บทที่ 369 สนใจในตัวเขามาก
“หึ! จากที่ข้าดู ยู่หลิวซูผู้นี้นะ! ก็เพียงใช้ความงามของตัวเองนิดหน่อย ดึงดูดสายตาของพวกคุณหนูครอบครัวขุนนาง นอกจากนี้อะไรก็ทำไม่เป็น อย่างนั้นไล่เขาออกจากตึกฟังงิ้วดีกว่า ไล่ออกจากเมืองหลวง”
“ถูกต้อง ไล่เขาออกไปจากเมืองหลวง”
“……”
ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เริ่มเอ่ยปากก่อน
ค่อยๆเป็นไป คนที่ต้องการให้ยู่หลิวซูไสหัวออกไปจากเมืองหลวงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นโยงของไปทางบนเวที
ที่พวกเขาโยนไม่ใช่ผักใบไม้ แต่เป็นถ้วยตะเกียบโต๊ะเก้าอี้……
สุดท้ายเซียวจิ่นหยูปรากฏตัวขึ้น ยังหยุดยั้งการโวยวายเสียงดังเหตุการณ์นี้ลง
เซียวจิ่นหยูไม่พูดอะไรมาก เมื่อมือใหญ่โบกขึ้น ทำให้เถ้าแก่คืนเงินเหรียญให้กับลูกค้า จากนั้นก็ไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อย ก็ไล่พวกเขาออกจากร้านไปทั้งหมด
หลังจากที่ไล่ลูกค้าออกไป เซียวจิ่นหยูจึงให้คนพยุงยู่หลิวซูไปพักผ่อน
แน่นอน!
ในลูกค้าเหล่านั้นไม่มีหลานเยาเยา นางได้เหาะขึ้นไปนั่งมองดูอยู่บนหน้าต่างเตี้ยๆชั้นสองที่พันด้วยผ้าโปร่งบางตั้งนานแล้ว อยากดูว่าสถานการณ์จะเกิดขึ้นถึงขั้นไหน
คิดไม่ถึง……
เมื่อเซียวจิ่นหยูมา เพียงครู่เดียวก็แก้ไขแล้ว
ชั่งเป็นกลุ่มคนที่รังแกคนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่งกว่าและชอบทำตามสถานการณ์ที่ได้เปรียบจริงๆ
เซียวจิ่นหยูมองดูตึกที่เลอะเทอะกระจัดกระจาย ขมวดคิ้ว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาชั้นสองทันที
ได้เห็นเทพธิดาชุดแดงพอดี นั่งพิงอยู่บนหน้าต่าง ในมือยังมีขนมอยู่จานหนึ่ง กำลังกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยไปพลาง มองดูเขาอย่างดูละครสนุกๆไปพลาง
หลังจากที่โดนพบเห็น
หลานเยาเยาก็ถือจานขนมแล้วเหาะลงมาทันที ลงมาอยู่ด้านหน้าของเซียวจิ่นหยู ยังจะพูดประโยคที่ทำให้คนเหนื่อยอีก
“ท่านคิดไม่ถึงละสิว่ายังมีปลาที่อยู่ในแหที่ขาด!”
“……”
ว่าตัวเองแบบนี้ก็ได้หรือ?
เมื่อรู้ว่านางมาดูละคร เซียวจิ่นหยูก็ไม่มีแสดงอาการใดๆเพิ่ม
รู้อีกว่านางดูละครไม่สำเร็จ ก็ยังอยากจะดูยู่หลิวซูขณะนั้นอีก สีหน้าของเซียวจิ่นหยูก็กระตุกเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้!
แววตาที่แฝงไปด้วยการวิเคราะห์ เซียวจิ่นหยูพานางไปที่ห้องของยู่หลิวซู
ระหว่างทาง สองคนก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยไม่หยุด
เมื่อถึงห้องของยู่หลิวซู หลานเยาเยากถามขึ้นทันที :
“ทั้งๆที่ท่านอยู่ในตึกฟังงิ้วมาตลอด ทำไมถึงได้เพิ่งออกมาตอนที่ทำลายสถานที่?”
เซียวจิ่นหยูเดินลงมาจากชั้นบน นี่ก็อธิบายได้ว่า ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในตึกฟังงิ้วมาตลอด
ในเมื่ออยู่ในตึกฟังงิ้ว นางไม่เชื่อว่า เซียวจิ่นหยูจะไม่รู้คนเหล่านั้นทำให้ยู่หลิวซูตกที่นั่งลำบาก
เพียงแค่คิดไม่ตกว่าทำไมเขาไม่ออกมาหยุดยั้งให้เร็วกว่านี้?
“ให้เขาโดนสั่งสอนสักหน่อยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้!”
การพูดจาของเซียวจิ่นหยูมีความคลุมเครือ แต่หลานเยาเยากลับฟังเข้าใจแล้ว
“สมควรโดนสั่งสอนสักหน่อยจริงๆ แต่ เขาเป็นใครกันแน่?”
วิทยายุทธกำลังภายในของยู่หลิวซูก็ล้วนไม่เลว ทางด้านการใช้ยาพิษก็มีความเชี่ยวชาญอยู่บ้าง หน้าตายิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ท่าทางการระบำโดดเด่นดึงดูดผู้คน การร้องเพลงก็ยิ่งล้ำเลิศ
มากความสามารถมากพรสวรรค์เช่นนี้ เป็นเพียงแค่นักแสดงละครผู้ชายเท่านั้น?
พูดออกไปใครจะเชื่อล่ะ?
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่เชื่อ
“บุคคลผู้หนึ่งที่ปีนออกมาจากในกองคนตาย”
เช่นนั้นก็เป็นบุคคลที่มีเรื่องราว
“ปีนออกมาจากในกองคนตายได้อย่างไร?”
หลานเยาเยาสงสัยมากในเรื่องนี้ วางแผงไว้ความจะถามให้ถึงที่สุด
“อ๋อ~~ท่านสนใจในตัวเขา?”
นี่ทำให้เซียวจิ่นหยูค่อนข้างสงสัย
“อืม!”
เพราะว่านางมีแผนการที่ชั่วร้ายแผนหนึ่งแล้ว
ได้ยินดังนั้น!
ทันใดนั้นเซียวจิ่นหยูก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“คำพูดนี้หากว่าให้อ๋องเย่ได้ยินเข้า เช่นนั้นคงเป็นเรื่อง? คาดว่าตึกฟังงิ้วของเขานี้คงไม่พอที่จะให้เขาทำลาย”
“……”
เชอะ!
นี่เหตุใดจึงได้ไปเกี่ยวข้องกับเย่แจ๋หยิ่งอีกแล้ว?
ยิ่งไปกว่านั้น
สนใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีใจกับคนอื่นเขา ก็แค่สนใจอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น
เห็นท่าทางของนาง เซียวจิ่นหยูก็ไม่ได้หยอกล้ออีก และก็พูดด้วยความจริงจัง:
“เดิมทีเขาเป็นคุณชายในครอบครัวขุนนาง บิดามารดากลับถูกคนในราชสำนักใส่ร้าย ถูกตราโทษว่าเป็นกบฏ คนทั้งเจ้านายข้าทาสทั้งจวนเจ็ดสิบกว่าคน ถูกฆ่าตายในสถานที่ตอนกลางวัน
วันนั้นเลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปถึงสวรรค์ เขาถูกบิดาปกป้องเอาไว้ในอ้อมกอด แม้ว่าได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังรอดชีวิตมาได้
หลังจากนั้น เพื่อการมีชีวิตรอด เพื่อแก้แค้น เขาร่อนเร่พเนจรไปทั่ว ฝึกซ้อมความสามารถที่มีติดตัว
ความจริง เขามาเมืองหลวงได้เพียงไม่ถึงปี ด้วยโฉมหน้าที่โดดเด่น เข้ามาอยู่ที่ตึกฟังงิ้วด้วยความสามารถเหนือคน มาจนถึงบัดนี้ก็เพิ่งมีระยะเวลาได้แค่ปีเดียว”
เป็นไปดังคาด!
ไม่เพียงแค่เป็นบุคคลที่มีเรื่องราว ทั้งยังเป็นผู้ชายที่มีเรื่องราวที่น่าเศร้าสลดอีกด้วย
สามารถงอได้สามารถยืดได้ สามารถด้านความรู้สามารถด้านการต่อสู้
หลานเยาเยายิ้มอ่อนๆ พูดด้วยความหมายลึกซึ้ง :
“เขาเป็นคนของท่าน?”
ไม่เช่นนั้น ทำไมเซียวจิ่นหยูถึงได้เข้าใจเขาขนาดนี้?
“ล้วนเป็นผู้ที่มีชีวิตลำบาก ให้ที่พักพิงแก่เขาก็เท่านั้น”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง
เซียวจิ่นหยูไม่ได้ใช้งานยู่หลิวซู แต่สามารถมองออก เซียวจิ่นหยูยังคงให้ความสำคัญกับยู่หลิวซู
ในส่วนของทำไมเซียวจิ่นหยูไม่เอายู่หลิวซูไว้ใช้เอง
คาดว่าเกี่ยวข้องกับเบื้องหลังของยู่หลิวซู
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง!
เซียวจิ่นหยูมีความข้องเกี่ยวสัมพันธ์ซับซ้อนกับราชวงศ์เก่า และบิดามารดาของยู่หลิวซูก็ถูกคนในราชสำนักปัจจุบันนี้ใส่ร้าย
เหตุผลการใส่ร้าย อาจจะเป็นเพราะบิดามารดาของเขามีเรื่องการแลกเปลี่ยนบางอย่างกับคนในราชสำนัก หลังจากนั้นเกิดการขัดแย้งกัน ดังนั้นจึงทำให้เกิดการใส่ร้ายฆ่าปิดปาก
และก็อาจจะเป็นเพราะ คนในราชสำนักคิดอาจจะได้ของบางอย่างของบิดามารดาของยู่หลิวซู หลังจากถูกปฏิเสธ ก็ประสบกับการโดนท้าร้ายฆ่าปิดปาก
แต่ทว่า!
ข้อแรกมีความเป็นไปได้มากกว่า
ในไม่ช้าก็มาถึงห้องของยู่หลิวซู เซียวจิ่นหยูไม่คิดจะเข้าไป นำทางนางมาถึงประตูห้องก็เดินจากไป
“ก๊อกก๊อกก๊อก……”
หลานเยาเยาเคาะประตูห้องอย่างมีมารยาท
แต่ว่า!
ไม่มีเสียงดังออกมาจากด้านใน ดังนั้นนางจึงผลักประตูห้องเบาๆแล้วเข้าไป
ห้องของยู่หลิวซูมีขนาดเล็กใหญ่พอๆกับห้องส่วนตัวชั้นสอง เพียงแต่การตกแต่งไม่เหมือนกันเท่านั้น
ห้องส่วนตัวชั้นสองมีความงดงามและสุภาพเป็นหลัก แต่ห้องของเขากลับเป็นสีดำทึบเป็นหลัก ไม่เข้ากับการแต่งตัวของเขา
มาถึงในห้อง
กลิ่นฉุนแรงโชยเข้าเต็มจมูกของหลานเยาเยา
มีกลิ่นเครื่องประทินโฉมน้ำผง มีกลิ่นยาที่ไม่น่าดม ยังมีกลิ่นอื่นๆเต็มไปหมด
โดยสรุป!
ทั้งหมดผสมปนเปเข้าด้วยกัน กลิ่นแปลกมาก แต่ก็ถึงกับว่าเป็นกลิ่นที่ไม่น่าดมมาก
ยู่หลิวซูนั่งอยู่หน้ากระจกทองแดง ดวงตาสองข้างมือนิ้วมือที่บาดเจ็บ
แววตาไร้อารมณ์ความรู้สึก
ไม่จุดที่มาบรรจบ
และก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
โต๊ะเครื่องแป้งมีเครื่องประทินโฉมน้ำผงอยู่บ้าง ก่อนที่เขาจะขึ้นเวทีจำเป็นต้องแต่งหน้าอย่างละเอียดงดงาม นอกจากประทินโฉมน้ำผง ยังมีขวดตลับที่ไม่มีชื่ออีกมากมาย
“แฮ่มแฮ่ม!”
หลานเยาเยาจงใจกระแอมเสียงดังออกมา
ทำให้ยู่หลิวซูดึงสติกลับมาได้
เมื่อเห็นคนมาด้านหลัง เขาก็รีบยืนขึ้นจากนั้นคุกเข่ายกมือทำความเคารพ :
“คารวะเทพธิดา!”
การปฏิบัติตัวเหมาะสม สีหน้าท่าทางเป็นตามกฎระเบียบ และไม่มีสีหน้าตกใจ ราวกับว่าเขาคาดเดาการมาถึงของนางไว้แล้ว
หลังจากหลานเยาเยาให้เขาลุกขึ้น ก็หาเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งเอง จากนั้นก็เอายาจากในแขนเสื้อขวดหนึ่งโยนไปให้เขา
“ทาวันนี้ พรุ่งนี้ก็หายดีแล้ว”
ยู่หลิวซูมองดูขวดเล็กที่แปลกประหลาดหายากที่ดูประณีตอย่างแท้จริง ไม่ได้สงสัยว่าเป็นยาคุณภาพต่ำอย่างแน่นอน
แต่ว่า!
ก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมด คำไร้สาระที่ว่าวันนี้ทาพรุ่งนี้หายเป็นปลิดทิ้ง
“นี่คือ……”
เขารู้สึกงงมาก เขาไม่เข้าใจว่าเทพธิดาเอายาให้เขามีความหมายว่าอะไร
ทั้งๆที่รู้ว่านางมาอย่างไม่ประสงค์ดี แต่เมื่อมาถึงก็ให้ยาแก่เขา และยังไม่ใช่ยาพิษอีก นี่ทำให้เขาค่อนข้างงงงวย
“ยาที่ดีมากๆ หายากในโลกนี้ รีบทายา ทาเสร็จแล้วจะได้พูดเรื่องที่เป็นทางการ”
“……ได้ขอรับ!”
ทำไมฟังดูคล้ายๆกับ ‘รีบกิน กินเสร็จแล้วจะได้เดินทาง ’ ความรู้สึกนั่น?