บทที่ 300 ท่านอ๋องได้โปรดระวังตัว
หลานเยาเยาสีหน้ามีโทสะเล็กน้อย
“อ๋องเย่ ที่นี่เป็นตำหนักเทพธิดา ไม่ใช่จวนอ๋องเย่ของท่าน ตำหนักเทพธิดามีกฎของตำหนักเทพธิดา ไม่ใช่ว่าจะเข้าไปที่ใดก็ได้ตามใจ”
เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้ตอบคำถามของนาง
แต่เป็น เดินไปด้านหลังนาง วนรอบเตารอบหนึ่ง
จึงเดินมาด้านหน้านางอีกครั้ง หัวเราะออกมาเบาๆเสียงหนึ่ง
“เหอะ สามารถซ่อนได้เก่งจริงๆ”
“อะไร?” หลานเยาเยาไม่เข้าใจ
“ข้าพูดอะไร……” ทันใดนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็เข้าไปใกล้นาง พูดด้วยเสียงต่ำ : “เจ้าเข้าใจ”
นางถอยหลังก้าวหนึ่งตามธรรมชาติ ตอบอย่างเฉยชา “ไม่เข้าใจ”
ดวงตากลับหรี่ลงเล็กน้อย ใจก็คิดหนักอย่างอธิบายไม่ได้
หรือว่าเขารู้แล้ว?
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจก็ได้แล้ว”
พูดไป เขาก็ยังยื่นมือไปบีบที่คางของนางเบาๆ นิ้วมือก็มีเค้าลางที่ปรารถนาจะวาดผ่านริมฝีปากนางไป
“ท่าน……”
หลานเยาเยาสะบัดหัวเบาๆ แล้วถอยไปอีกหนึ่งก้าว กล่าวว่า :
“ยังไงก็ขอให้ท่านอ๋องระมัดระวังตัวเอง”
เจ้าบ้าเอ๊ย!
ไม่เจอกันไม่กี่วัน นักเลงนี่กล้าลงไม้ลงมือแล้ว
ไม่ได้!
นางต้องคิดวิธีดีดีวิธีหนึ่ง ทำให้เขาว่าต้องสำรวมหน่อยถึงจะได้
“ข้าทำเช่นนี้กับเจ้าแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“ไม่ต้องการ!” หลานเยาเยากุมขมับ
“ไม่ต้องการไม่เป็นไร ข้าต้องการก็ได้แล้ว” เย่แจ๋หยิ่งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เอ่อ……
ทำไมประโยคนี้ถึงได้คุ้นหูนักนะ?
และในเวลานี้
ด้านนอกมีเสียงของฝีเท้าเบาๆดังมา ในไม่ช้า สาวใช้ที่เพิ่งได้รับได้มอบหมายให้มาทำงานในวันนี้ก็มารายงาน :
“เทพธิดา องค์ชายรัชทายาทลงมาแล้วเจ้าค่ะ”
ได้ยินดังนั้น!
หลานเยาเยามาไปทางสาวใช้ พยักหน้า
ลักษณะท่าทางเป็นธรรมชาติ กริยาเรียบร้อย ไม่ต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ ก็ทำตัวถูกกฎมากแล้ว
อืมอืม ไม่เลวไม่เลว
สมกับที่เป็นคนที่ตัวเองเลือกมาจากคนนับพันหมื่น ไม่ใช่เพราะตาแก่จัดการมาดีอย่างแน่นอน
“ได้จังหวะพอดี ข้ามีเรื่องอยากหารือกับเขา รีบไปเชิญองค์ชายรัชทายาทเข้ามา”
“เจ้าค่ะ!”
สาวใช้รับคำสั่งแล้วจากไป
และรอยยิ้มบนหน้าของเย่แจ๋หยิ่ง ก็หายไปแล้ว กลับถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่แสนจะเย็นชา
“เจ้าหาเขาทำอะไร?”
“มีเรื่องจะหารือ!”
“ข้ามาหาเจ้า ก็มีเรื่องหารือพอดี” เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้ว
เชอะ!
เมื่อเขามาถึงก็ลงไม้ลงมือกับนาง ต้องเกิดความสงสัยเรื่องข้าวต้มเป็นแน่ ดังนั้นจึงอยากจะใช้โอกาสนี้มาทดสอบ
อย่าคิดว่านางจะไม่รู้
“ยังไงซะอ๋องเย่ก็อาศัยอยู่ที่นี่ หากมีเรื่องหารือ เช่นนั้นก็รอให้ข้ากับองค์ชายรัชทายาทหารือกันเสร็จเรื่องก่อน แล้วค่อยหาเวลาหารือกันเถอะ!”
“ข้าจะหารือตอนนี้” น้ำเสียงไม่สามารถปฏิเสธได้
“เหอะ เช่นนั้นท่านก็อยู่ที่นี่หารือไปช้าๆละกัน!”
หลานเยาเยาไม่สนใจเย่แจ๋หยิ่งแม้แต่น้อย หลังจากที่มองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก็เดินออกจากประตูห้องไป
มองดูเงาหลังนางที่ไกลออกไป เย่แจ๋หยิ่งค่อยๆกำหมัดแน่นขึ้น จากนั้น ก็เคลื่อนสายตาไปอยู่ที่เตา เดินเข้าไป
หลังจากที่สังเกตอย่างละเอียด
เขาก็พบวัสดุปรุงยาเศษเล็กๆละเอียดบนเตา มุมปากก็ยกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
จากนั้นก็พูดเบาๆว่า :
“วันนี้นางไปที่ใด?”
เมื่อคำพูดนี้ออกไป
ในอากาศก็มีความเคลื่อนไหวทันที องครักษ์ลับผู้หนึ่งเหาะเข้ามา จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง รายงานว่า :
“รายงานเจ้านาย เทพธิดาไปตลาดดำ วันนี้ในตำหนักมีสาวใช้และองครักษ์เพิ่มมาใหม่ ล้วนเป็นคนที่ซื้อมาจากในนั้นขอรับ”
“อืม!”
ไม่แปลกใจเลยที่แม้สาวใช้ก็ยังเป็นวิทยายุทธ
ในช่วงเวลาสั้นๆก็ได้ส่งพ่อครัวในห้องภัตตาหารออกไป สักครู่หนึ่งก็ไปซื้อสาวใช้และองครักษ์มา นางคิดจะทำอะไรกันแน่?
ในห้องรับแขก!
หลานเยาเยาและองค์ชายรัชทายาทเย่หลีเฉินนั่งคนละด้านกัน
สาวใช้ยกน้ำชาที่เพิ่งจะต้มเสร็จมา
เย่หลีเฉินรับน้ำชา หลังจากที่ทักทายกันสองสามประโยค ก็จิบน้ำชาเบาๆหนึ่งอึก กล่าวชมว่า :
“รสชาติของน้ำชานี่นุ่มนวล หวานสดชื่น หากว่าไม่ได้เดาผิด น่าจะเป็นยู่กวนยินชั้นดี
ได้ยินว่า ยู่กวนยินของเขาชิงเหลียน……”
เขายังมีคำชมอีกเป็นกองที่ไม่ได้พูด ก็ถูกขัดจังหวะแล้ว
น้ำเสียงที่ดึงดูดดังขึ้นในห้องอย่างสบายๆ
“ข้าไม่เคยรู้เลยว่า องค์ชายรัชทายาทที่ชื่นชอบการดื่มเหล้าสังสรรค์มาตลอด คาดไม่ถึงว่าจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องใบชาด้วย ทำการบ้านมาไม่น้อยล่ะสิ?”
เมื่อสิ้นสุดเสียง คนก็มาถึง
เย่แจ๋หยิ่งที่อยู่ในชุดสีดำงามตระการตามาอย่างน่าเกรงขาม เขาก้าวอย่างช้าๆ แต่กลับมีรัศมีแผ่ไปทั่ว
หลังจากที่เข้ามา
ก็นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆหลานเยาเยา มองดูเย่หลีเฉินด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้ม
“แฮะแฮ่ม……”
เมื่อถูกเสด็จอาเปิดโปงในเวลาอันสั้น เย่หลีเฉินเกือบจะเสียหน้า
ในความจริง!
ได้ยินมาว่าเทพธิดาชื่นชอบการดื่มชา เขาจึงได้อ่านหนังสือหลายเล่มอย่างตั้งใจ ทำการบ้านมาอย่างเพียงพอ ทีแรกอยากจะอวดสักหน่อย ทำให้เทพธิดาคิดว่าเขาก็ชอบดื่มชา
เช่นนี้ระหว่างพวกเขาก็จะมีเรื่องเหมือนๆกันให้สนทนากันเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
ไหนจะรู้เลยว่า เสด็จอาจะมาถึงกะทันหัน ยังจะเปิดโปงเขาอย่างไร้ความปรานี……
“อ๋องเย่เสด็จมาด้วยเรื่องอันใดเพคะ?”
ไม่ใช่บอกว่า มีเรื่องอะไรให้รอก่อนค่อยมาหารือกันหรือไง? เขาจะที่นี่ทำอะไร?
“ไม่มีอะไร มานั่งเฉยๆ”
“……” หลานเยาเยาแอบกัดฟัน
นี่ยังจะต้องให้เขามาคอยควบคุมด้วยตัวเองหรือ?
แม้ว่าระหว่างนางกับเย่หลีเฉินจะมีความลับหารือกัน เขานั่งอยู่ตรงนี้ ความลับก็กลายเป็นไม่ลับ
ขี้เกียจจะใส่ใจคนข้างๆที่ไม่มีธุระอะไรนี้ เจ้านี่ทำเหมือนตำหนักเทพธิดาของนางเป็นตลาดของสดไว้เดินเล่น
ด้วยเหตุนี้!
หันกลับมามองเย่หลีเฉิน พูดเบาๆว่า :
“องค์ชายรัชทายาทล่ะ?”
“ผ่านไปอีกสองสามวันก็จะเป็นงานวัดที่ยิ่งใหญ่ประจำปี เสด็จพ่อให้ข้ามาเรียนเชิญเทพธิดาไปร่วม ไม่ทราบว่าเทพธิดาจะให้เกียรติไปหรือไม่?”
พูดจบ
เขาก็รอคำตอบของเทพธิดา
แม้ว่าจะมาเพื่อบอกต่อความหมายของเสด็จพ่อ แต่งานวัดประจำปี ก็เหมือนกับเทศกาลวันแห่งความรัก
เพียงแต่เทศกาลวันแห่งความรักคือวัยรุ่นชายหญิงบนถนนที่มีโคมไฟหลากสี แลกเปลี่ยนกระเป๋าเงินกัน เป็นวันที่บอกความในใจต่อกัน
แต่งานวัดไม่ได้มีจำกัดเพียงเท่านี้
นอกจากวัยรุ่นหนุ่มสาวจะไปวัดไปขอพรขอเนื้อคู่ใต้ต้นไม้แล้วนั้น ยังสามารถระลึกถึงบรรพบุรุษในงานวัดได้ด้วย จุดธูปขอพร ชมการแสดงที่ยิ่งใหญ่อึกทึก
พูดโดยรวมแล้ว
งานวัดจะยิ่งใหญ่กว่าเทศกาลวันแห่งความรักมาก
“แม้ว่าข้าจะมาที่ประเทศประเทศก่วงส้าเป็นครั้งแรก แต่กลับได้ยินว่า งานวัดของประเทศก่วงส้าน่าสนใจมาก ไปเปิดประสบการณ์สักหน่อยก็ดี เปิดหูเปิดตา”
ก่อนหน้านี้จื่อซีมาบอกนางเรื่องข่าวสารที่ทางสำนักหงอีสืบมาได้
ก่อนที่ท่านแม่จะเสียชีวิต ได้หายสาบสูญไปช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากกลับมาก็โดนวางยาพิษ
แต่ว่า!
ในช่วงเวลาที่หายไป ท่านแม่ได้อยู่ที่งานวัดมาโดยตลอด และยังได้กอดจิ่วเซียวหวงเพ่ยไปด้วยกัน
ดังนั้น นางจะต้องไปงานวัดเป็นแน่
ทันใดนั้น!
“ก๊อก……”
ข้างหูได้มีเสียงเคาะแก้วชาบนโต๊ะดังขึ้น ความเย็นยะเยือกเข้าคลุมนางไว้ทันที ทำให้นางหนาวสั่นอย่างไม่รู้ตัว
“เช่นนี้ก็ดี ถึงเวลานั้นข้าจะต้องมาก่อนเวลา ไปงานวัดพร้อมกับเทพธิดา”
“อืม!”
หลานเยาเยาพยักหน้าเล็กน้อย
และเพิกเฉยต่อความเย็นยะเยือกที่อธิบายไม่ได้นั่น
เย่หลีเฉินยังอยากจะพูดอะไรอีก หลังจากที่โดนเย่แจ๋หยิ่งกวาดตามองด้วยความเย็นชา ก็กลืนคำที่จะพูดกลับลงในท้อง
ลุกขึ้นขอตัวทันที
ไม่ว่าอย่างไรเทพธิดาก็ตกลงแล้ว เช่นนั้นเขาต้องรีบกลับพระราชวังไปรายงานสักหน่อย จากนั้นก็เตรียมจัดการเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องให้ดี เพื่อป้องกันการตกหล่น
เย่หลีเฉินจากไปแล้ว
ขณะที่จากไป มองดูเย่แหยิ่งแวบหนึ่ง สีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย
“อ๋องเย่ ท่านมีเรื่องหารือหรือ? พูดเถอะ!”
พูดจบ นางจะได้จากไป นางยังมีเรื่องอีกมากมายต้องทำ
ใครจะรู้……
เย่แจ๋หยิ่งเอาแก้วชาเมื่อครู่เคาะขึ้นอีกครั้ง และทำให้น้ำชากระเด็นไปโดนแขนเสื้อกระดิกเล็กน้อย โดยไม่ได้พูดอะไรเลย ลุกแล้วก็เดินจากไป
แม้แต่แววตาแวบหนึ่งก็ไม่มีให้นาง……