บทที่ 340 อยากดูละครสนุกๆหน่อยหรือไม่
หลานเยาเยามองดูตำแหน่งที่เย่แจ๋หยิ่งยืนอยู่ก่อนหน้านี้แวบหนึ่ง กลับพบว่าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เย่แจ๋หยิ่งได้หายตัวไปจากตรงนั้นแล้ว
“เทพธิดาหากท่านไม่รีบร้อนกลับตำหนัก สามารถนั่งรถม้าของข้ากลับไป” เย่หลีเฉินกล่าว
“ไม่รีบ!”
นางจะมีเรื่องรีบร้อนอะไร?
และการอยู่ต่อยังเป็นสิ่งที่นางตั้งใจ แน่นอน นี่เป็นการตัดสินใจหลังจากที่ฮ่องเต้เอาคดีนี้มอบให้เย่หลีเฉิน
“ในเมื่อไม่รีบ เช่นนั้นพวกเราไปดื่มชากันเป็นเช่นไร?”
“ดี!”
หลังจากครู่หนึ่ง
พวกเขาก็ไปถึงในวัด นั่งตรงข้ามกันในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง น้ำชาเป็นน้ำชาที่ต้มในขณะนั้น ร้อนมาก ต้องค่อยๆจิบ
ในขณะนั้น ทั้งสองคนก็คุยเล่นกันเรื่อยๆ
ในไม่ช้าเย่หลีเฉินก็พูดเนื้อเรื่องที่โยงไปถึงคดีของฉินหลิงเจียว
“การตายของฉินหลิงเจียวมีลับลมคมใน จะมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของท่านกับเสด็จอาหรือไม่?”
เย่หลีเฉินสงสัยมากในจุดนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง!
งานวัดในคืนวันนั้นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย
หลานเยาเยาจิบชาเบาๆ และไม่ได้พูดจา แต่กลับมองเย่หลีเฉินอย่างราบเรียบ
เขาก็กล่าวต่อว่า
“ที่สำคัญคือเวลาเหมาะเจาะพอดี จากที่ข้าคาดเดา ในป่าไผ่ฉินหลิงเจียวอาจจะพบกับคนชุดดำที่ลอบสังหารพวกท่าน สุดท้ายถูกสังเกตพบ จึงได้หลบหนีอย่างตื่นกลัว”
หลานเยาเยากลับส่ายหัว
“งานวัดวันนั้น หลังจากที่ความมืดเข้ามาเยือน ข้าก็เคยไปที่ป่าไผ่ เวลานั้นไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร
แต่กลับพบกับหลานจิ่นเอ๋อและองค์ชายสี่นัดพบกันอย่างลับๆ และไม่ได้เห็นเงาของฉินหลิงเจียว”
แน่นอน!
เวลานั้นเย่แจ๋หยิ่งก็อยู่ด้วย เป็นไปไม่ได้ที่หลานเยาเยาจะพูดถึงเขาออกมา
และตอนนี้แท้จริงแล้วหลานจิ่นเอ๋อและองค์ชายสี่ก็ไม่ได้นัดพบกันอย่างลับๆ แต่เป็นองค์ชายสี่บีบบังคับหลานจิ่นเอ๋อ อยากจะแย่งชิงความบริสุทธิ์ของร่างกายของหลานจิ่นเอ๋อ
อันนี้ นางจะก็ไม่พูดออกมาแน่นอน
และเวลานี้ดวงตาของเย่หลีเฉินก็เบิกกว้าง พูดด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ :
“น้องสี่กับหลานจิ่นเอ๋อก็อยู่ที่ป่าไผ่? เป็นไปไม่ได้! เทพธิดา ท่านได้ดูผิดไปหรือไม่?”
เห็นท่าทางการตอบสนองเช่นนี้ของเย่หลีเฉิน หลานเยาเยาก็รู้ เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเพียงเท่านี้แน่ ดังนั้นจึงเลิกคิ้วถาม
“ทำไมจึงพูดเช่นนี้?”
“เพราะหลังจากที่ฟ้ามืด หลานจิ่นเอ๋อไปห้องโถงของน้องสี่เอาขนมไปให้น้องสี่ กลับพบว่าน้องสี่โดนวางยาสลบไปแล้ว ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย
หากว่าไม่ใช่หลานจิ่นเอ๋อที่มาส่งขนมได้ทันเวลา คาดว่าตอนนี้น้องสี่คงได้เสียชีวิตไปแล้ว
หลังจากน้องสี่เกิดเรื่อง ข้ารู้เรื่องก็ไปที่ห้องโถงของเขา ใช้เวลาขับพิษหนึ่งถึงสองชั่วยาม น้องสี่ถึงได้รักษาชีวิตไว้ได้
ขณะนั้น เสด็จอาก็อยู่ เขาเพิ่งมาตอนประมาณสี่ทุ่มถึงตีหนึ่ง แต่ไม่นานก็จากไป”
ได้ยินดังนั้น!
หลานเยาเยาตกตะลึงเล็กน้อย
หลานจิ่นเอ๋อผู้นี้ปิดบังไว้ดีมาก! คาดว่าเรื่องการโดนวางยาพิษขององค์ชายสี่ ไม่พ้นที่จะต้องข้องเกี่ยวกับนาง
เพียงแต่ ที่ทำให้หลานเยาเยาคิดไม่ถึงก็คือ งานวัดคืนนั้น เย่แจ๋หยิ่งจะไปรอนางที่ใต้ต้นบุพเพก่อน เพียงแต่กลับมาอย่างล่าช้า
คิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเรื่ององค์ชายสี่โดนยาพิษ
หลานเยาเยาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาวางไว้ข้างริมฝีปาก และจิบไปเบาๆอึกหนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างราบเรียบ
“อยากดูละครสักฉากหรือไม่?”
“ดูละคร?”
ภายใต้ความงงงวยของเย่หลีเฉิน หลานเยาเยาก็ไม่ได้อธิบายอะไร แต่เป็นยิ้มบางๆ
……
หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม ผู้คนที่โดนคุมตัวไว้ในวัดก็ถูกสอบถามเกือบหมดแล้ว คนที่ไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยก็ถูกปล่อยให้ลงเขาไป
กลุ่มคนไม่มากนักได้เดินลงเขาไปตามขั้นบันไดอย่างช้าๆ
คนในกลุ่มคนที่มีเรื่องดีๆ ว่างๆเบื่อๆก็เริ่มพูดคุยกับเพื่อนขึ้นมา
“พวกเจ้าไม่รู้ล่ะสิ! นอกจากเทพธิดากับอ๋องเย่ที่หายตัวไปแล้ว ความจริงแล้วองค์ชายสี่ก็เกิดเรื่องขึ้น”
“ห๊ะ? อีกไม่กี่วันองค์ชายสี่ก็จะต้องแต่งงานกับหลานจิ่นเอ๋อคุณหนูสี่หญิงที่มีความสามารถไม่ใช่หรือ? จะสามารถเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้เล่า?”
“นี่เจ้าไม่รู้เลยล่ะสิ? งานวัดในคืนวันนั้น องค์ชายสี่โดนวางยาพิษแล้ว หากไม่ใช่ คุณหนูสี่ตระกูลหลานมาพบเร็ว คาดว่าก็จะช่วยกลับมาไม่ได้ล่ะ!”
“อะไรช่วยกลับมาได้ไม่ได้ คำพูดเหล่านี้เจ้าพูดให้เบาๆหน่อย ไม่รู้ว่าความโชคร้ายจะออกมาจากปากรึ!”
คนที่พูดเรื่องราวออกมาไม่ได้หลบเลี่ยงแม้สักน้อย คนที่ฟังกลับเตือนด้วยความรีบร้อน
“วางใจ แม้ว่ายาพิษที่องค์ชายสี่โดนจะถูกขับออกมาหมดแล้ว แต่กลับสลบอยู่ แม้หมอหลวงก็ยังไม่รู้อาการที่แน่ชัด
แต่องค์ชายสี่ไม่เป็นไรแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพธิดามีวิชาการรักษาที่เก่งกว่าพระชายาเย่ในปี พูดกันว่าสามารถช่วยคนตายให้ฟื้นได้ด้วยล่ะ!”
เหล่าคนที่ฟังถึงตอนนี้ รู้สึกไม่น่าเชื่อ รีบถามอย่างสงสัย
“เจ้าจะบอกว่า เทพธิดาจะรักษาให้องค์ชายสี่? จริงหรือโกหก?”
“เป็นความจริงแน่นอน ขณะที่โดนสอบถาม ข้าได้ยินกับหู”
“จากที่เจ้าพูดเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นความจริงสินะ?”
“นั่นแน่นอน……”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสองสามคนนั่นไกลออกไปเรื่อยๆ เงาร่างสุดท้ายที่อยู่บันไดหลังสุดหยุดฝีเท้าลง จากนั้นเมื่อได้ยินเสียงของคนข้างๆร้องเรียก
จึงได้เริ่มก้าวเท้าลงบันไดอีกครั้ง
หลังจากรอจนคนที่โดนคุมตัวไว้ไปหมดแล้ว เงาร่างของหลานเยาเยาจึงได้ปรากฏขึ้นบนบันไดขั้นบนสุด
นางเดินลงบันไดทีละก้าวทีละก้าว
เมื่อเดินถึงเชิงเขา ก็เห็นจื่อเฟิงที่สวมชุดผ้าไหมที่มีสีสัน เขาเหมือนมีความจนปัญญา
ม้าเหงื่อโลหิตอยู่ใกล้กับเขามาก ใกล้จนแทบจะติดเข้าด้วยกันเป็นชิ้นเดียว และม้าเหงื่อโลหิตนั้นยังได้ถูไถร่างกายจื่อเฟิงอยู่ตลอด เห็นได้ชัดเจนมากว่ากำลังลวนลามอยู่
“……”
หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะมุมปากกระตุก
สวนหยู่นี้ ก็ยังเป็นเช่นนี้ เห็นเพศตรงข้ามที่หล่อหน่อยไม่ได้ สมกับเป็นราชาม้าที่ลามกจริงๆ
โชคดีที่ชีวิตมันดี ได้นางเป็นเจ้านาย ไม่เช่นนั้น จากนิสัยที่เย็นชาของจื่อเฟิง คาดว่าคงโดนมีดเชือดเนื้อไปตุ๋นตั้งนานแล้ว
ด้วยเหตุนี้!
หลานเยาเยาจึงงอนิ้วชี้แล้วใส่เข้าปาก เป่าปากไปทีหนึ่ง
สวนหยู่ที่คิดจะลวนลามขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งรีบยกหัวขึ้นมาทันที หลังจากที่เห็นนาง ก็รีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว
หลานเยาเยาหลบมันอย่างรังเกียจ จากนั้นก็กล่าวกับจื่อเฟิง :
“จื่อเฟิง อ้าปาก!”
เหมือนกับว่าจื่อเฟิงจะคุ้นชินกับคำสั่งเช่นนี้ของนาง เมื่อสิ้นสุดเสียงของหลานเยาเยา เขาก็อ้าปากแล้ว
“สวบ……”
ยาเม็ดสีขาวสะอาดไร้สิ่งเจือปนลอยเข้าปากจื่อเฟิงในพริบตา จื่อเฟิงรีบยกมือเคารพ :
“ขอบคุณขอรับคุณหนู”
“เป็นยาพิษ!” เห็นสีหน้าของจื่อเฟิงไม่เปลี่ยน ไม่ต้องดูหน้า หลานเยาเยาก็รู้ผ่านจากหน้ากากว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งการแสดงความรู้สึก
รู้ตัวว่าไม่สนุก จึงกล่าวขึ้น “ไปเถอะ!”
“ขอรับ!”
ทั้งสองขึ้นม้าแล้วก็จากไปไกล
เดิมทีคิดว่าเส้นทางนี้จะราบรื่น ไม่ถ่วงเวลา ใครจะรู้เมื่อถึงครึ่งทาง เรื่องไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นแล้ว
ท่อข้างทาง เป็นใบเฮาเช่าที่ขึ้นรกร้างอย่างกว้างใหญ่ ใบเฮาเช่ารกทึบมากมาย ใบเฮาเช่าที่มีความสูงครึ่งลำตัวคน เงาร่างสองร่างที่ดูน่าสงสารอยู่กลางใบเฮาเช่าเคลื่อนไหวไปมา และทิ้งคราบเลือดเป็นทางยาวบนใบเฮาเช่า……
ด้านหลังสองคนนั้นคือกลุ่มก็คล้ายกับนักฆ่าศพแห้ง กับผู้นำสองคนที่เป็นหญิงชราหลังค่อมผมขาว
หลานเยาเยามองดูคนสองคนชายคนหญิงคนที่วิ่งหนีตาย รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็คิดอย่างละเอียด ก็ขมวดคิ้ว
เป็นพวกเขาสองคน!
ด้วยเหตุนี้ก็ดึงบังเหียนขึ้นแน่นในทันที
“หึ้ย……”
เห็นนางหยุด จื่อเฟิงก็หยุดลงด้วย เขามองนักฆ่ากลุ่มนั้นแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่เข้าใจ
“คุณหนูยายเมิ่งยิงจวนกับนักฆ่าศพแห้งขอรับ”