บทที่ 327 กู่ฉินมีวิธีการของตัวมันเอง
แต่ว่า จะเป็นไปได้อย่างไร?มงกุฎฟินิกซ์จะถูกสร้างมาพอดีกับนางได้อย่างไร?แล้วเหตุใดที่ทำให้เย่แจ๋หยิ่งมั่นใจได้ถึงเพียงนี้?
สมองของหลานเยาเยาก็เริ่มสับสน
มีคำถามมากมายปรากฏขึ้นมาในหัวของหลานเยาเยา นางจึงรีบสวมมงกุฎให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไป
หลังจากที่ออกมา
นางก็ต้องตะลึงอีกครั้ง
เพราะที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนางก็คือเย่แจ๋หยิ่งที่ไปเป็นอีกคนแล้ว
เถอดชุดสีดำโดดเด่นออกไป ดวงตาที่เย็นชาและแข็งกระด้างก็เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลและอ่อนโยนแทน พร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า
เขาสวมชุดอภิเษกแล้ว……
เสื้อคลุมผ้าปักดิ้นทองสีแดงสดขอบดำ ปักด้วยลวดลายที่โดดเด่นและมีชีวิตชีวา บริเวณเอวคาดด้วยเข็มขัดหยกสีทอง ทำให้เย่แจ๋หยิ่งที่มีราศีของราชาผู้สง่างามให้ดูผ่าเผยยิ่งขึ้น
สวรรค์!
ราวกับเทพเจ้าที่อยู่บนดินก็ไม่ปาน
ในหีบนี้ยังมีชุดอภิเษกของบุรุษอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นชุดที่คู่กับชุดคู่มงกุฎฟินิกซ์ที่นางสวมใส่อยู่ในตอนนี้
เดิมที่นางคิดว่าชุดมงกุฎฟินิกซ์ที่ตัวเองสวมนั้นเหมาะกับตัวแล้ว
คิดไม่ถึงว่า เย่แจ๋หยิ่งที่สวมชุดนั้นแล้วยิ่งทำให้เห็นชัดว่ามันเหมาะสมจริงๆ
ตอนนี้นางได้แต่อดไม่ได้ที่จะยืนมองเย่แจ๋หยิ่งอย่างเหม่อลอย ซึ่งในเวลานี้ นางเกิดอาการสับสนแล้วจริงๆ
“หล่อยิ่งนัก จริงๆ”
หลานเยายาดูเหมือนจะรู้สึกถึงความร้อนไหลที่ในจมูกของนาง นางจึงเอื้อมมือไปปิดจมูกของตัวเองทันที
แย่แล้ว!
กำลังจะเลือดกำเดาไหลอีกแล้ว
ทว่า ในขณะที่ชื่นชมชายหนุ่มรูปงามอยู่นั้น หลานเยาเยาก็สูญเสียความรู้สึกนึกคอดไปโดยสิ้นเชิง นางจึงรีบตะโกนออกมาทันที
“เย่แจ๋หยิ่ง ท่านหันหลังไป ข้าอยากจะชื่นชมแผ่นหลังของท่านสักหน่อย”
เย่แจ๋หยิ่งยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ก่อนจะหันหลังกลับมา
หลานเยาเยาจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเช็ดเลือดบนจมูกออก แล้วพ่นยาเพื่อหยุดเลือด
หลังจากที่ทำทุกอย่างเรียบร้อย
นางก็รีบเดินไปหาเย่แจ๋หยิ่งพลันถามอย่างจริงจัง
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?นี่พวกเราอยู่ในภาพลวงตางั้นหรือ?”
ชุดอภิเษกในหีบนั้น ราวกับว่าถูกจัดมาให้พอเหมาะกับพวกเขาเสียอย่างนั้น
สิ่งนี้มันไม่สมเหตุสมผลเกินไป นอกจากจะเป็นภาพลวงตา ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยากที่จะอธิบายแล้วจริงๆ
“อยากรู้งั้นหรือ?”
เย่แจ๋หยิ่งเอื้อมมือไปลูบหัวของนาง แล้วจ้องมองนางด้วยความเอ็นดู หลังจากที่เห็นนางพยักหน้า เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“พวกเราไปไหว้ฟ้าดินกันเถอะ!”
“……นี่เกี่ยวข้องสิ่งใดกับสิ่งที่ข้าอยากรู้งั้นหรือ?”
เจ้าคนนี้จะต้องหลอกให้นางไปไหว้ฟ้าดินเพื่ออภิเษกกัน นางไม่มีทางยอมหลงกลหรอก
“ไม่เกี่ยวข้อง!”
“……”ไม่เกี่ยวข้องแล้วจะยังให้ไปไหว้ฟ้าดิน
ที่แท้ก็อยากหลอกให้นางอภิเษกด้วย พอถูกจับได้ ก็ยังจะมาทำตัวไม่มีมั่นใจไม่รู้ร้อนอะไรอีก
หื้ม!
เจ้าหมอนี่ ยิ่งนานก็ยิ่งร้ายขึ้นเรื่อยๆเลย
“ก็ได้ ไม่แกล้งเจ้าแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง”
พูดไป มือของหลานเยาเยาก็ถูกมือของเย่แจ๋หยิ่งจับเอาไว้ แล้วพานางเดินออกไปนอกพระราชวัง
“เดี๋ยวก่อน ข้าจะไปเอากู่ฉิน”
หลานเยาเยาสะบัดมือของเย่แจ๋หยิ่งออก“ตุบๆๆ”วิ่งกลับไป
เดิมทีไม่ความจำเป็นใดจะต้องเอากู่ฉินไปด้วยแต่ด้วยความที่หลานเยาเยากลัวจะหลงใหลให้กับความน่าดึงดูดของเย่แจ๋หยิ่งจนควบคุมใจตัวเองไม่ได้
ไปเอากู่ฉินเป็นเรื่องโกหก แต่เลี่ยงที่จะถูกเย่แจ๋หยิ่งจับมือนั้นเป็นเรื่องจริง
จากนั้น!
หลานเยาเยาที่ถือกู่ฉินเอาไว้ เดินตามเย่แจ๋หยิ่งมาก่อนจะหยุดลงกำแพงน้ำแข็งที่เรียบและโปร่งใส
นางดูแล้วดูอีก แล้วก็หันหลังกลับไปดูอยู่หลายครั้ง ก็ยังคงไม่เห็นจะมีความลับอันใด
อีกทั้ง!
กำแพงอันนี้นางเห็นมาก่อนแล้วในตอนที่กำลังตามหาทางออก แต่มันก็ไม่ได้มีความพิเศษใดๆ
แต่เย่แจ๋หยิ่งคงไม่พานางมาที่นี่อย่างไร้สาเหตุแน่ ดังนั้นนางจึงต้องสังเกตมันใหม่อีกครั้งเสียแล้ว
ความโปร่งใสของกำแพงน้ำแข็งนี้ ราวกับกระจกบานใหญ่
นอกจากมองเห็นภาพสะท้อนของนางกับเย่แจ๋หยิ่งที่กำลังสวมชุดอภิเษกอยู่นั้น ก็ราวกับว่าไม่มีสิ่งอื่นใดที่ดูพิเศษอันใด
หลังจากที่ตรวจดูอีกครั้งอย่างละเอียดแล้ว ก็ยังไม่พบสิ่งใด นางจึงขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่ได้จ้องมองไปยังเย่แจ๋หยิ่ง
“ที่นี่มีช่องลับซ่อนอยู่งั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินความสงสัยของหลานเยาเยา เย่แจ๋หยิ่งก็มองเข้าไปในโพรงประตูทรงกลม ก่อนจะหันมามองหลานเยาเยา
“อืม มี”
เพียงแค่นางมองไม่เห็นก็เท่านั้นเอง
และแล้ว!
เขาก็เอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสกับกลไก
“โครม……”
ทันใดนั้นกำแพงก็แตกออกราวกับใยแมงมุมและประตูน้ำแข็งทรงกลมก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“โต๊ง……”
จิ่วเซียวหวงเพ่ยในมือของหลานเยาเยาอยู่ๆก็ส่งเสียงอันรุนแรงออกมา จนหลานเยาเยาต้องเอามือปิดหูเอาไว้
ว้าว!
ปฏิกิริยานั้นแรงขนาดนี้เลยหรือ?น่าตกใจยิ่งนัก
“ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เย่แจ๋หยิ่งถามด้วยความห่วงใหญ่
หลานเยาเยาส่ายหัวที่ข้างในหูยังคงส่งเสียงหึ่งๆ,“ไม่เป็นอะไร เข้าไปดูข้างในเถอะ”
หลังจากที่ทั้งสองสบตา ก็พากันเดินตามกันเข้าไป
ทันทีที่เข้าไปด้านใน
แล้วโพรงประตูน้ำแข็งทรงกลมก็ปิดลงโดยไม่มีสัญญาณเตือน.fq
พระเจ้า!
หลานเยาเยามองดูประตูน้ำแข็งที่ปิดตัวลง แล้วหันกลับไปมองใบหน้าที่นิ่งสงบของเย่แจ๋หยิ่ง
ดูแล้วเขาน่าจะเคยเข้ามาแล้ว
ด้านในก็คงจะไม่มีอะไรที่เป็นอันตราย ดังนั้นนางถึงสงบใจลงมาได้
ทันทีประตูน้ำแข็งปิดตัวลง แสงตะเกียงน้ำมันในอุโมงค์ก็ส่องแสงริบหรี่ขึ้นมา
อุโมงค์ทางเดินนั้นสั้นมาก เดินเพียงสิบกว่าเมตรก็มาถึงทางออกแล้ว จากนั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าก็คือถ้ำน้ำแข็งรูปทรงกลม
ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้โปร่งแสงอย่างมาก และตามผนังถ้ำก็ถูกสลักด้วยลวดลายต่างๆเอาไว้ ซึ่งลวดลายเหล่านี้ล้วนดูมีชีวิตจริง
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ มีลวดลายบางอย่างที่พวกเขารู้สึกคุ้นเคยเอามากๆ
หลังจากที่เข้ามาในนี้
จิ่วเซียวหวงเพ่ยที่หลานเยาเยาแบกไว้อยู่นั้นเกิดการกระสับกระส่ายไปมา ราวกับว่ามีชีวิต
ตอนอยู่ในอุโมงค์ นางยังพอที่จะแบกเอาไว้ได้
แต่ทันทีที่เข้ามาในถ้ำน้ำแข็ง จิ่วเซียวหวงเพ่ยก็หลุดออกไปจากอ้อมแขนของนาง แล้วบรรเลงบทเพลงขึ้นมาต่อหน้าของนาง
เสียงกู่ฉินอันหน้าน่าสลดโศกเศร้า ดังขึ้นๆลงๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ท่วงทำนองฟังดูไพเราะ แต่มันก็ทำให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกเศร้าใจ
เอ่อ……
จิ่วเซียวหวงเพ่ยมีความต้องการของตัวเอง เช่นนั้นหลานเยาเยาก็ทำอะไรไม่ได้
ทันใดนั้นหลานเยาเยาก็ไม่ได้สนใจกับลวดลายภาพที่อยู่บนกำแพงน้ำแข็ง เพียงแต่นั่งลง แล้วดีดบรรเลงตามจังหวะของกู่ฉิน
ทันทีที่วงจังหวะประสานกัน
ในแววตาของหลานเยาเยาก็ปรากฏภาพเปลวไฟอันโชกโชนขึ้นมาทั้งสองทาง แล้วทันใดนั้นเองตัวของหลานเยาเยาก็อยู่ท่ามกลาง
เปลวไฟที่ลุกโชนนั้น……
รอบๆเป็นเปลวไฟเต็มหมด……
และนางรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากเปลวไฟที่แผดเผาผิวหนังของนาง โดยเฉพาะบริเวณท้อง
นางก้มหน้าลงไปดู ก็เห็นตรงท้องมีบาดแผลอยู่ โดยที่บาดแผลมีกระบี่ยาวเสียบคาอยู่ แล้วเลือดก็ไหลล้นออกมา
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เผชิญหน้ากับดวงตาที่เย็นชาของเย่แจ๋หยิ่ง
เย่แจ๋หยิ่ง?!
ไม่ใช่เย่แจ๋หยิ่งในตอนนี้อีกแล้ว แต่เป็นเย่แจ๋หยิ่งที่จิตใจเยือกเย็นเมื่อสามปีก่อนคนนั้น
เหตุการณ์นี้นางรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก……
ที่นี่เป็นภายในของหุบเขาจิ้นของชนเผ่าหยินไห่ แล้วหน้าผาก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของนางต้องตกอยู่ในห้วงแห่งฝันร้าย
สามปี……
สามปีกว่าแล้ว
เสียงอบอุ่นที่ตัวเองคุ้นเคยก็ดังขึ้นมา “เย่……แจ๋หยิ่ง นับว่าท่านโหดร้าย ข้าหลานเยาเยาถึงได้ตกอยู่ในกำมือของท่านตลอด ถือเสียว่าข้าตา ……บอด ถ้าหากเริ่มต้นใหม่ได้……”
ความเจ็บปวดอันสิ้นหวังและความเกลียดชัง จากช่วงเวลานี้ไปมันจะทวีคูณมากขึ้นเรื่อยตามวันเวลา
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ไร้ความปรานีอันคุ้นเคย หลานเยาเยาก็รู้ได้เลยว่าเขาจะพูดสิ่งใดต่อไป
เพราะว่าประโยค นางได้จดจำเอาไว้สุดหัวใจ ซึ่งเป็นคำที่ทั้งชีวิตนี้ไม่สามารถลบออกจากใจได้
และแล้ว!
“มีเพียงวันนี้เท่านั้น ไม่มีเริ่มต้นใหม่”เสียงอันโหดร้ายเลือดเย็นดังออกมา
นางก็รู้สึกถึงกระบี่ที่ถูกดึงออกไปจากท้อง ก่อนที่นางจะร่วงลงไปใต้หน้าผา แล้วนอนกองลงกลางทุ่งดอกกระดูกขาวที่กำลังเบ่งบาน
ความเจ็บปวดบนร่างกาย……
ความสิ้นหวังในจิตใจ……