บทที่39 ความฝันอันยิ่งใหญ่
หลานเยาเยาถูกองค์รัชทายาทถอนหมั้นไปได้ไม่นาน ชื่อเสียงฉาวโฉ่ ซ้ำยังหน้าตาอัปลักษณ์ ยิ่งกว่านั้นนางยังเป็นบุตรนอกสมรสที่ไม่มีใครรักมากที่สุด แล้วเช่นนี้นางจะเข้าไปอยู่ในสายตาของท่านอ๋องเย่ได้อย่างไร?
เมื่อครู่หลานเฉินมู๋ เพิ่งจะต้องการตัดลิ้นของนางและทำลายแขนขาของนางเสีย ปล่อยให้นางเป็นแพะรับบาปของ หลานชิวหยุน อีกทั้งยังตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไปแล้ว!
ดังนั้น!
ตอนนี้หลานเฉินมู๋คงเสียดายอยู่แน่!
ถูกต้อง วินาทีนี้ หลานเฉินมู๋รู้สึกเสียดายขึ้นมาแล้ว ท่านอ๋องเย่นั้นเป็นประดุจเทพเจ้าที่มีอยู่จริง มีคนมากมายที่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาให้ได้ คนงามทุกประเภท เงินทองทุกแบบล้วนแล้วแต่ถูกส่งเข้าไปยังจวนอ๋องเย่อย่างไม่เสียดาย
แต่ว่า!
ทุกคนล้วนถูกปฏิเสธหน้าประตู อย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
แม้กระทั่งฮ่องเต้และไทเฮาจะกดดันลงไปมากแค่ไหน ก็ล้วนไม่มีผลต่อท่านอ๋องเย่
แม้กระทั่งเขาเองครั้งหนึ่งก็เคยมีความคิดอยากให้หลานชิวหยุนแต่งงานกับท่านอ๋องเย่ แต่ท่านอ๋องเย่นั้นแม้กระทั่งใบหน้ายังไม่ปรากฏขึ้นมาให้เห็น ก็ส่งองครักษ์เงาผู้หนึ่งมาทำลูกสาวสุดที่รักของเขาเสียหายไปจนแทบไม่มีราคา
ดังนั้น เขาจึงหันไปเอาใจองค์รัชทายาทแทน ในเมื่อท้ายที่สุดแล้วการเอาอกเอาใจองค์รัชทายาทก็คือการเอาใจฮ่องเต้ เรื่องน่ายินดีเช่นนี้เหตุใดจึงไม่กระทำกัน?
ตอนนี้ ท่านอ๋องเย่กลับต้องการที่จะแต่งงานกับหลานเยาเยา?
หลานเยาเยานางมีคุณสมบัติอันใดกัน?
นางก็เป็นแค่เด็กที่ถูกทอดทิ้งและไม่ชอบที่สุดเท่านั้น!
เมื่อคิดอย่างนี้ มือของหลานเฉินมู๋ ก็กำหมัดแน่น นัยน์ตาสะท้อนไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรงวาบขึ้นมา
ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ!
บางทีหากเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะเสียดายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้หลานเยาเยาถึงกลับกล้าทำน้ำชาหกใส่ท่านอ๋องเย่ สำหรับท่านอ๋องที่รักษาความสะอาดอย่างยิ่งยวดมาตลอด ซ้ำยังลงมือได้อย่างเหี้ยมโหดยิ่งกว่าผู้ใดอย่างท่านอ๋องเย่จะทนนางได้อย่างไรกัน?
แยกร่างหั่นศพ คมดาบนับหมื่น หรือว่าเลาะกระดูกออกดี?
ราวกับว่าเขากำลังมองเห็นจุดจบอันน่าอนาถของหลานเยาเยา มุมปากจึงอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นมาด้วยความยินดี
ต่อให้นางตาย เขาก็จะไม่เสียดาย ในเมื่อตอนนี้หลานเยาเยาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเขาอีกต่อไป
“จ๊อกก… “
หลานเยาเยาถูกทำให้ตกใจจนแน่นิ่งค้างไป ในปากยังคงมีน้ำลายไหลลงมาไม่หยุด ขนลุกขึ้นมาทั้งร่าง ทุกเซลล์ประสาทในร่างของนางกำลังสั่นระริก
“ท่านอ๋องเย่ ข้า ข้าช่วยเช็ดให้?”
พูดไป นางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปักไปได้เพียงครึ่งผืนขึ้นมาจากโต๊ะและไปเช็ดคราบชาบนใบหน้าของอ๋องเย่
เมื่อผ้าเช็ดหน้าสัมผัสลงบนใบหน้าที่งดงามของเขา หลานเยาเยาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังปล่อยรัศมีอันตรายที่เย็นยะเยือกจนทำให้คนหนาวสั่นออกมา ในพริบตาแววตาที่ดำลึกของเขาก็ยิ่งแผ่เข้มขึ้นไปกว่าเดิม
ใบหน้าที่เกร็งแน่นของเขาดูเหมือนกำลังอดทนต่อความโกรธภายในใจ จากนั้นจึงจ้องนางด้วยสายตาฆ่าฟัน ราวกับต้องการเจาะทะลุนางให้เป็นรู
ทำเอาในใจของหลานเยาเยาสั่นสะท้าน!
เห็นดังนั้น การเคลื่อนไหวมือของนางจึงแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่หวานหยดขึ้น
ว่ากันว่า ผู้ที่รักการยิ้มมักจะไม่โชคร้าย!
แม้ว่าเธอจะเป็นแพทย์ทหารจากหน่วยรบพิเศษ แต่เธอมีชีวิตชีวาและรักการยิ้มแย้มอย่างยิ่ง ทำให้คนในกองทัพเปิดใจให้กับนาง ทุกคนล้วนชอบรอยยิ้มของนางทั้งนั้น!
หวังว่าครั้งนี้ก็ด้วยเช่นกัน!
ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะรับรู้ได้ถึงคำอธิษฐานของเธอ จนกระทั่งนางเช็ดคราบชาหยดสุดท้ายออกไป เย่แจ๋หยิ่งก็ยังคงไม่ระเบิดขึ้นมา
ฟู่……
นางถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ
รอดไปได้หนึ่งครั้ง!
อย่างไม่ทันได้คาดคิด ทันทีที่เธอกำลังจะถอนมือออก น้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสของเย่แจ๋หยิ่งก็ดังขึ้น
“โบยเพิ่มอีกสามสิบกระดาน!”
เมื่อคำพูดถูกเอ่ยออกมา ดวงตาของคนที่ถูกโบยก็ล้วนแทบจะถลนออกมาด้วยความตะลึง ดวงตาของแต่ละคนเบิ่งค้างในขณะที่บางคนก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา…
สวรรค์!
ปฐพี!
เหตุใดความผิดของหลานเยาเยา จึงต้องเป็นพวกเขาที่รับโทษแทนด้วย?
พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอสักนิด!
ในนานนัก คนที่ไม่มีความสามารถทนได้เพียงพอก็สลบไปในทันที
แม้ว่า หลานเฉินมู๋จะเป็นคนที่สงบเงียบที่สุดในกลุ่ม แต่ในตอนนี้ เขาก็แทบจะเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว
ท่านอ๋องเย่ที่มีแต่ความรุนแรง โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม สามารถปกปิดท้องฟ้าด้วยมือเพียงข้างเดียวผู้นั้น หลังจากถูกหลานเยาเยาพ่นชาใส่ ไม่เพียงหลานเยาเยาจะไม่ตายอย่างน่าอนาถ แต่แม้กระทั่งการลงโทษหรือดุด่าสักนิดยังไม่มี แถมความผิดที่นางกระทำกลับมาลงที่ร่างกายของพวกเขาแทน
นี่แสดงให้เห็นถึงอะไรกัน?
สิ่งนี่พูดได้แค่ว่าท่านอ๋องเย่ใส่ใจหลานเยาเยาเท่านั้น
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสียง“ป๊าบ” ก็ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดราวกับไฟเผาที่บั้นท้ายของเขา ส่งผลให้ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา องคาพยพทั้งหน้าเหี่ยวย่นรวมเข้าเป็นก้อนเดียวกัน
เริ่มการโบยอีกครั้งแล้ว …
ฮือฮือฮือ….
แต่ว่า!
ในดวงตาของเขามีประกายคิดแค้นวาบขึ้นมา
ถ้าคนที่ถูกโบยนั้นกำลังหวาดกลัว ทรมาน และเจ็บปวด เช่นนั้นแล้วสำหรับหลานเยาเยาที่ไม่ได้ถูกโบยซ้ำยังทำผิด ในใจจึงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเข้ามาเกาะกุมทั่วพื้นที่
จู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็ทำเช่นนี้ เธอตื่นตกใจแล้วจริงๆ!
เธอเริ่มแอบเหล่มองเย่แจ๋หยิ่งด้วยความตกใจ มุมปากที่ฉีกยิ้มขึ้นนั้นช่างดูย่ำแย่เสียยิ่งกว่าร้องไห้
เป็นการยากที่จะอดทนจนกระทั่งองครักษ์เงาโบยจนจบ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทางการที่ไม่มีพลังยุทธ์ส่วนใหญ่จึงถูกโดยจนสภาพย่ำแย่แทบทิ้งชีวิต
แต่ดูเหมือนเย่แจ๋หยิ่งจะทำราวกับว่ามองไม่เห็น และเอ่ยปากพูดขึ้นเรียบๆ
“นั่งลง!”
พรูด……
ในขณะนี้ จู่ๆหลานเยาเยาก็คิดอยากหัวเราะขึ้นมา
คนเขาถูกโบยจนบั้นท้ายเปิด ซ้ำบางคนแม้กระทั่งแรงหายใจยังไม่มีด้วยซ้ำ! เย่แจ๋หยิ่งยังมีอารมณ์มาเชิญคนให้นั่งลง แบบนี้ไม่ต่างจากการโรยเกลือบนบาดแผลของพวกเขาสักนิด!
แต่ว่า!
เธอชอบ!
“…ขอรับ ท่านอ๋อง… เย่”
“ขอรับ……”
“…”
เจ้าหน้าที่ทางการที่ยังคงมีแรงพูดอยู่ พยายามใช้แรงที่มีอยู่เอ่ยปากออกมาตอบรับ หลังจากนั้นจึงปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้กด้วยความยากลำบาก ในขณะที่พวกองครักษ์ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเจ็บปวด
พวกเขาต้องทำมัน ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมานั้นเลวร้ายอย่างยิ่ง!
แน่นอนว่า อ๋องเย่จะต้องให้องครักษ์เงาไปรายงานต่อในวัง ให้ฮ่องเต้จัดการกับพวกที่ไม่ยอมนั่งหลุดจากตำแหน่งไปซะ ส่วนพวกที่ลุกไม่ขึ้นหนทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือความตายเท่านั้น
หลานเฉินมู๋ใช้มือทั้งสองข้างจับขอบเก้าอี้เอาไว้แน่น เวลานี้บั้นท้ายของเขารู้สึกเจ็บราวกับถูกไฟเผา เก้าอี้เปื้อนไปด้วยเลือด ซ้ำยังเริ่มหยดลงไปที่พื้นบ้างแล้ว
เขาแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นมันสุดชีวิต
เย่แจ๋หยิ่งจิบชาอย่างเบาๆ ท่าทางเชื่องช้าและเกียจคร้าน
ส่งผลให้ทั่วร่างของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยรัศมีของผู้เป็นเจ้าชีวิตออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ริมฝีปากบางของ เย่แจ๋หยิ่งขยับเบา ๆ :
“สินสอดมาถึงแล้ว อีกสามวันหลังจากนี้ข้าจะมารับพระชายา หากมีผู้ใดกล้าละเลย บทลงโทษในวันนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”
พูดจบ เย่แจ๋หยิ่งก็วางถ้วยชาในมือของเขาลงอย่างแรง น้ำชาในถ้วยก่อตัวเป็นคลื่นปั่นป่วนไปมา แต่กลับไม่หกมองมาเลยสักหยด
เขาไม่ได้มองดูหลานเยาเยาอีก และหมุนตัวเดินออกไป…
“เดี๋ยวก่อน……”
ผู้ที่เอ่ยขึ้นก็คือหลานเยาเยา นางลุกขึ้นยืนขึ้นมาด้วยเช่นกัน ในใจยังคงตกตะลึงเรื่องการแต่งงานระหว่างตนเองกับเย่แจ๋หยิ่งอยู่ไม่หาย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอต้องพูดถึง
“หือ?”
เย่แจ๋หยิ่งหยุดฝีเท้า ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นจึงหันกลับมามองเธอ จู่ๆลมปราณอันตรายสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาห้อมล้อมหลานเยาเยาเอาไว้
การได้เป็นพระชายาของข้า นับเป็นเรื่องน่ายินดีในสามชาติของนาง แต่นางกลับไม่ไปหลบอยู่ด้านหนึ่งยินดีเงียบๆ แต่กลับยังนึกจะเอ่ยอะไรขึ้นมาอีกงั้นหรือ?
“คือว่า….ท่านดูสิ!”
หลานเยาเยาไม่คิดจะอธิบายอะไรให้มากความ ดังนั้นจึงยื่นหนังสือตัดความสัมพันธ์พ่อลูกไปให้เขาดูโดยตรง
เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงแต่งงานกับเธอ แต่ที่แน่ๆไม่ได้เป็นเพราะเขาชอบเธอแน่
เธอมีค่าแค่น้อยนิด ตัวนางเองยังรู้ดี เรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในแน่!
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
สิ่งที่สำคัญคืออิทธิพลของเย่แจ๋หยิ่ง และความร่ำรวยอุดมสมบูรณ์ของจวนอ๋องเย่ต่างหาก สำหรับเธอแล้วที่นั่นคือบ่อเงินบ่อทองที่ดียิ่ง
หากเป็นไปได้ในอนาคต นางก็อยากที่จะครอบครองจวนอ๋องเย่เอาไว้ และนำสมบัติและความมั่งคั่งทั้งหมดของจวนอ๋องเย่มาเป็นของตน …