บทที่ 304 อ๋องบางคนเขาหดหู่ใจเหลือเกิน
เพื่อให้สติหวนคืน เย่แจ๋หยิ่งจึงถามย้ำอีกครั้ง
“นี่……มันคือสิ่งใดกันแน่?”
เมื่อเย่แจ๋หยิ่งเห็นปฏิกิริยาที่ใหญ่โตของนาง ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังผ้าทรงประหลาดนี้
หลังจากนั้น!
ก็ยังแกว่งมือไปมาอีกสองสามครั้ง
หลานเยาเยาหมดสิ้นซึ่งความหวัง ด้วยใบหน้าของนางที่ร้อนผ่าว แผดเผาไปยันมือ
“อ๋องเย่ จะหยุดสร้างเรื่องได้รึยัง? เจ้าเป็นชายชาตรีมาแกว่งเล่นเช่นนี้ เสียภาพพจน์หมด!”
นางขายหน้าคนเดียวก็พอแล้ว
อย่าให้คนอื่นเขาอับอายไปด้วยเลย อีกนิดเดียวก็ไม่มีหน้าไปมองใครเขาแล้ว
“อ๋อ~ ภาพพงภาพพจน์อะไรเล่า?” เย่แจ๋หยิ่งหัวเราะเบาๆ
“เจ้าจะเอาอย่างงี้จริงๆใช่ไหม?”
หลานเยาเยาคอตก กุมขมับหมดคำจะพูด
นางไม่กล้าพูดจริงๆ ว่ามันคืออะไร?
อย่างไรก็ตาม!
อ๋องเทพสงครามผู้สง่างามเปี่ยมไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ สูงส่งถึงเพียงนั้น กลับมาแกว่งของพวกนี้เล่น โชคดีไปที่เขาไม่รู้จัก หากรู้ละก็ คงจะสะอิดสะเอียนไปพักหนึ่งเลยแหล่ะ
เมื่อเห็นท่าทางของเขา ภาพติดตาจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว!
“ก็เว้นแต่เจ้าจะบอกข้าว่านี่มันคือสิ่งใด?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น!
มือของหลานเยาเยาที่กุมขมับ ก็ตีหน้าผากตัวเองเบาๆไปสองสามที
เอาวะ!
พูดก็พูด ยังไงความอึดอัดก็จะไม่ตกอยู่ที่นางคนเดียวแล้ว
ด้วยเหตุนี้ นางจึงกลอกตาเล็กน้อย พลางไอเบาๆ แสร้งพูดอย่างสงบว่า: “ที่บ้านของข้า เรียกว่า ชุดชั้นใน ในแผ่นดินนี้เรียกว่าเอี๊ยมบังทรง
เมื่อพูดคำนี้ออกมา!
หลานเยาเยาก็เห็นว่า ของในมือของเย่แจ๋หยิ่งตกลงพื้นในทันทัน ร่างของเขาก็แข็งทื่อไปอย่างรวดเร็วซึ่งเห็นได้ด้วยตาเปล่า อีกทั้งแก้มของเขาก็แดงระเรื่อมากขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่ง
สอง
สาม!
……
หลังจากนั้นสามนาที
เย่แจ๋หยิ่งก็เปิดช่องลับอย่างเก้ๆกังๆ จากนั้นก็โบกมือ ใช้กำลังภายในกวาดเจ้าเอี๊ยมบังทรงที่แปลกประหลาดนี่เข้าไป
คงจะอึดอัดสุดๆเลยล่ะ
เขาไม่ตั้งใจจดจ่อมากนัก กวาดไปครั้งหนึ่งก็ไม่เข้า ครั้งที่สอง……ก็ยังไม่เข้า หลังจากกวาดไปได้สามครั้ง ก็เข้าช่องลับไปสักที
เสียง “พั่บ” ช่องลับถูกปิดแล้ว
เงียบ!
ภายในรถม้าเงียบสงัด
เงียบถึงขนาดที่เสียงการเต้นของหัวใจเหมือนจะดังขึ้นๆอยู่หลายครั้ง จนฝั่งตรงข้ามสามารถได้ยินอย่างง่ายดาย
และแล้ว……
“วะฮ้ะฮ่าๆ!”
หลานเยาเยาที่อดกลั้นมานาน ก็อดต่อไปไม่ไหวที่จะขำกลิ้งเสียงเหมือนหมู อีกทั้งมือทั้งสองข้างยังตบที่หน้าขาอีกด้วย
นางปลดปล่อยนิสัยใจคอที่เคยเป็นออกมาเต็มที่
“……”เขาอดกลั้นด้วยใบหูที่แดงกว่าเดิม
ทว่า!
นางกลับหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่มีท่าทีที่จะหยุดยั้ง
“ไม่ต้องมาหัวเราะ!” เย่แจ๋หยิ่งเม้มริมฝีปาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
“ยังจะหัวเราะอีก!” เขาเริ่มโกรธแล้ว มือก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
“เงียบปาก!” เขาหรี่ตาจ้องมองนางอย่างเยือกเย็น ทั้งยังอัดอั้นใจเล็กน้อย “นั่นมันของของเจ้านะ”
คิดจะหัวเราะให้คนทั้งโลกเขารู้กันหมดเลยหรือไร?
หลานเยาเยา: “……”
เอ่อ……
ก็ใช่น่ะสิ!
นางต้องอึดอัดสิถึงจะถูก พอเห็นท่าทีที่ไม่สบายใจของเขา ใยนางถึงสุขใจยิ่งนัก?
ช่างเถอะ ให้นางได้หัวเราะไปสักพักก็แล้วกัน!
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
เย่แจ๋หยิ่ง: “……”
หลังหัวเราะจนเต็มอิ่ม หลานเยาเยาก็เผยรูปลักษณ์อย่างที่เทพธิดาควรจะมี อย่างไรก็ตาม จะหัวเด็ดตีนขาดยังไงนางก็ไม่ยอมรับหรอกว่ามันเป็นของนาง
ยังไงนางก็ไม่เคยใส่อยู่แล้ว คนอื่นเขายัดเยียดให้มา
ดังนั้น มันก็ไม่ใช่ของนาง
“มันเป็นของข้าที่ไหนกัน เอี๊ยมบังทรงดูเร่าร้อนปานนี้ก็ชัดแล้วว่าเป็นของสาวๆในหอโคมเขียวน่ะ”
นางก็แค่อยากจะให้เย่แจ๋หยิ่งสะอิดสะเอียนต่อไป
และแล้ว
เมื่อเย่แจ๋หยิ่งได้ยินเช่นนั้น หน้าก็ซีดเซียวเกินบรรยาย
“แล้วเจ้ามีของของพวกนางได้อย่างไรกัน?”
“ก็เอามาจากหอโคมเขียวน่ะสิ! ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่จะเข้าหอโคมเขียวได้ ผู้หญิงก็เข้าได้เช่นกัน
ส่วนเอี๊ยมบังทรงตัวนี้! ก็มีหนุ่มน้อยที่ทำไปเพื่อเงิน ไม่ก็ทำไปเพราะความสนุกสนาน ทั้งยังเต็มใจที่จะ……”
“พอแล้ว!”
เย่แจ๋หยิ่งกำหมัดแน่น เส้นเลือดดำปูดขึ้น พลางมองไปที่นางอย่างเยือกเย็น
ถ้อยคำงี่เง่าพวกนี้ นางพูดออกมาหน้าไม่อาย ไม่กระดากปากเลยแม้แต่น้อย จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?
“เอ้า! อยากให้ข้าพูด ข้าก็พูดให้ฟังแล้ว เจ้ากลับไม่ถูกใจอีก พวกผู้ชายนี่นะ! เอาใจยากจริงๆเลย”
นางส่ายหน้า พลางยิ้มระรื่น
อยากจะทำให้เขาลำบากใจ
ให้สะอิดสะเอียนตายไปเลย
หึ!
หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งโมโห บรรยากาศก็ไม่ได้อึดอัดอะไรมากมาย หลานเยาเยาจึงสามารถสงบจิตสงบใจลงได้บ้าง
เมื่อรถม้าหลุดจากเมืองหลวงมาได้ ความเร็วก็เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
มีวัดที่กว้างใหญ่วัดหนึ่งอยู่บนภูเขาฉีเหิน หลังมีการนิยมจัดงานวัดกันอย่างแพร่หลาย ฮ่องเต้ก็ได้สั่งคนมาต่อเติมวัดให้กว้างขวาง วัดนี้ในปัจจุบันจึงใหญ่พอๆกับวัดโบราณเหล่านั้น
เมืองหลวงนั้นอยู่ใกล้ภูเขาฉีเหิน ไม่ต้องพูดไปถึงเรื่องที่ว่าวันนี้มีงานวัด
เพราะถึงแม้จะเป็นวันธรรมดา ในวัดก็มีผู้มาแสวงบุญมากมาย เรียกได้ว่าธูปไม่เคยขาด
สิ่งที่โดดเด่นภายในวัดอย่างต้นปรารถนารักอันเก่าแก่ ก็ดึงดูดหนุ่มสาวมากความสามารถ มาอธิษฐานขอพรให้สมหวังกันอย่างนับไม่ถ้วน
และในวันนี้ก็เป็นงานวัดที่ยิ่งใหญ่อลังการ
แค่คนเดินเท้าที่มาร่วมงานวัด ก็มาจากทั่วทุกสารทิศกันตั้งแต่หัววัน
ไม่ว่าจะมาทางถนน ทางลัด หรือจะบุกเบิกเส้นทางอื่นๆ ต่างก็มากันอย่างไม่ขาดสาย
ขณะที่หลานเยาเยาถึงจุดหมาย
องครักษ์เฝ้าคุ้มกันวัด ที่ยืนอย่างขนาบสองฝั่งอย่างเป็นระเบียบอยู่ตรงทางเข้าวัด เมื่อรถม้าของนางมาถึง
“เทพธิดาเสด็จ!”
ด้วยเหตุที่องครักษ์ตะโกนลั่นขึ้นมา ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ก็ค่อยๆเปิดทางให้
รวมทั้งมัคนายกของงานวัด กับเฉิงเสี้ยงที่มารออยู่ก่อนแล้ว
หลังทุกคนคุกเข่าทำความเคารพ
หลานเยาเยาก็ยกม่านขึ้น อุ้มจิ่วเซียวหวงเพ่ยออกมา เมื่อลงมาจากรถม้า คำแรกที่พูดกลับไม่ไม่ใช่ให้ทุกคนลุกขึ้น
แต่เป็น……
“อ๋องเย่ก็มาถึงแล้ว!”
เนื่องจากมีแค่จื่อซีคนเดียวที่มาด้วย และเขาต้องขับรถม้า จึงไม่ได้ส่งคนมาแจ้งล่วงหน้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ทุกคนก็แตกตื่น
อ๋องเย่ไม่เคยมาร่วมงานวัด เพราะว่าเมื่อก่อนต้องปกป้องแถบชายแดน พอหลังจากนั้นก็เป็นเพราะว่าไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง
หรือต่อให้อยู่ในเมืองหลวง เขาก็ไม่เคยคิดที่จะมาอยู่ดี
คิดไม่ถึงเลยว่างานวัดปีหนี้ จะไม่ใช่แค่เทพธิดาที่มา อ๋องเย่ก็มาด้วยเช่นกัน
อีกทั้ง!
สิ่งที่สำคัญที่สุด คืออ๋องเย่กับเทพธิดานั่งรถม้ามาด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่เคยจะคาดคิด
หลังผู้คนแตกตื่น ก็เปล่งเสียงคารวะกันอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง
“ถวายบังคมอ๋องเย่!”
“ลุกขึ้นเถอะ!”
หลังจากที่อ๋องเย่ลงมาจากรถม้าแล้วให้ทุกคนลุกขึ้น ก็เหลือบไปเห็น แววตาที่ยิ้มอยู่ลึกๆของหลานเยาเยา
ในชั่วพริบตา ก็สะบัดแขนเสื้อ เดินเข้าวัดไป
เฉินเสี้ยงมองอ๋องเย่ที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเดินไกลออกไป จึงเลื่อนสายตาไปทางเทพธิดา
“เทพธิดา อ๋องเย่ท่าน……” เป็นอะไรไป?
“เรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่ปัญหา!”
นางต้องรายงานพวกเขาด้วยงั้นรึ? ไม่คิดกันหน่อยรึไงว่านางเป็นใคร ก็เป็นคนที่ไม่เห็นหัวฮ่องเต้เลยไง
เพราะว่ายังเช้าอยู่มาก และที่ยิ่งไปกว่านั้น องค์รัชทายาทก็ยังมาไม่ถึง
และคนก็เยอะมาก หลานเยาเยาไม่อยากเดินชม จึงได้ให้มัคนายกจัดเรือนสี่ประสานให้แก่นาง
พองานวัดจะเริ่มแล้วค่อยมาเรียกนาง
แต่ไหนแต่ไร พุทธศาสนาและวัดวาอารามต่างเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ
แต่!
หลานเยาเยาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ในวันนี้ แม้แต่เรือนสี่ประสานก็ยังอึกทึกครึกโครม
“พระสงฆ์องค์นี้นี่ยังไงกัน? ไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือไร?
คุณหนูของข้านั้นสูงศักดิ์ สูงส่งเป็นอย่างมาก เมื่อนางพูดว่าจะใช้ห้องนี้ ก็คือจะใช้ห้องนี้
เจ้าโง่เง่าเต่าตุ่นเพียงนั้นเชียวรึ? รีบไปไล่คนข้างในออกมาเร็ว”
คนที่กำลังพูดนี่ไร้สัมมาคารวะสิ้นดี พอได้ยินก็รู้เลยว่าเป็นสาวใช้ที่อาศัยบารมีคนอื่นมาเบ่งอำนาจแน่นอน