หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 420 ใบสั่งยาสองชุด

บทที่ 420 ใบสั่งยาสองชุด

แล้วยังจะชี้แนะอย่างไร?

หลานเยาเยากลับแค่ยิ้มไม่ได้กล่าวอะไร จงใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“เจ้าพระยาเซียวทราบหรือไม่ นอกจากข้าจะมีวรยุทธและลายมือที่ดีแล้ว กับความรู้ทางด้านการรักษาโรคก็ยังค่อนข้างล้ำลึกอีกด้วย

โดยทั่วไปแล้ว ข้ากล้าเรียกตัวเองเป็นที่สองไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองเป็นที่หนึ่ง อันที่จริง พูดตามจริง ข้าเห็นร่างกายท่านแย่ลงไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งหายใจก็ยังต้องใช้แรงอย่างมาก นี่ไม่ใช่เพียงเพราะว่าความหดหู่ในใจและความพิการของขาเท่านั้น

ที่สำคัญที่สุดคือ ในร่างกายของท่านมียาพิษชนิดออกฤทธิ์ช้า ยาพิษชนิดนี้ไร้สีไร้กลิ่น และยังพบเห็นได้ยากมาก

ผู้ที่ถูกพิษจะไม่สามารถรู้ตัวได้เลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะค่อยๆแย่ลง อวัยวะต่างๆจะค่อยๆล้มเหลว นานวันเข้าก็จะกลายเป็นอย่างที่ท่านเป็นอยู่ทุกวันนี้

ส่วนปัญหาที่ขา เวลาผ่านไปนาน ตอนนั้นไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ดังนั้นจึงทำให้ต้องนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ก็ยังสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้บ้างเล็กน้อย เพียงแต่ต้องการการรักษาที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ไม่ทราบว่าเจ้าพระยาเซียวจะยินยอมให้หมอเทวดาคนนี้รักษาให้ท่านหรือไม่? หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ท่านยังสามารถมีชีวิตได้อีกอย่างน้อยสามสี่สิบปี มิเช่นนั้น ด้วยสภาพร่างกายของท่านในตอนนี้คงอยู่ไม่ถึงปีหน้า”

สิ่งที่ควรพูดก็พูดจบแล้ว

หลานเยาเยายังไม่เคยใจดีขนาดนี้มาก่อน สาเหตุที่ใช้แผนในการจับชีพจรให้เขา เป็นเพียงเพราะว่าเขามีหัวใจที่ซื่อสัตย์และภักดี ยังเคยออกรบสู้กับศัตรูพร้อมกับเย่แจ๋หยิ่ง ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อน

เจ้าพระยาเซียวไม่รู้ว่าจู่ๆทำไมนางถึงพูดเรื่องพวกนี้

แต่หลังจากที่ได้ฟังแล้ว ในขณะที่เขาตกใจ สีหน้าแสดงถึงการได้รับความประทับใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองลึกไปที่สาวน้อยที่อายุเพียงแค่สิบแปดตรงหน้า แต่ความเป็นเด็กกลับจางหายไปนานแล้วคนนี้

นางเป็นปีศาจอะไรกันแน่?

กระบวนท่าแปลกประหลาดรุนแรง กำลังภายในสูงส่ง การเขียนพู่กันจีนทำให้สายตาคนเป็นประกาย ทักษะทางการแพทย์ก็ล้ำลึกเกินกว่าจะคาดเดาได้

ตอนนี้เจ้าพระยาเซียวเพิ่งจะเข้าใจ ทำไมจู่ๆเทพธิดาถึงประลองยุทธกับตนอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย คิดไม่ถึงว่าจะแอบจับชีพจรและตรวจหาปัญหาที่ขาของตนเงียบๆ

แค่ลองจับชีพจร

ก็รู้แล้วว่าในร่างกายเขามียาพิษออกฤทธิ์ช้า นี่ไม่ใช่ปีศาจคืออะไร?

แต่ว่า……

ทำไมจู่ๆเทพธิดาถึงใจดีตรวจโรคให้เขา ยังใช้วิธีการประลองยุทธ อาศัยจังหวะตรวจชีพจรเขา ถึงแม้เขาจะไม่ชอบคนที่เล่นกับการแย่งชิงอำนาจ ถนัดการใช้เล่ห์เหลี่ยมในการวางแผน แต่กลับไม่สามารถเกลียดเทพธิดาที่มีแววตาสดใสตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาได้

ถึงแม้ เขาก็อยากจะรักษาร่างกายของตนเอง แต่เขากลับไม่อยากให้เป็นเพราะร่างกายของตนเอง ทำให้เขาและจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ทั้งหมดกลายเป็นเบี้ยต่อรองการเล่นกับการชิงอำนาจของคนอื่น

ดังนั้นจึงกล่าวว่า:

“ร่างกายข้าเสื่อมถอยอ่อนแอแล้ว เคยชินกับการนั่งอยู่บนรถเข็นนานแล้ว และตอนนี้สมบัติที่สั่งสมมาของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ ก็ใกล้จะถูกเซียวจิ่นหยูไอ้หมอนั่นผลาญหมดแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เทพธิดาผู้อยู่เหนือมวลชน และชาติกำเนิดก็สูงส่ง ดังนั้นจึงไม่อยากรบกวน”

หลานเยาเยาส่ายหน้าเบาๆ

สมบัติของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ คาดว่าให้เซียวจิ่นหยูไปโปรยเงินเปิดทางที่ถนนทุกวัน ก็ต้องโปรยสองชาติถึงจะโปรยหมด

เจ้าพระยาเซียวพูดเช่นนี้ ก็คือไม่คิดจะรักษา แน่นอนว่านางรู้ว่าเพราะอะไร

ดังนั้น นางก็ไม่ฝืนใจ

พู่กันที่อยู่ในมือยังคงกวัดแกว่งอยู่บนกระดาษเช่นเดิม ถือโอกาสหยิบกองหนังสือขึ้นมา ปิดกั้นระยะการมองเห็นของเจ้าพระยาเซียวที่ตั้งใจจะแอบดูลายมือของนาง

ราวกับว่ากำลังเคืองใจที่เจ้าพระยาเซียวปฏิเสธการรักษาของนาง

“ข้าไม่ได้เขียนอักษรมานาน รู้สึกห่างเหินเล็กน้อย ถึงแม้จะอยากแสดงฝีมือต่อหน้าท่านที่เป็นผู้ชำนาญ แต่อย่างไรก็ยังอยากรักษาหน้าอยู่บ้าง รอให้ข้าไปแล้ว เจ้าพระยาเซียวค่อยดูก็ยังไม่สาย

หากรู้สึกว่าในลายมือมีจุดที่ต้องได้รับการชี้แนะ รบกวนเขียนจดหมายมาให้ข้า แต่ว่าไม่ชี้แนะก็ได้ ไม่ต้องตอบจดหมายก็พอ”

ทีนี้เจ้าพระยาเซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย

เขาทั้งโมโหและขำมาก รู้สึกว่าเทพธิดากำลังทำอารมณ์เสียแบบเด็กๆใส่เขา แต่ในใจก็กลับสงสัยอยากมาก

หดหู่ไปในทันที

ที่นี่คือห้องหนังสือของตนแท้ๆ ตอนนี้เทพธิดากลับมาประลองยุทธกับเขาในห้องหนังสือ ยังจะใช้ห้องหนังสือของเขา ให้เขาชี้แนะลายมือ แต่กลับไม่ให้เขาเห็น……

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับคนแปลกประหลาดเช่นนี้

แต่เพราะความหลงใหลที่มีต่อการเขียนอักษรด้วยพู่กันจีน และเมื่อกี้ก็เห็นไปไม่กี่ตัวอักษร ดังนั้นเขาก็ยังสนใจการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันจีนของเทพธิดาอยู่มาก

ดังนั้นจึงรออยู่นิ่งๆให้นางเขียนจนเสร็จ

หลานเยาเยาเขียนสวบๆอยู่ตรงนั้น ประเดี๋ยวต่อมา ก็วางพู่กันลง จากนั้นก็ลุกขึ้นมา ยกมือคำนับเล็กน้อยให้เจ้าพระยาเซียว

“ขอตัวก่อน!”

เขียนเสร็จก็ไป ไม่คลุมเครือเลยสักนิด

มองดูนางจากไปอย่างสง่าผ่าเผย เจ้าพระยาเซียวยักไหล่เล็กน้อย ราวกับว่ารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมามาก

เขาหยิบเอากระดาษที่เทพธิดาจงใจปิดตัวอักษรเอาไว้ออกอย่างแทบทนรอไม่ไหว จากนั้นทันทีที่เห็น ก็มึนงงในชั่วพริบตา

นี่……

เป็นตัวอักษรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!

แต่เนื้อหาของตัวอักษรกลับเป็นใบสั่งยาชุดหนึ่ง ไม่ ไม่ใช่ใบสั่งยาหนึ่งชุด แต่เป็นสองชุด

ชุดหนึ่งเป็นใบสั่งยาสำหรับยาพิษออกฤทธิ์ช้า ชุดหนึ่งเป็นใบสั่งยาที่รักษาปัญหาที่ขาของเขา ข้างบนระบุรายละเอียดไว้ถี่ยิบ แม้กระทั่งเวลาที่ดื่มยา และช่วงเวลาดื่มยาสองชุดที่ต้องห่างออกจากกัน ก็ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน

และตัวอักษรบรรทัดสุดท้าย ยังระบุชัดเจน เพียงเพื่อตอบแทนที่ให้พักค้างคืนเมื่อวานเท่านั้น

อ่านถึงตรงนี้ ตาของเจ้าพระยาเซียวแดงขึ้นมาเล็กน้อย เรื่องราวทำให้รู้สึกประทับใจ ในใจรู้สึกละอายใจอย่างมาก

เขาเอาใจคนต่ำต้อยวัดท้องสุภาพบุรุษ(ใช้ความคิดเห็นที่เลวไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง)แล้ว!

ในใจก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น นางเป็นคนอย่างไรกันแน่?

ดูเหมือนเย่อหยิ่ง อยู่เหนือมวลชน แต่กลับเป็นคนเผยความน่ารักออกมาเป็นระยะๆ แต่ทว่าความสามารถที่มีอยู่เต็มตัวของนางกลับซ่อนอย่างไรก็ซ่อนเอาไว้ไม่มิด

ครู่ต่อมา

“เอี๊ยด……”

หลังจากเซียวจิ่นหยูส่งเทพธิดาออกจากจวนแล้ว ก็มาถึงห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว ก็เห็นท่านพ่อของตนถือกระดาษใบหนึ่งและอ่านอย่างอึ้งๆ

อดที่จะเดินมาข้างหน้าอย่างสงสัยไม่ได้

“ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไป?”

เจ้าพระยาเซียวไม่ได้ตอบเขา จ้องมองไปที่ใบสั่งยาตลอด หลังจากเงียบๆไปพักใหญ่ ถึงเอ่ยปากอย่างแผ่วเบา:

“เจ้ารู้ไหมว่าเทพธิดาเป็นคนอย่างไร?”

เซียวจิ่นหยูไม่รู้ว่าทำไมท่านพ่อถึงได้ถามเช่นนี้ แต่ก็ยังตอบกลับไปอย่างจริงจัง:

“นาง หญิงสาวที่ดีคนหนึ่ง ฉลาดหลักแหลม ความคิดละเอียดรอบคอบดุจเส้นผม เดิมควรจะได้ใช้ชีวิตอย่างไร้ทุกข์ไร้กังวล

แต่กลับต้องประสบพบเจอกับเรื่องราวมากมายเหลือเกิน จำต้องใช้ด้านที่เหี้ยมมาอำพรางตัวตนเอาไว้ นานวันเข้า ถึงได้กลายเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้

อันที่จริง นางในตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยนางก็สามารถปกป้องตัวเองอย่างดี”

ได้ยินคำตอบเช่นนี้ของเซียวจิ่นหยู เจ้าพระยาเซียวประหลาดใจมาก จากนั้นก็หันหน้ากลับมา กล่าวถามด้วยความสงสัย:

“เจ้ารู้จักนาง……นานมากแล้ว?”

“อืม ถ้าหากท่านเห็นรูปร่างหน้าตาและนิสัยการทำสิ่งต่างๆของนางก่อนหน้านี้ จะต้องชอบนางมากแน่นอน เพียงแต่ว่ารูปโฉมของนางในตอนนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แต่ว่า จิตใจเดิมก็ยังไม่เปลี่ยนไป

นางยังเคยช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่ง ทั้งที่รู้ว่าข้ามีความเกี่ยวพันซับซ้อนกับราชวงศ์เก่า กลับยังยินดีช่วยข้าปิดบัง ไม่เคยใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ และไม่เอาบุญคุณที่ช่วยชีวิตมาพูด”

“นางรู้กระทั่งเจ้า เจ้าเป็น……”

คำพูดหลังจากนั้น เจ้าพระยาเซียวไม่ได้พูดออกมา แต่สามารถดูออกได้ว่าเขาตื่นเต้นผิดปกติ

“ท่านพ่อวางใจได้ ข้าไม่ได้บอกฐานะที่แท้จริงของข้าให้นาง แต่ข้าคิดว่านางคงจะสงสัยแล้ว แต่ว่าไม่เป็นไร นางไม่พูดหรอก”

“เจ้าเชื่อใจนางขนาดนี้เลย?”

“หากจะพูด สามปีที่แล้วนางคงพูดไปนานแล้ว”

นางคือหลานเยาเยานะ!

ผู้หญิงที่เคยช่วยเขาจากภัยอันตรายคนนั้น เขาจำทุกๆกิริยาท่าทางของนางได้ ถึงอย่างไร นางก็เคยทำให้จิตใจของเขาว้าวุ่น

ตั้งแต่ที่นางปรากฏกายในนามเทพธิดา ครั้งแรกที่หน้าประตูเมืองหลวง เขาเห็นสายตาที่คุ้นเคยคู่นั้นของนางก็สงสัยในใจแล้ว……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset