หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 30 มีลางสังหรณ์

บทที่ 30 มีลางสังหรณ์

   

เพราะยามนี้ ฮัวหยู่อันมองเห็นร่างไร้วิญญาณของมือสังหารยิงจวนที่ตกเป็นเบี้ยล่างอยู่หลายศพ ทว่ากลับไม่เห็นเงาของยายเมิ่งยิงจวนและมือสังหารคนอื่น ๆ เลย

   

“พวกเขาอาจจะไปตามล่าพวกเรา แล้วหลงทางอยู่ในพื้นที่อื่นก็เป็นได้” นี่เป็นคำที่ฮัวหยู่อันพูดปลอบตนเอง แม้ว่าจะพูดดังนี้ ทว่าใจของนางกลับไม่กล้าปล่อยวางเลยแม้แต่น้อย

   

หลานเยาเยาสังเกตดูรอบทิศด้วยความระมัดระวัง ทุกทิศนั้นเต็มไปด้วยไอพิษ แทบจะมองไม่เห็นสิ่งใด นางขมวดคิ้วแน่น พูดพึมพำกับตนเองว่า

   

 “ข้ามีลางสังหรณ์บางอย่าง!”

   

เพิ่งพูดจบ ผมเผ้าขาวยุ่งเหยิงก็ตกลงมาอยู่เบื้องหน้านาง จากนั้นส่งเสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองขึ้น

   

 “ฮ่า ๆๆ…..”

   

เสียงหัวเราะเช่นนี้ ทำให้หลานเยาเยารู้สึกขนลุกซู่ในทันใด จากนั้นเบิกตากว้างโดยพลัน เงยศีรษะมองดูอย่างรวดเร็ว…..

   

ยายเมิ่งยิงจวนที่เผยรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้านั้น อยู่เหนือศีรษะพวกนางนี่เอง จ้องมองนางด้วยสายตาอันว่างเปล่า ประหนึ่งกำลังจ้องมองผู้ที่ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

   

ผมขาวยาวที่เดิมทีถูกมัดรวบไว้นั้น มิรู้ว่าปล่อยลงมาเมื่อยามใด พวกมันแยกเขี้ยวกางเล็บ ลอบโจมตีมายังลำคอของนางราวกับว่ามีชีวิตก็มิปาน

   

นางแผดเสียงร้องตะโกนว่า “ซวยแล้ว! รีบเหาะลงไปเร็ว”

   

 ทว่า ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

   

 พอกล่าวจบ ผมเผ้าสีขาวยุ่งเหยิงก็พันรอบคอนาง ทั้งยังคล้ายกับอสรพิษที่ยิ่งพันก็ยิ่งรัดแน่น

   

ฮัวหยู่อันที่ได้ยินเสียงร้องของนาง หันศีรษะไปมองอย่างรวดเร็ว เพียงแค่หันไปดูปราดเดียว ก็มองเห็นผมสีขาวของยายเมิ่งยิงจวนเข้าห่อหุ้มทั้งศีรษะของนางไว้เสียแล้ว

   

 ตื่นตกใจจนเกือบเสียสมดุล…..

   

 “นี่ เจ้า…..ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“บ้า…..จริง นี่ยังเรียกไม่…..เป็นไรหรือ รีบช่วยข้าเร็ว!”

   

หลานเยาเยารู้สึกหมดคำจะพูด นี่นางเกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

   

จากนั้นพอใคร่ครวญดูแล้ว ในมือพลันปรากฏมีดผ่าตัดเล่มหนึ่ง พุ่งตัดผมยายเมิ่งยิงจวนโดยฉับพลัน

   

ทันใดนั้นเอง!

   

ผมขาวเกือบครึ่งถูกตัดออกอย่างง่ายดาย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก็ถูกดาบสั้นของฮัวหยู่อันฟันขาดแล้ว

   

“เฮือก…..”

พอนางกำลังจะสูดอากาศให้เต็มปอด แต่กลับนึกไม่ถึงว่า เพิ่งสูดหายใจไปได้เพียงเฮือกหนึ่ง ผมขาวนั่นก็พลันลอบโจมตีเข้ามาอีก

   

คราวนี้ มิได้ลอบโจมตีนางเพียงคนเดียวแล้ว ผมขาวสกปรกของยายเมิ่งยิงจวนไม่เพียงแยกออกเป็นสองฝั่งแยกย้ายกันลอบโจมตีพวกนางเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นผมขาวโพลนยังมีแผ่นเหล็กแหลมคมโผล่ออกมา……

   

 หากเพียงแค่พันรอบลำคอของพวกนางเมื่อใด สมองของพวกนางคงจะแยกออกจากกันทันที

   

 จบกันแน่คราวนี้!

   

 ฮัวหยู่อันไม่สามารถรับมือกับผมขาวโพลนพลางพานางเหาะไปด้วยเช่นนี้ได้! แม้แต่นางเองก็ยังยากที่จะรักษาตนเองไว้แล้ว

   

 ดังนั้น ต่อให้นางไม่ถูกตัดหัว ก็คงจะตกลงไปข้างล่างอยู่ดี ไม่ว่าทางใดก็ล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น

 

 เมื่อเป็นเช่นนั้น!

   

หลานเยาเยารู้สึกถึงเลือดอุ่น ๆ ที่กระเด็นมาโดนใบหน้านาง ก็รู้ว่าฮัวหยู่อันถูกแผ่นเหล็กแหลมคมนั้นบาดเข้าให้แล้ว

   

ก่อนที่นางจะปล่อยตัวลงมา ก็คว้าจับผมขาวโพลนของยายเมิ่งยิงจวน เพื่อไม่ให้ตนเองตกลงไปข้างล่าง

   

ทันใดนั้นเอง ในมือรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา แผ่นเหล็กหลายแผ่นทิ่มแทงที่มือนางราวกับถูกมีดกรีด ฝังลึกเข้าไปในเนื้อ

   

 ในชั่วพริบตา!

   

เลือดอุ่น ๆ ไหลออกมาจากฝ่ามือ แล้วไหลรินลงมาตามแขน เลือดที่ไหลนั้นยังเป็นเลือดสีดำอีกด้วย

มองดูพิษจากบาดแผลที่ลุกลามด้วยความเร็วเฉกเช่นเดียวกับการแตกกิ่งก้านของต้นไม้ตาปริบ ๆ อีกทั้งยังรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง

   

รู้เลยว่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป คงจะตายเร็วเสียยิ่งกว่าเดิม!

   

หลานเยาเยาตัดสินใจอย่างยากลำบาก!

   

หากจะให้ตายด้วยพิษยา มิสู้ตกลงไปตายยังจะดีเสียกว่า บางทีอาจจะยังพอมีโอกาสรอดอยู่บ้าง

   

 ขณะที่กำลังคิด นางหยิบมีดผ่าตัดสะบัดออกไปทางผมขาวโพลน……

   

 อย่างไรก็ดี!

   

มีดผ่าตัดยังมิทันจะสัมผัสโดนผมขาว ผมสีขาวนั่นก็ขาดออกจากกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งร่างตกลงไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกตุ้มตาชั่ง

   

 ผู้ใดแอบมาช่วยนางกันนะ

   

 ไม่มีเวลาให้คิดถึงเพียงนั้น นางหยิบยาเม็ดถอนพิษร้อยชนิดออกมาก่อนกินเข้าไป

   

 “ว้าย…..”

   

 เสียงร้องตกใจของสตรีนางหนึ่งลอยมาจากทางด้านข้าง ทั้งยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

   

 นางหันศีรษะกลับไปดู

   

 เอ…..

   

 เป็นฮัวหยู่อัน บนตัวนางอาบไปด้วยเลือด มิหนำซ้ำยังโดนยาพิษร้ายแรงเช่นเดียวกับนางอีกด้วย

   

 ทว่านางยังดี อย่างน้อยก็สามารถเหาะได้ ไม่ถึงขั้นตกลงมาตาย

   

 ส่วนนางนั้นลำบากแล้ว!

   

รีบพลิกหาของในช่องกระเป๋า ดูว่ามีอะไรที่สามารถนำมาใช้เป็นร่มชูชีพได้บ้าง ทว่าเมื่อร้อนใจขึ้นมา สมองก็ทื่อไปหมด หาอันใดไม่เจอทั้งสิ้น

   

ตามองดู ใกล้จะกระแทกกับพื้นเบื้องล่างแล้ว นางดึงผ้าปูที่นอนสีซีดผืนหนึ่งออกมาโดยพลัน สองมือจับที่มุมผ้าทั้งสองฝั่งไว้แน่น เช่นนี้ก็พอใช้เป็นร่มชูชีพได้แล้ว

ผู้ใดจะไปรู้……

   

ว่าจะไม่ได้ตกไปยังพื้น ทว่ากลับตกลงไปในอ้อมกอดอันอบอุ่น ทำให้ความเร็วในการตกของนางลดระดับลงไปในทันใด

   

 พลันเงยศีรษะมองไปยังผู้ที่รับตัวนางไว้ อดตะลึงงันมิได้!

ภาพเบื้องหน้าเป็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ผิวขาวเนียน โครงหน้าสมบูรณ์แบบ และริมฝีปากบาง รวมถึงดวงตาลุ่มลึกที่ดูคล้ายกับน้ำวนคู่นั้น…..

   

 เป็นเขาหรือนี่!

   

 อ๋องเย่เทพสงครามผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

   

นางในยามนี้พลันนึกถึงวลีดังในบทพูดขึ้นมาวลีหนึ่ง ‘คนรักของข้าเป็นจอมยุทธ์ผงาดฟ้า สักวันหนึ่งเขาจะเหยียบข้ามสายรุ้งเจ็ดสีมาสู่ขอข้า……’

   

 ไม่สิ!

   

 มาช่วยชีวิตข้า

หลานเยาเยาซาบซึ้งจนแทบน้ำตาคลอ เมื่อนางกำลังจะกล่าวขอบคุณเขา เย่แจ๋หยิ่งพูดอย่างเย็นชาเหมือนสาดน้ำเย็นใส่หน้านางขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า

   

 “น่าสนใจดีนี่ นึกไม่ถึงว่าจะพลิกเกมได้!”

   

 บ้าบอสิ้นดี!

   

 เกือบจะลืมไปเสียแล้ว

   

ผ้าปูเตียงที่ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่มีต้นตอนั้น ถูกหยิบออกมาจากช่องกระเป๋า เย่แจ๋หยิ่งคงจะเห็นเข้าแล้ว

   

จบกัน เขาคงเริ่มเคลือบแคลงใจแล้ว ในใจรู้สึกหวิวขึ้นมาในทันใด

   

ในยามนี้เอง เย่แจ๋หยิ่งโอบอุ้มนางลงมายังพื้นเบื้องล่าง เมื่อถึงพื้นแล้ว เย่แจ๋หยิ่งก็โยนนางลงไปบนพื้นราวกับโยนขยะทิ้งก็มิปาน

   

 “โครม……”

ฝุ่นควันลอยขึ้นรอบด้าน หลานเยาเยากัดฟันลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ

   

กลอกตามองบนใส่เขาอย่างแค้นเคือง น่าเสียดายที่ไม่มีใครมองเห็นนางทำท่าทีเช่นนั้น เพราะสายตาของเย่แจ๋หยิ่งไม่ได้อยู่ที่นางเลย ทว่ามองขึ้นไปยังเบื้องบน

   

เมื่อมองดูตามสายตาของเขา ก็มองเห็นบุรุษสวมชุดจอมยุทธ์ที่กำลังต่อสู้กับยายเมิ่งยิงจวนอยู่กลางอากาศพอดี ดูท่าทีแล้วทั้งสองมีฝีมือสูสีกัน

   

 คนผู้นั้นดูคุ้นหน้าอยู่บ้าง ราวกับว่าเคยพบกันที่ใดมาก่อน…..

   

เขาคงเป็นลูกสมุนของเย่แจ๋หยิ่งกระมัง จากนั้นจึงเหลือบตามองเย่แจ๋หยิ่ง พลันนึกถึงชายคนที่ถือกระบี่ชี้มายังนางที่เหวข้างล่างนั่น

   

เป็นเขานี่เอง!

   

ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่ป่าทึบนี้นะ

   

พลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ นางมองไปยังรอบทิศในทันใด ก็มองเห็นฮัวหยู่อันเจ็บจนนอนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เลือดอาบบนผ้าสีดำที่บดบังใบหน้าของนางไว้ ผิวหนังรอบดวงตาก็ดูเหมือนว่าจะมีขอบดำคล้ำขึ้นมาชั้นหนึ่ง

   

หลานเยาเยาย่นคิ้วเล็กน้อย จากนั้นรีบเดินไปในทันใด ต่อมาหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาแล้วให้นางกินลงไป

   

หลังจากนั้นชั่วครู่ ฮัวหยู่อันก็ค่อย ๆ หยุดดิ้น สีผิวบนใบหน้าก็เริ่มฟื้นกลับมาเป็นปกติ

   

 “ขอบใจนะ!”

   

 ฮัวหยู่อันที่นั่งเป็นอัมพาตอยู่บนพื้น กล่าวขึ้นด้วยความตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง

   

“มิต้องขอบใจหรอก ถ้ามีความจริงใจแล้วล่ะก็ จะมอบสิ่งของที่มีประโยชน์ตอบแทนข้าก็ได้ เช่นนั้นจะเยี่ยมยอดมาก”

   

 จะเป็นตั๋วเงิน หรือเครื่องประดับที่มีค่าสักหน่อย นางก็ยินดีรับทั้งนั้น

   

 ทว่า!

   

 ราวกับว่ามีคนเข้าใจนางผิดแล้ว

“เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้สองหน ถ้าจะตอบแทนด้วยเงิน เช่นนั้นก็จะดูไม่จริงใจไปสักหน่อย ที่บ้านเกิดของข้ามีธรรมเนียมหนึ่ง ข้าจำเป็นต้องแต่งงานกับบุรุษที่เห็นใบหน้าของข้าเป็นคนแรก เช่นนั้น ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะมอบทั้งชีวิตของข้าให้แก่เจ้า”

   

 ขณะที่พูด ฮัวหยู่อันก็อดหน้าแดงเล็กน้อยมิได้!

   

 แม้ว่าบุรุษเบื้องหน้าจะมีรูปร่างที่สูงพอ ๆ กับนาง อีกทั้งยังมิได้หน้าตาดีอันใด

   

 แต่ว่า!

   

ในเมื่อธรรมเนียมเป็นเช่นนั้น อีกทั้งนางก็มิได้รังเกียจเขา อุทิศชีวิตให้แล้วจะเป็นอันใดกัน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset