บทที่ 299 อ๋องเย่อารมณ์ดีเป็นที่สุด
“ในวันธรรมดา ในห้องของข้าก็มีความเคลื่อนไหวใหญ่โตเป็นเรื่องปกติ แต่ล้วนเป็นข้าที่เป็นรังแกผู้อื่น ในตลาดดำนี้ผู้คนล้วนมองเป็นเรื่องปกติแล้ว
ไหนจะรู้เลยว่าวันนี้เป็นข้าที่โดนเข้าแล้ว ดังนั้นอยากให้สองคนนั้นรู้ ข้าถิงเมี่ยนไม่ใช้เจ้านายที่ยั่วยุได้ง่ายๆ”
แต่ว่าใช้แรงมากเกินขณะพูด ได้ดึงถูกตำแหน่งที่โดนมือต่อยเท้าเตะ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นวดเบาๆตรงจุดที่เจ็บ
ราวกับว่าฆ่าพวกเขาเองกับมือ!
หลานเยาเยาก็ไม่อยากเปิดโปงเขา เพียงแต่ยกมุมปากขึ้นเป็นสัญลักษณ์ พูดเบาๆ :
“ไปเถอะ! ข้าอยากซื้อคนเข้าตำหนักนิดหน่อย”
“ไม่งั้นรอสักครู่?”
“หื้ม?” นางมองไปยังถิงเมี่ยน สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย
เห็นนางท่าทางดูพูดง่าย?
ไม่ได้!
นางจะเหลิงไม่ได้ ในฐานะเทพธิดาจะเสียหน้าไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ นางจึงทำหน้าตึง ให้ดูเหมือนว่าไม่ง่ายนักที่จะยั่วโมโห
“ขา ขาอ่อน”
“……”
ถิงเมี่ยนเกาหัว แล้วแอบเช็ดเหงื่อ
หญิงชุดแดงมีรัศมีที่แข็งแกร่ง เขาไม่กล้าพูดเท็จ
หากว่าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่โดนนางทำให้ตกใจจนแข้งขาอ่อน และตอนนี้ขาแข้งก็ยังอ่อนอยู่ เขาก็ลงมือใช้มีดจัดการสองคนนั้นไปแล้ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง!
ลูกน้องของถิงเมี่ยนก็ถูกลูกน้องคนอื่นๆหามไปรักษา และถิงเมี่ยนเองก็ผ่อนคลายขึ้นแล้ว
ขณะที่เขาพาหลานเยาเยาไปซื้อคน
มีคนบอกเขา สองคนนั้นถูกคนในตลาดดำทำให้ตายแล้ว แม้แต่ศพก็จัดการอย่างราบคราบแล้ว
เขาพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพอใจ
ยังจะกล่าวเชิญชวนทุกคนมาดื่มเหล้ากินเนื้อกันคืนนี้
เขาคิดว่า ในฐานะของเจ้าถิ่นของเมืองหลวง อยู่ต่อหน้าลูกค้า ในที่สุดก็สามารถเอาหน้ากลับมาได้มากแล้ว
แน่นอน!
สำหรับผู้มีบุญคุณที่ได้ช่วยชีวิต เขาก็ไม่ได้วางมาด
อีกทั้ง ได้พาผู้มีพระคุณไปแหล่งเลือกซื้อคนเป็นพิเศษ ทั้งยังให้คำแนะนำเป็นอย่างดีอีกด้วย
เมื่อพวกเขาออกจากตลาดดำ
หลังจากที่หลานเยาเยาเปิดผ้าคลุมกระสอบและเสื้อคลุมออก ถิงเมี่ยนก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ชุดแดงที่พราวเสน่ห์……
ริมฝีปากสีแดงเพลิง……
โฉมหน้าสวยงามเลิศล้ำ……
“เทพ เทพธิดา!”
ครั้งแรกขณะที่เทพธิดาเข้าพระราชวัง เขาก็อยู่ในสถานที่นั้น
และ รูปวาดของเทพธิดา เกือบจะทุกคนที่เคยได้เห็น ไม่สามารถที่จะจำผิดได้
ตอนอยู่ที่ตลาดดำก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะเห็นว่าใต้ผ้าคลุมกระสอบเป็นชุดแดงทั้งตัว และรู้ว่านางต้องเป็นบุคคลที่เก่งกาจมากเป็นแน่
แต่ไม่กล้าที่จะคิดเลย ว่านางจะเป็นเทพธิดา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง!
เทพธิดาที่สูงส่ง ภาพลักษณ์ที่ไม่ลุ่มหลงต่อแสงสีในโลกมนุษย์ ควรจะต้องเป็นบุคคลที่มีความชอบธรรมถึงจะถูก
ทำไมถึงได้ฆ่าคนและไร้ร่องรอย แล้วเกี่ยวข้องกับการแอบเข้าตลาดมืดได้?
“ข้าน้อยคารวะเทพธิดา!”
เขาคุกเข่าลงไหว้ทันที
บุคคลที่กล้าเพิกเฉยต่ออำนาจของฮ่องเต้ เขาจะกล้าดูแคลนได้เช่นไร?
“รู้ว่าเป็นข้าแล้ว ก็จัดการกับปากตัวเองให้ดี”
“เทพธิดาได้โปรดวางใจ ในเวลานี้จะต้องสลายไปในท้องของข้าน้อยอย่างแน่นอนขอรับ” เขารับรองทันที
“อืม!”
หลานเยาเยามองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็พาคนที่ซื้อมาจากไป
กลับมาถึงในตำหนัก ก็เห็นโหลวเย่วนั่งอยู่ที่ประตูใหญ่ ท่าทางวางมาดเต็มที่
เพียงแต่ว่า……
นางหลับไปแล้ว!
หลังจากเดินอ้อมนางเข้าไป ก็กำลังกลุ้มใจว่าจะจัดการกับคนที่เพิ่งซื้อมาใหม่เหล่านี้เช่นไร ก็เห็นเงาคนผู้หนึ่งเหาะมา
หลังจากที่มองเห็นชัดเจนแล้วว่าเขาเป็นใคร ดวงตาของหลานเยาเยาก็เปล่งประกายขึ้นทันที
เป็นเขา!
ตาแก่ผู้นี้มาทันเวลามาก
คราวนี้ก็ดีล่ะ
คนที่ง่วงนอนก็มีคนส่งหมอนมาให้แล้ว!
ตาแก่ที่เพิ่งจะเหาะลงมาอยู่ด้านหน้าของนาง ยังไม่ทันจะได้หายใจ ก็เห็นหลานเยาเยามองเขาด้วยรอยยิ้มตาหยี
“ตาแก่ พ่อบ้านเจา สวัสดีจ้า! ที่นี่มอบให้ท่านแล้ว”(ตาแก่ ในภาษาจีนอ่านว่าเจาเหล่าโถว ดังนั้นจึงเรียกตาแก่ว่าพ่อบ้านเจา )
พูดจบ
ก็เหมือนกับกลัวว่าเข้าจะตอบสนองกลับมา ในพริบตาเดียว ก็หายตัวไปแล้ว
“อ่อ เอ๊ะ คนล่ะ?”
“สวัสดีพ่อบ้านเจา!” คนที่ซื้อมาเหล่านั้นรู้งานเป็นอย่างมาก หลังจากรู้ว่าเป็นพ่อบ้าน ก็รีบทำความเคารพทันที
มองดูตำแหล่งที่หลานเยาเยาหายตัวไป
แล้วมองไปที่กลุ่มคนแปลกหน้าด้านหน้าที่ดูมีไมตรีอย่างล้นหลาม ตาแก่มีสีหน้างงงัน
ข้าเป็นใคร?
ข้าอยู่ที่ไหน?
ข้าจะต้องทำอะไร?
……
หลังจากที่หลานเยาเยาวิ่งหนีไป ก็ตรงไปที่ห้องของจื่อเฟิง
เวลานี้!
เห็นจื่อเฟิงฟื้นแล้ว และจื่อซีก็ดูแลอยู่ข้างๆ
นางจึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
หลังจากที่ถามไถ่สารทุกข์ไปสองสามประโยค นางก็ไปที่ห้องครัวเล็ก
เดินทั้งวันแล้ว เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
“โครก……”
แม้แต่ท้องก็ยังต่อต้าน!
ด้วยเหตุนี้ นางจึงฟุบไปบนโต๊ะ จากในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ หยิบเอาของที่นางตุนไว้ออกมา—ขาหมูรสเลิศ หมูย่างหมาล่า
เต้าหู้เหม็นที่เหม็นจนคนสลบ……
เป็นเวลาเกือบสองชั่วยาม ในที่สุดหลานเยาเยาก็กินอิ่มตุ้ยนุ้ยแล้ว
ล้างมือนิดหน่อย แล้วคิดจะจากไป
ในเวลานั้นกลับเห็น ยังมีวัสดุปรุงยาเหลืออยู่บนเตา ก็ได้หยุดฝีเท้าลงอย่างไร้เหตุผล
จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปทางเตา……
หลังจากนั้นสองชั่วยาม
ตำหนักเทพธิดา ประตูใหญ่
โหลวเย่วที่ตื่นขึ้นมานานแล้ว ยังคงนั่งเฝ้าอยู่ที่ประตูใหญ่
คิดในใจ :
ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ทำไมเทพธิดาถึงยังไม่กลับมาอีกนะ!
“แฮ่มแฮ่ม……”
เมื่อได้ยินเสียงกระแอม โหลวเย่วรีบหันกลับไปมอง กลับพบว่าเทพธิดายืนอยู่ข้างหลังนาง อดไม่ได้ที่มองออกไปดูข้างนอก
“เทพธิดา ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี๊ย?”
นางตั้งใจเฝ้าอย่างเอาจริงเอาจัง แม้ตาก็ไม่ได้กะพริบสักน้อย ทำไมไม่เห็นเทพธิดากลับมา?
นางไม่ได้นอนหลับนะ
แค่งีบไปครู่หนึ่ง……
หลานเยาเยาไม่ได้ตอบคำถามของนาง พูดด้วยน้ำเสียงแบบออกคำสั่งเล็กน้อย :
“ไปกินข้าว”
“กินข้าว?”
โหลวเย่วลูบที่ท้องของตัวเอง ที่แบนๆ นางหิวมากแล้วจริงๆ
เพียงแต่ นางเป็นห่วงมากที่สุดคือ : “มีข้าวต้มหรือไม่?”
“ไม่รู้!”
ได้ยินดังนั้น!
โหลวเย่วก็ผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ก็ถูก เทพธิดางานยุ่งอยู่ข้างนอกทั้งวัน ดูท่าแล้วน่าจะเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ทำอาหารเรื่องของห้องภัตตาหาร
นางจะรู้ได้เช่นไรล่ะว่าจะต้มข้าวต้มหรือไม่?
ไม่ว่าเช่นไร
ฟ้าใหญ่แผ่นดินใหญ่กินข้าวใหญ่ที่สุด
ด้วยเหตุนี้!
นางวิ่งไปที่ห้องครัวเล็กด้วยความรวดเร็ว ก็พบกับอาหารที่กำลังร้อนระอุอยู่เต็มโต๊ะ
ที่ทำให้นางดีใจที่สุดก็คือ ยังมีข้าวต้มอยู่หนึ่งถ้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
นางรู้อยู่แล้วว่าเทพธิดาเป็นคนภายนอกแข็งภายในอ่อน
น่าจะเป็นเพราะคำขอของนาง จึงได้สั่งให้ห้องครัวต้มข้าวต้มเพิ่มถ้วยหนึ่ง!
ส่งข้าวต้มเรื่องใหญ่
โหลวเย่วที่ท้องกำลังหิว ยกข้าวต้มไปให้เสด็จอาก่อน
และครั้งนี้เมื่อถึงหน้าประตูห้องนอนของเสด็จอา นางเพิ่งจะยกมือขึ้น ยังไม่ทันจะเคาะประตู ประตูห้องก็เปิดออกแล้ว
จากนั้น
มือของนางก็เบาลงทันใด ข้าวต้มโดนยกไปแล้ว
“เอี๊ยด” เสียงหนึ่ง ประตูห้องถูกปิดลง
“……”
โหลวเย่วยังคงอยู่ในท่าที่กำลังจะเคาะประตู งงงันเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาจะชอบกินข้าวต้มถึงเพียงนี้เลย!
เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายวัน มีข้าวต้มเป็นอาหาร โหลวเย่วมีความสุขราวกับดอกไม้
และอ๋องเย่ ทุกครั้งที่ถึงเวลาอาหาร ก็อยู่ในห้องอย่างตรงเวลา
วันนี้!
หลานเยาเยากำลังเขี่ยวัสดุปรุงยาเล่นอยู่ในห้องครัวเล็ก จื่อซีรายงานเรื่องราวจบ เพิ่งจะเดินออกไป เย่แจ๋หยิ่งก็มา
เมื่อเห็นเย่แจ๋หยิ่งไม่ได้เคาะประตู บุกเข้ามาโดยตรง
จื่อซีก็ตกใจทันที!
ตะโกนขึ้นอย่างรีบร้อนทันที : “คุณ……”
เพิ่งพูดได้แค่คำเดียว ก็โดนลมแรงสกัดจุดไว้
หลานเยาเยาที่อยู่ในห้องครัวเล็กขมวดคิ้ว ก็เอาวัสดุปรุงยาเก็บเข้าไว้ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บทันที
หมุนตัวมาก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งเดินเข้ามา
ฝีเท้าของเขาเบาและเร็ว สีหน้าดีมาก บนใบหน้าก็ยังคล้ายๆกับว่ามีรอยยิ้มที่เหมือนจะไม่มีแฝงอยู่
มองไม่ออกสักนิดว่ามีการบาดเจ็บภายใน
ราวกับว่าอารมณ์ดีเป็นที่สุด……