย่แจ๋หยิ่งนั้นอยากจะครอบครองห้องนอนของนาง แย่งจวนเทพธิดาของนางไป จากนั้นก็กวาดนางออกไป……
“คุณหนู อ๋องเย่ไม่ได้นอนห้องเดียวกับท่าน ”คนที่ตอบนางเป็นจื่อเฟิงที่สีหน้าไร้ความรู้สึก
“ไม่อยู่ที่นี่ แล้ว แล้วเขานอนที่ไหน”
ถูกคำพูดที่แสนจะตรงไปตรงมาของจื่อเฟิงทำเอาตกใจ ที่สุดสติปัญญาก็คืนสู่สมองของหลานเยาเยา ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว
ไม่คิดว่าจะชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ กำแพงมนุษย์ยังมีกลิ่นหอมที่คล้ายจะคุ้นเคยอยู่บ้าง
“ข้านอนห้องข้างๆ”
น้ำเสียงดึงดูและมีเสน่ห์ดังขึ้นข้างหู ทำเอานางตกใจจนตัวสั่นกะทันหัน
นางรับรู้ได้ว่าริมฝีปากบางของเย่แจ๋หยิ่งอยู่ข้างหูของนาง ลมหายใจอุ่นที่เป่ารด เหมือนจะสามารถติดต่อกันได้ ไม่นานก็ทำให้นางอุ่นร้อนไปทั้งร่าง
“ห่างจากข้าให้ไกลหน่อย”หลานเยาเยาหรี่ตาลงแวบหนึ่ง น้ำเสียงมีแววต่ำลึก
ความรู้สึกแบบนี้เหมือนเคยรู้จัก……
นางไม่ชอบ
“หึ เทพธิดาคงลืมไปกระมัง”
“อะไร”
“เป็นท่านที่ใกล้เข้ามา”เย่แจ๋หยิ่งยืนนิ่งไม่ขยับ
“เจ้า……”
ไม่พูดไม่ได้ว่า ที่เย่แจ๋หยิ่งพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
ช่วยไม่ได้ นางไม่ชอบถูกกลิ่นอายของเย่แจ๋หยิ่งห้อมล้อมเอาไว้ มันทำให้นางคิดถึงความทรงจำบางอย่างที่นางอยากจะลบทิ้งไป
และแล้ว
หลานเยาเยาก็ถอยออกไปหลายก้าว เก็บท่าทีเย็นชาไว้ หมุนตัวกลับไปด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์
“ดึกมาแล้ว ท่านอ๋องยังไม่พักผ่อน มาที่ห้องนอนของข้าทำไมกัน“
“หากข้าฟังไม่ผิด น่าจะเป็นเทพธิดาให้ข้าออกมา”
เย่แจ๋หยิ่งสองมือไขว้หลัง มองนางอย่างสูงส่งเย่อหยิ่ง เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มและเปิดปากขึ้นอีกครั้ง
“เทพธิดาคงไม่คิดว่าข้าจะอยู่ที่ห้องนอนของท่านหรอกนะ”
ตอนนี้ หลานเยาเยายกมุมปาก
เจ้าบ้านี่
ต้องจงใจแน่ๆ
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ท่านอ๋องก็รอชื่อเสียงป่นปี้เถอะ”
พรุ่งนี้ ข่าวเรื่องอ๋องเย่เข้าอยู่ที่จวนนาง ตอนแพร่ออกไปแน่นอน อีกทั้งยังมีข่าวลือมากมาย หากยังมีเรื่องที่เย่แจ๋หยิ่งนอนห้องเดียวกับนางแพร่ออกไปอีก นอกจากฮ่องเต้อาจจะเป็นบ้า เย่แจ๋หยิ่งเองก็ชื่อเสียงป่นปี้เช่นกัน
พูดจบ
หลานเยาเยากระแอมเสียงเย็น ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม
แม้แต่ตัวนางเองยังฟังไม่ออก นางพูดเล่น หรือพูดจริงกันแน่
“ท่านอ๋องพักผ่อนเช้าหน่อยเถอะ”
พูดจบ
ก็ไม่สนว่าสีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งจะเป็นอย่างไร นางเดินไปยังห้องนอนของตน
“ปัง……”
ประตูห้องนอนถูกผลักออกอย่างแรง
แล้วก็ “ปัง”อีกเสียง ประตูห้องนอนถูกปิดลงอย่างแรง
หลังจากประตูห้องนอนปิดลง หลานเยาเยาพิงอยู่ที่ประตูอย่างหมดสภาพ รอยยิ้มประจำตัวบนหน้าหายไปจนสิ้น จากนั้นก็ค่อยๆนั่งลง ม้วนตัวเองเป็นก้อน……
เย่แจ๋หยิ่งที่ยืนอยู่ข้างนอก กลับคืนท่าทีเย็นชา
เขามองไปที่ประตูห้องนอนอย่างนิ่งๆ กำหมัดไว้แน่น
ตอนที่นางหมุนตัวกลับห้อง เขามองเห็นความเกลียดชังในสายตานาง
นางเกลียดเขา
……
รุ่งเช้าของวันที่สอง
“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ……”
“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ……”
นกน้อยนอกหน้าต่างร้องอย่างมีความสุข รบกวนหลานเยาเยาที่กำลังนอนหลับอยู่
เสียง“ปัง”ดังขึ้น รองเท้าปักลายดอกไม้สีแดงสดข้างหนึ่งลอยออกไปนอกหน้าต่าง โดนยอดต้นไม้ ทำเอานกน้อยตกใจจนเกือบลืมไปว่าตัวเองบินได้
ไม่มีเสียงรบกวนของนกแล้ว
หลานเยาเยายังคิดว่าตัวเองจะสามารถนอนเพื่อความงามได้อีก
ใครจะรู้
กลิ่นอาหารเย้ายวน โชยมาจากนอกหน้าต่าง
กลิ่นแล้วกลิ่นเล่า อีกทั้งกลิ่นอาหารยิ่งอยู่ก็ยิ่งเข้มข้น
ไก่ขอทาน……
ปลาน้ำแดง……
ขาหมูพะโล้……
เป็นถึงนักกินมือฉมัง ความสามารถด้านการได้กลิ่นก็รู้ชื่ออาหารเป็นเรื่องที่นางฝึกฝนจนเป็นสุดยอดแล้ว
เดิมที่ท้องที่ยังไม่หัว ก็เริ่มร้อง“จ๊อกจ๊อก”ต่อต้านนาง
“น้องเจ้าสิ เช้าขนาดนี้ กินดีขนาดนี้ทำไมกัน ”
ตั้งแต่ตอนที่ได้กลิ่นอาหาร หลานเยาเยาก็รู้ว่าตนเองนอนไม่หลับแล้ว
นางรีบลุกจากเตียง ติดตามกลิ่นหอมมาจนถึงห้องนอนห้องข้างๆ
กลิ่นหอมของอาหารลอยมาจากข้างใน
“ที่แท้ก็เป็นเขา”
วางแผนจะเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อจะใช้อาหารหลอกล่อนาง
ชิ
นางไม่มีวันหลงกล
และแล้ว
นางยกเท้าเดินไปยังห้องนอนชั่วคราวของเย่แจ๋หยิ่ง