บทที่ 359 อาคารไหม้ที่กำลังถูกไหม้
เป็นเพราะนางคาดหวังว่าราชครูเทียนเวิงจะไม่ลงมือ แม้ว่าจะมีความคิดฆ่านางในตอนนี้ เขาก็ไม่มีทางจะทำ
อันที่จริงแล้ว!
เมื่อเทียบยาฉางตานกับชีวิตของนางแล้ว ยาฉางตานมีความสำคัญกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
เป็นอย่างที่คิดไว้ แววตาที่มีความแค้นของราชครูเทียนเวิงปรากฏขึ้นอย่างสั้นๆ เพียงชั่วพริบตา ก็กลับมาอยู่ในท่าทางที่นิ่งลึก ราวกับว่าไม่เคยมีเจตนาความแค้นปรากฏมาก่อน
“หากราชครูใหญ่ต้องการรู้ที่ซ่อนของยาฉางตาน รอหลังจากสองสามวันนี้ หวังว่าราชครูใหญ่คงจะได้คำตอบจากโยนหินถามทางที่มากมาย”
หลานเยาเยาพลางพูดไป พลางเดินไป และยังมองไปยังมุมหนึ่งในระยะไกลอย่างสบายๆ พร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนปากของเขา
จนกระทั่งขึ้นรถม้า จากนั้นรถม้าก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกช้าๆ
หลานเยาเยายังคงเห็นกำปั้นที่กำแน่นของราชครูเทียนเวิง
เหอะ!
ประมาณว่าไม่มีคนมากวนประสาทเขาแบบนี้มานานแล้ว !
เมื่อได้เห็นท่าทางที่อดทนของเขาก็ยังรู้สึกโล่งใจ
หลังจากพ้นสายตาของราชครูเทียนเวิง จื่อซีก็ยิ่งเร่งความเร็วของรถม้าขึ้นอย่างมาก และสวนหยู่ก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับถึงตำหนักเทพธิดา
หลานเยาเยาลงจากรถม้าทันที รีบเข้าไปในห้องบรรทมของตนเอง เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าผู้ชายสีแดงเข้มปนดำ มัดผมอย่างเรียบง่ายแบบผู้ชาย จากนั้นก็ออกมาทางหน้าต่างด้านหลัง
มายังกระท่อมไม้ที่ถูกทิ้งร้างมานานหลังหนึ่ง
ก็ได้เห็นสวนหยู่ที่กำลังยืนอยู่ในกระท่อมไม้อย่างเป็นระเบียบ มันสะบัดหางใส่นางสองสามครั้ง ดูเหมือนจะเป็นการทักทาย
จื่อซีได้ขี่ม้าตัวหนึ่งเข้ามา ตามด้วยชายคนหนึ่งของสำนักหงอี
ทันทีที่ได้เห็นว่าหลานเยาเยากำลังเข้ามา ทั้งสองคนก็ประสานมือแสดงความเคารพ
“คุณหนู!”
“เจ้าสำนัก!”
“พบตัวฮัวหยู่อันแล้วหรือยัง” หลานเยาเยาถาม
ตอนที่นางได้ถามคำถามนี้ นางก็ได้ลอยตัวขึ้นไปบนม้าแล้ว
“เรียนเจ้าสำนัก ยังไม่เจอครับ แต่มีคนที่เชิงเขายิงจวนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ได้พบขอทานคนหนึ่ง เดินไปมาอยู่รอบเมืองหลวงแต่สุดท้ายก็หายไปในสายหมอก
คนของพวกเราได้ตรวจสอบที่นั่นอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบความผิดปกติใดๆ ทั้งสองด้าน”
ผู้ส่งสารรีบกลับไปอย่างรวดเร็ว เพื่อจะนำข่าวรายงานต่อเจ้าสำนัก
ดีมาก!
การแต่งเป็นขอทานยังต้องแต่งต่อไป
แต่ แต่งเป็นขอทานก็ดีนะ!
ไม่เพียงแต่จะปกปิดอาการบาดเจ็บของร่างกายได้เท่านั้น แต่ยังไม่เป็นที่สะดุดตา ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว
“ไป ไปที่นั่นกัน ไป….”
เสียงเกือกม้าดังขึ้น ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว เสียง “กุบกับ” ของเกือกม้าดังไกลออกไปเรื่อย ๆ
——
เมื่อพวกหลานเยาเยามาถึงยังเชิงเขาของสาขายิงจวนจึงได้รู้ว่า ครึ่งชั่วโมงก่อน มีคนแต่งตัวเหมือนขอทานปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จึงได้ขึ้นไปบนเขาอย่างระมัดระวัง และคนของสำนักหงอี ของพวกเขา ก็ได้เดินตามไปอย่างเงียบๆ
เงยหน้าขึ้นไปมองต้นไม้ที่เขียมชอุ่ม ป่าไม้ที่ห้อมล้อมไปด้วยม่านหมอก หลานเยาเยาก็อดจะขมวดคิ้วไม่ได้
หมอกนี้ดูท่าจะไม่ใช่หมอกที่ดี
ครึ้มขมุกขมัว ทำให้ยิ่งต้องระมัดระวัง!
“ขึ้นเขา!”
หลังจากที่เข้าไป
พวกเขาก็เดินผ่านป่าสีเขียวชอุ่ม เท้าได้เหยียบลงไปบนหญ้าเขียวนุ่ม เหนือศีรษะของพวกเขามีใบไม้หนาทึบซึ่งยากที่แสงแดดจะส่องผ่านได้
มีบางแห่งที่ต้นไม้อยู่ห่างกัน แสงแดดก็สามารถส่องผ่านลงมาได้ ทำให้ป่ามีความสว่างไสว
เมื่อมาถึงครึ่งทางของภูเขา
เบื้องหน้าของคนผู้สำรวจทาง ก็พบกับสัญลักษณ์พิเศษของสำนักหงอีที่ทิ้งเอาไว้
ด้านข้างของสัญลักษณ์นั้นยังมีชิ้นส่วนถูกทำลาย และยังมีคราบเลือดที่ยังไม่แห้งอยู่ด้วย
แต่ไม่พบศพ
คาดว่าคงมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
“คนที่นำทัพมาที่นี่คือตาแก่หรือ” หลานเยาเยาถามขึ้นมา
การตั้งกลไกที่นี่เป็นความลับมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีผู้เสียชีวิต แต่มีเพียงคราบเลือด ไม่มีศพกลไกยังถูกทำลายด้วย
พอที่จะบอกได้ว่า
ในกลุ่มคนที่มายังสาขายิงจวนจะต้องมีผู้ที่ชำนาญเรื่องกลเม็ดกลไก
หลานเยาเยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ในบรรดาสำนักหงอีของนาง คนที่มีกลเม็ดกลไกดีที่สุดคือตาแก่
แต่!
ตาแก่เป็นพ่อบ้านอยู่ในตำหนักมิใช่หรือ! นางจะยอมให้เขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด
“ใช่แล้ว เจ้าสำนัก!”
หลังจากได้ยินว่าเป็นตาแก่อย่างที่คิดไว้ หลานเยาเยาก็ถอนหายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
แย่แล้ว!
ตาแก่หลงใหลในกลไกที่สุดแล้ว
มีเขาอยู่ด้วย เดาว่าในอาวุธที่ซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้ทั้งหมดต้องถูกเขาทำลายไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขานำกลุ่มไปทำลายกลไกที่ใดอีก
คงจะลืมภารกิจที่สำคัญที่สุดไปนานแล้วแน่นอน
“ไม่ต้องไปตามสัญลักษณ์ พวกเรามุ่งหน้าขึ้นเขา”
ชัดเจนว่าสัญลักษณ์นั้นไม่ได้มุ่งขึ้นไปบนเขา
ก็รู้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้……
พวกของหลานเยาเยาเดินทางไปเป็นเส้นตรง
เมื่อเห็นสถานที่ที่มีหมอกคลุม ก็รีบใช้ผ้าที่แช่ในยาแก้พิษมาปิดจมูกและปาก เพื่อป้องกันสารพิษ
เพื่อป้องกันการเหยียบถูกกลไก
ผู้สำรวจทางแต่ละคนจะถือไม้ยาวไว้ในมือ และจะสามารถสัมผัสได้ก่อนที่จะย่ำเท้าลงไป
ระหว่างทาง พบกับสี่ถึงห้ากลไก ผ่านหมอกพิษจำนวนมากมาย
ในที่สุดก็เดินขึ้นไปถึงบนภูเขาได้อย่างปลอดภัย มาถึงด้านหลังของสาขายิงจวน
บริเวณรอบนอกของสาขายิงจวนมีการป้องกันสามอย่าง เพียงทางเข้าเพียงทางเดียว และมีรั้วสามรั้วปิดกั้นอยู่
ด้านในล้วนสร้างเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่สองสามชั้น และแต่ละอาคารก็มีสะพานเชื่อมต่อกัน พูดได้ว่าเชื่อมต่ออาคารไม้หลังใหญ่สองสามหลังนั้นเข้าด้วยกันทั้งสิ้น และอาคารใหญ่เหล่านั้นก็มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
อาคารไม้ทุกหลังล้วนมีองครักษ์ลับอยู่ห้าถึงหกคน องครักษ์ลับทุกคนล้วนมีหน้าไม้ที่ยิงได้ระยะยาวในมือ
เมื่อได้เห็น!
หลานเยาเยาก็แอบยกนิ้วโป้งให้
ไม่เลว มาตรการป้องกันแบบนี้เหมาะสมเป็นอย่างมาก คนนอกยากที่จะเข้าโจมตี แม้ว่าจะเข้าไปโจมตีแล้ว ก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่าภายในมีอะไรรออยู่อีก!
แต่……
ไม่ว่ามาตรการป้องกันจะดีเท่าไร มันก็ยังมีข้อบกพร่อง ถึงอย่างไรภายในนั้นก็เป็นวัสดุจากไม้ทั้งหมด
แค่ไฟไหม้ขึ้นมา ก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย
แต่ นางยังสามารถคิดได้ แล้วทำไมคนสร้างจึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้
ณ ขณะนี้!
ทางทิศใต้ของพวกเขาได้มีแสงสว่างจ้าขึ้น ดูเหมือนไฟประหลาด หรือจะเป็นคบเพลิง
หลานเยาเยาสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ว่านั่นเป็นลูกธนูที่กำลังลุกไหม้ เป้าหมายเป็นอาคารไม้หลังหนึ่ง
เสียง “ฟู่ว” ดังขึ้น
ลูกธนูได้แหวกอากาศไปยังอาคารไม้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากเปลวไฟของลูกธนูมีขนาดเล็กมาก หลังจากชนกับอาคารไม้ จึงไม่สามารถลุกไหม้อาคารได้ทั้งหมดในคราวเดียว
ทันใดนั้น ก็ได้เห็นว่าทางทิศทางที่ลูกธนูพุ่งมานั้น ได้มีการโยนสิ่งของอีกสิ่งเข้าไป สิ่งของนั้นพุ่งตรงไปทางที่เพิ่งยิ่งลูกธนูไป
สิ่งนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงจากนั้นก็มีของเหลวไหลออกมา เสียง “ตูม” ก็ดังขึ้น เปลวไฟขนาดเล็กระเบิดออกอย่างรวดเร็ว อาคารไม้หลังใหญ่ก็เริ่มลุกไหม้
“ตูม……”
“ตูม……”
ไหที่เปราะบางอีกสองใบแตกกระจายลงบนพื้นไม้อีกครั้ง ไฟก็เริ่มโหมแรงขึ้น
ตราบใดที่บุคคลในความมืดยิงธนูออกมา องครักษ์ลับของยิงจวนก็ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากไฟลุกแรงขึ้น หน้าไม้จำนวนมากได้มุ่งไปยังทิศทางของผู้ที่ใช้ไฟวางเพลิง
แต่คนผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ในความมืด จึงไม่รู้ว่าเขาถูกยิงหรือไม่
และด้านอาคารไหม้ที่กำลังถูกไหม้อยู่นั้น ถูกไหม้ไปไม่เท่าไร ก็ถูกนักฆ่าศพแห้งยิงจวนนำน้ำมาดับไฟแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลานเยาเยาก็แอบเสียดายอยู่เงียบๆ
เป็นดังที่คาดไว้!
อาคารไม้มีน้ำเตรียมไว้ดับไฟอยู่แล้ว
มิเช่นนั้นก็ไม่อาจจะดับไฟได้รวดเร็วขนาดนี้
เมื่อได้เห็นกลุ่มนักฆ่าจำนวนมากที่ถูกส่งไปในอาคารไม้ และมุ่งหน้าไปยังบุคคลที่ยิงธนูไฟ หลานเยาเยาชี้นิ้วส่งสัญญาณหนึ่งทันที คนที่อยู่ด้านหลังจึงรีบเคลื่อนไปยังประตูทางทิศใต้ทันที