บทที่ 310 ข้าจะไล่ตามเจ้า
เมื่อหลานเยาเยาที่ไม่ทันตั้งตัว ถูกเย่แจ๋หยิ่งพาดำดิ่งลงมาใต้น้ำ นางก็โอบร่างเย่แจ๋หยิ่งไว้แน่นตามสัญชาตญาณ
เพราะว่าไม่สามารถหายใจเองได้
รวมถึงการโดนเย่แจ๋หยิ่งกอดรัดไว้โดยเจตนา นางขยับไปไหนไม่ได้เลย
นางสามารถหายใจผ่านการประกบปากกับเย่แจ๋หยิ่งเพียงเท่านั้น
ริมฝีปากของฝ่ายตรงข้ามที่ครอบงำอย่างไร้คุณธรรม สูดลมหายใจจากเขาเข้ามา ซึ่งก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หลานเยาเยาหลับตาแน่น ขนตาสั่นไหวเบาๆ มือทั้งสองข้างที่กอดเขาประสานกันอย่างแนบแน่น ก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
การกระทำเช่นนี้ มันเกิดขึ้นโดยที่นางก็ไม่รู้ตัว
แต่!
เมื่อหายใจลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่านางจะขาดอากาศหายใจ
“ฟืด······”
ไม่นานนัก!
การจูบของพวกเขาค่อยๆอ้อยอิ่งลง เย่แจ๋หยิ่งผละจูบออกจากริมฝีปากของนาง ทำให้นางหายใจได้คล่อง
มองดูริมฝีปากที่บวมแดงของนาง รวมไปถึงใบหน้าที่แดงระเรื่อ ในวินาทีนี้ เย่แจ๋หยิ่งก็โอบนางมากอดไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
ขณะนี้ หลานเยาเยาเพิ่งจะเข้าใจ
ไม่รู้เลยว่าตอนไหน ที่เย่แจ๋หยิ่งพานางขึ้นมาพ้นผิวน้ำ
เมื่อครู่ที่ขาดอากาศหายใจ………
รวมทั้งการครอบงำของเย่แจ๋หยิ่งเมื่อครู่นี้
น่ารังเกียจสิ้นดี!
เรื่องเมื่อครู่นั้นเกิดขึ้นจริง
นางทวีความโกรธเคืองขึ้นมา แล้วผลักเขาออกไป
นางง้างมือขึ้น จะตบหน้าของเขา……
เมื่อเห็นว่านางโมโห เมื่อเห็นว่านางโกรธเคือง เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่จ้องมองนางอย่างแน่วแน่
หลานเยาเยามองใบหน้าที่หนักแน่นของเขา ราวกับจะบอกว่า เขาจูบนางไปแล้ว จะลงโทษเขายังไงก็ได้ทั้งนั้น
ฝ่ามือนั้น นางก็ไม่ได้ตบลงไปแต่อย่างใด
เพียงแค่หันหลังจากมา
ไม่นึกว่า······
จะถูกเย่แจ๋หยิ่งดึงแขนเสื้อเอาไว้ แล้วเขาก็เอ่ยออกมา
“เห็นอยู่ว่าเจ้า······”
“มิมีเรื่องอันใดทั้งสิ้น” นางขัดเขาอย่างไม่ใยดี
“อย่าไปเลยนะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น!
หลานเยาเยาสะท้านไปทั้งหัวใจ นางหยุดร่างนี้เอาไว้ โดยไม่หันหลังกลับไป เหมือนว่าจะกำลังยิ้มอย่างขมขื่น
“เย่แจ๋หยิ่ง ข้ารู้จุดประสงค์ของเจ้า เจ้าเองก็น่าจะเดาได้ว่าจุดประสงค์ของข้าคือสิ่งใด ชะตาฟ้าลิขิต ไม่จำเป็นต้องไปฝืนมัน”
หลานเยาเยาดึงแขนเสื้อกลับมา แล้วเหาะตัวจากไป
เย่แจ๋หยิ่งยืนนิ่งอยู่กลางบ่อน้ำพุร้อน ด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถบรรยายได้ อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักเขาก็ยกมุมปากขึ้น
“หากเจ้าหนี ข้าก็จะไล่ตาม สุดขอบฟ้าสิ้นมหาสมุทร ข้าก็จะไม่หยุดจนกว่าโลกจะสลายไป”
จากนั้น เขาก็เหาะตัวตามไป
……
หลานเยาเยาล่องลอยไปในป่าไผ่อย่างไร้จุดหมาย ภาพในความคิดสับสนวุ่นวาย ฉากนั้นในบ่อน้ำพุร้อนเมื่อครู่ วนเวียนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บัดซบ!
ปกติไม่ได้ฉลาดนักรึไง?
วิธีต่อต้านมันมีตั้งกี่วิธีห้ะ?
เมื่อไหร่ที่เจอเขา นอกจากตีหน้าบื้อ ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรืออย่างไรกัน?
ทันใดนั้น!
เงาที่ร้อนรนเงานึงก็ปรากฏขึ้นในสายตา
เมื่อดูอย่างตั้งใจ ก็เห็นว่าเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง
นางดูลนลาน เอาแต่วิ่งไปวิ่งมาในป่าทึบ ราวกับว่ามีอันตรายมหันต์อยู่ด้านหลัง
“กรอบแกรบ……”
มีคนคนหนึ่งเหาะมาด้วยความเร็วแสง ไม่นานนักก็ตามหญิงสาวคนนั้นทัน ดูจากเงานั้นน่าจะเป็นผู้ชาย
เห็นแต่ว่าชายผู้นั้นเหาะลงไปอยู่ตรงข้ามกับหญิงสาว ปิดกั้นทางหนีของนาง พลางพูดอย่างเยือกเย็นว่า:
“หลานจิ่นเอ๋อ เดี๋ยวเจ้าก็ได้เป็นพระชายาแล้ว การที่ข้าจะทำสิ่งใดกับเจ้าเสียหน่อยก็เป็นเรื่องอันสมควรมิใช่รึ? จะหนีด้วยเหตุใดกัน?”
คนที่กำลังพูดเป็นผู้ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่างองค์ชายสี่
แล้วก็เป็นคนที่หลานจิ่นเอ๋อจะแต่งงานด้วยเร็วๆนี้
“องค์ชายสี่ หลังการอภิเษกสมรส เรื่องพวกนี้ข้าจักเชื่อฟังท่านเป็นแน่เจ้าค่ะ แต่เพลานี้เห็นจะไม่ได้”
หลานจิ่นเอ๋อก้าวถอยหลัง ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อนึกถึงการกระทำฉันท์สามีภรรยากับองค์ชายสี่ นางก็ขนลุกขนพองไปทั้งตัว
เรือนนางสนมในตำหนักองค์ชายสี่ มีสาวงามอยู่นับไม่ถ้วน ไหนจะนางสนมที่เลี้ยงดูอยู่นอกเรือนอีก จะนับยังไงก็นับไม่หมดจริงๆ
ตอนที่ได้เจอกันครั้งแรก ก็เห็นเขานัวเนียอยู่กับสาวอื่น
คนเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกสะอิดสะเอียนเหลือเกิน
นางไม่อยากจะแต่งงานกับคนเช่นนี้เลย
แต่ เพื่อตัวของพ่อเอง ก็จะบังคับนางให้แต่งงานกับคนอย่างเขาอยู่วันยังค่ำ
น่าเกลียดสิ้นดี!
ผู้ใดจะรู้ได้ว่า……
องค์ชายสี่จะหัวเราะขึ้นมา “หึหึหึ……”
“ท่านหัวเราะสิ่งใดกัน?” หลานจิ่นเอ๋อรู้สึกกังวลใจ
“ในเมืองหลวงนี้มีผู้ใดมิรู้บ้างว่าคนที่หลานจิ่นเอ๋อชอบคืออ๋องเย่ หากในเพลานี้ผู้ที่จะแต่งกับเจ้าเป็นอ๋องเย่ละก็ เดาว่าคงจะอดใจไม่ไหวได้กันไปแล้วกระมัง!”
ในแววตาขององค์ชายสี่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ยังจะมีหญิงสาวแบบไหนที่เขาไม่เคยเจออีกงั้นรึ?
พวกที่แกล้งทำเป็นใสซื่ออย่างหลานจิ่นเอ๋อ เขาเจอมานักต่อนักแล้ว
“ท่าน……โปรดองค์ชายสี่ระวังถ้อยคำด้วยเจ้าค่ะ”
“ระวังถ้อยคำ? เหตุใดข้าถึงต้องระวังถ้อยคำ? ก็แค่บอกความจริงแก่เจ้า ไม่ว่าเจ้าจะสง่างามมากเพียงใดก็ตาม แล้วพรสวรรค์ของเจ้าเล่า?
เมื่อสามปีก่อนเจ้าก็สู้ความงดงามที่ร่ำลือกันไปทั้งบางของพระชายาเย่ไม่ได้ พอสามปีให้หลัง เจ้าคิดว่าตัวเองจะยังมีโอกาสอย่างนั้นรึ?
เพลานี้ มีผู้ใดหน้าไหนมันไม่รู้กันบ้าง? ว่าอ๋องเย่ตกหลุมรักผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้าและลึกลับน่าค้นหาอย่างเทพธิดา
ไม่สิ อ๋องเย่ย้ายไปอยู่ในตำหนักเทพธิดาแล้วต่างหาก แม้แต่งานวัดที่เขาไม่เคยใส่ใจจะมาร่วมงาน เขาก็ยังมาพร้อมกับเทพธิดา
เจ้าคงอกแตกตายไปแล้วกระมัง!
ในใจของอ๋องเย่มิเคยคิดจะถามไถ่เจ้าเลยแม้แต่น้อย หากเจ้าไม่ปรนนิบัติข้า จุดจบของเจ้าก็ไปอ้างว้างอยู่คนเดียวในสวนด้านหลังซะ”
มองดูสีหน้าของหลานจิ่นเอ๋อที่แย่ลงแย่ลง และท่าทางการเย้ยหยันขององค์ชายสี่ที่ดูเกินจริง
เขาค่อยๆเดินมาทางหลานจิ่นเอ๋อ ด้วยคำพูดที่รบเร้าไม่จบไม่สิ้น
“อีกไม่นาน เจ้าก็จะได้เป็นถึงพระชายาของข้า บางเรื่องก็ควรคว้าไว้ก่อนที่จะสายเกินไป หากอยากมีหน้ามีตา ก็ต้องช่วงชิงความโปรดปราน”
พูดจบ
เขาก็เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของหลานจิ่นเอ๋อ แววตานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสะใจ
เขาโน้มตัวลงไป ปากที่เพิ่งประกบกับปากกระจับของหลานจิ่นเอ๋อ มือนั้นอดไม่ไหวที่จะลูบคลำไปบนเรือนร่างของนาง นอกจากนั้นยังมีท่าทีที่จะฉีกเสื้อผ้าของนาง
เมื่อหลานเยาเยาที่มองอยู่ไกลๆเห็นฉากนี้
นางไม่ทำสิ่งใด เพียงมองดูอยู่อย่างเย็นชา
ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาอันสง่างามดังขึ้นมา นางหันไปมอง ก็เห็นเป็นเย่แจ๋หยิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างนาง
ชายผู้นี้……
ตามติดหนึบเลยจริงๆ
“อ๋องเย่ไปแสดงความเป็นวีรบุรุษผู้น่ายกย่องหน่อยเร็ว! ถ้าไม่ทำตอนนี้ แล้วจะไปทำตอนไหนเล่า?”
หลานเยาเยารู้ ว่าเย่แจ๋หยิ่งอยู่ข้างหลังนาง ตั้งแต่นางหยุดอยู่ตรงนี้แล้ว
ดังนั้น สิ่งที่องค์ชายสี่พูดกับหลานจิ่นเอ๋อเขาก็ได้ยินหมดแล้ว
การโผล่มาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็น่าจะมาเพื่อช่วยชีวิตผู้คน เป็นไปไม่ได้ที่จะแค่มาดูเล่น
ใครจะรู้ว่า……
“ไปเถอะ ฉากไม่น่ามองพวกนี้จะเป็นเสนียดแก่ตาของเจ้าเปล่าๆ”
“……”
เมื่อเห็นเย่แจ๋หยิ่งจะดึงนางออกไป นางก็ขัดขืนในทันใด แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว
บอกความต้องการอยู่ตำตา
ว่านางไม่อยากไป นางยังอยากดูเล่นอยู่
ไม่เห็นทีท่าที่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำของหลานจิ่นเอ๋อที่เปลี่ยนไปนั่นรึไง?
แววตาของนางในตอนนี้มีแต่ความเกลียดชังและอยากจะเข่นฆ่า
น่าเสียดาย……
องค์ชายสี่ที่ตัณหาคับสมองนั่นไม่รู้อะไรเอาซะเลย ยังก้มหน้าก้มตาบดปากของหญิงสาวอยู่ได้
เมื่อได้ยินเสียง “แคว่ก”
เหมือนว่าเสื้อผ้าจะถูกฉีกแล้ว แต่นางนั้นไม่เห็นสิ่งใดเลย เพราะถูกเย่แจ๋หยิ่งอุ้มออกไปราวกับลูกเจี๊ยบ
“ปล่อยข้าลงนะ” คำสี่คำนี้ นางแหกปากมาตลอดทาง
แต่นางก็ไม่กล้าตะโกนดังมากนัก เพราะเกรงว่าจะเสียภาพพจน์เทพธิดา……