บทที่ 439 ถามข้อสงสัย
“คนโดนมนต์ดำ!”หลานเยาเยาตอบเรียบๆ
“คนโดนมนต์ดำ?”เย่หลีเฉินตกตะลึง
เขาเคยได้ยินเรื่องคนโดนมนต์ดำเล่าต่อๆกันมา แต่มาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?
อีกอย่างคนนั้นก็เห็นชัดๆว่าเป็นสาวใช้ ซ้ำเขายังรู้สึกว่าสาวใช้คนนี้ดูคุ้นเคยมาก เหมือนจะเป็นสาวใช้ข้างกายของถังมู่หวั่น……
“รีบหลบไปเร็ว มันโจมตีมาทางเจ้าแล้ว”
หลังจากที่ได้รับการเตือน เย่หลีเฉินก็ดึงสติกลับมาทันที จากนั้นก็หลบจากการโจมตีของเสี่ยวเหลียนอย่างรวดเร็ว หันหัวกลับมาถามว่า:
“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี?”
“ง่ายมาก ไม่ยิงหัว ก็หั่นจนแหลก หรือไม่ก็ใช้น้ำกรด ทุกวิธีล้วนโหดร้าย แต่ก็ต้องทำเช่นนี้ ถ้าไม่อย่างงั้นถูกพวกมันกัด ในไม่ช้าก็จะกลายเป็นแบบมัน ดังนั้นเจ้าต้องระวัง น้ำกรดข้าตกอยู่แถวๆนี้ ช่วยข้าหาหน่อย”
พูดจบ!
หลานเยาเยาก็รีบแฉลบตัวไปยังด้านหลังของเสี่ยวเหลียน จับมือของมันพาดไปด้านหลัง แล้วจับไว้แน่น
แบบนี้ เสี่ยวเหลียนก็ไม่มีทางสลัดหลุด และก็ไม่สามารถหันกลับมาโจมตีนางได้
แต่ว่า……
กลิ่นเหม็นโฉ่ที่ออกมาจากร่างกายมันนั้นเหม็นมากๆ หลานเยาเยาเกรงว่าตนเองจะทนได้ไม่นาน จึงพูดกับเย่หลีเฉินว่า
“เจ้าเร็วหน่อย ตรงนี้ข้าเกรงว่าจะยื้อเอาไว้ไม่ได้นาน”
“ได้ ข้าจะหาทันที”
ในช่วงเวลาสั้นๆที่เย่หลีเฉินหาน้ำกรดนั้น เหล่าท่านชายคุณหนูกลุ่มนั้นก็มาถึงที่นี่ พวกเขาเผชิญกับทางด้านหลังของหลานเยาเยา
พอมองแบบนี้
ก็เหมือนกับหลานเยาเยากำลังปฏิบัติต่อสาวใช้อย่างโหดร้าย
ทันใดนั้นก็มีคนส่งเสียงถามออกมา: “เทพธิดา ท่านทำอะไรหน่ะ?”
“คนที่เลือดเต็มตัวนั่นเหมือนจะเป็นเสี่ยวเหลียน สาวใช้ข้างกายของคุณหนูถัง ดูเหมือนจะบาดเจ็บไม่น้อย”
มีบางคนไม่กล้าพูดเสียงดัง ทำได้เพียงพูดเสียงเบาๆ:
“ทำไมเทพธิดาเป็นเช่นนี้? กับสาวใช้ที่ไร้กำลัง ต้องลงมือรุนแรงเช่นนี้ เดิมทีนางคิดว่าหล่อนนั้นเป็นเทพธิดาที่สูงส่ง คิดไม่ถึงว่าในที่ลับจะรังแกผู้อ่อนแอกว่าเช่นนี้”
เพราะเป็นสาวใช้ของถังมู่หวั่น
ดังนั้นหลายคนจึงประณามเสียงเบา พลางกับตรวจดูท่าทางของถังมู่หวั่น เมื่อเห็นว่านางมีท่าทางก้มหน้าเงียบๆ เก็บเรื่องราวเอาไว้ในใจไม่กล้าพูดจา ทุกคนก็ยิ่งออกหน้าแทนนาง
แต่พวกเขาไม่เห็นรอยยิ้มในนัยน์ตาของถังมู่หวั่น
สิ่งที่นางต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้!
แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน เทพธิดายังไม่ยอมปล่อยเสี่ยวเหลียน
เสี่ยวเหลียนเป็นสาวใช้ข้างกายที่มีความสามารถมากที่สุดของนาง ถ้านางต้องตาย ที่จริงก็น่าเสียดายอยู่หน่อย แต่ว่าถ้าสามารถทำให้ชื่อเสียงของเทพธิดาย่อยยับ ถูกประชาชนประณาม ประชาชนสูญเสียศรัทธาได้ งั้นเสี่ยวเหลียนจะตายสักร้อยครั้งก็ได้
ทุกคนก็พูดเยอะขนาดนั้นแล้ว
แน่นอนว่าถังมู่หวั่นก็ต้องพูดแสดงความเห็นบ้าง
“เทพธิดา หม่อมฉันไม่รู้ว่าเสี่ยวเหลียนนั้นทำเรื่องชั่วร้ายอะไร จึงทำให้ท่านลงโทษนางเช่นนี้ แต่ตีหมาก็ต้องดูนาย ถ้านางทำอะไรผิดไป หม่อมฉันจะลงโทษเอง โปรดเทพธิดาปล่อยนางก่อน”
ถังมู่หวั่นเดินขึ้นมาข้างหน้าสองสามก้าว เพื่ออยากจะดูว่าอาการบาดเจ็บของเสี่ยวเหลียนเป็นอย่างไร?
แต่กลับถูกหลานเยาเยามองอย่างรำคาญ และเอาเสี่ยวเหลียนหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับพวกเขา……
“อ๊าย ผี!”
ทุกคนร้องอย่างหวาดกลัว
มีบางพวกที่ขี้ขลาด ก็ขาอ่อนลงกับพื้นทันที ส่วนถังมู่หวั่นหน้าซีด ยืนสงบแข็งแกร่ง ชี้ไปบนฟ้าพูดเสียงสั่นเทา:
“ท่านทำอะไรกับเสี่ยวเหลียน?”
“อา มาถึงตอนนี้แล้ว ยังวางแผนทำร้ายผู้อื่นอีกหรือ ไม่มีตารึไง? รบกวนเจ้าช่วยดูให้ชัดเจน หัวและร่างกายของเสี่ยวเหลียนถูกกัดกินไปส่วนหนึ่ง แต่ยังแข็งแรงมีชีวิตชีวา เจอคนก็กัด เจ้าคิดว่านางยังเป็นคนอยู่ไหม?
จะบอกเอาไว้ก่อนนะ ทางที่ดี พวกเจ้าต้องอย่าให้มันกัด ไม่งั้นพวกเจ้าก็จะกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ไร้ความเป็นมนุษย์”
ในตอนนี้
หญิงชาวสวนที่ถูกมัดไว้บนต้นไม้ ก็สลัดผ้าไหมหลุด อ้าปากใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วพุ่งไปทางเหล่าท่านชายคุณหนู
ทันใดนั้นพวกเขาก็ตกใจวิ่งกระเจิง ต่างคนต่างวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
หลานเยาเยาหรี่ตา!
สมควรตาย!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนที่ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อย……
ดังนั้นนางจึงย้ายสายตามามองเย่หลีเฉินที่ยังคงหาน้ำกรดอยู่ ก็ต้องพบว่าเขาไม่ได้ห้อยดาบวิเศษไว้บนตัว ส่วนมีดที่อยู่ในมือของตนเองนั้น หากต้องการจะหั่นแยกส่วนคงต้องยุ่งยากเล็กน้อย
ขณะนั้นพอดี เย่หลีเฉินก็เห็นน้ำกรดตกอยู่กลางพงหญ้า คิดจะยกมือตะโกนเรียกเทพธิดา
แต่ก็ต้องพบร่างสีม่วงเข้มบินมาและหยุดอยู่ข้างหลานเยาเยา มองคนโดนมนต์ดำที่ต่อสู้ดิ้นรน หานแสขมวดคิ้วถามว่า:
“เกิดเรื่องขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน” หลานเยาเยาตอบเรียบๆ พอคิดได้ว่ายังมีอีกหนึ่งตน ก็รีบพูดว่า “ตอนนี้มีสอง หานแสดึงดาบออกมาและต้องจัดการให้เร็ว ยังมีอีกหนึ่งตน ที่ไม่รู้ว่าไปทางไหนแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น!
หานแสก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
เขาไม่สนใจว่าคนโดนมนต์ดำอีกคนนั้นไปไหน ที่สนใจก็คือสถานที่ของดอกกระดูกขาว แต่เขาก็ยังชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว กวัดแกว่งด้วยความไวสองสามครั้ง เสี่ยวเหลียนก็ถูกแบ่งออกเป็นสองสามชิ้น
แม้จะยังขยับอยู่ แต่ก็ไม่มีแรงโจมตีแล้ว
หานแสไม่ได้มองเสี่ยวเหลียนมากนัก แต่มองหาร่องรอยของคนโดนมนต์ดำอีกคน จากนั้นก็พูดว่า: “พวกเราไปจัดการคนโดนมนต์ดำที่เหลือก่อน จากนั้นค่อยมาหาดอกกระดูกขาว”
ในเมื่อมีคนโดนมนต์ดำปรากฏออกมา
นั่นก็พิสูจน์ได้ว่า ข่าวที่หลานเยาเยาเสนอนั้นถูกต้อง ราชครูเทียนเวิงจะต้องเพาะหนอนพิษกู่จิ้นที่นี่แน่ๆ
“อื้ม!”
ทั้งสองบินจากไปอย่างรวดเร็ว
เย่หลีเฉินที่ถูกทิ้งไว้ หยิบน้ำกรดแล้วลุกขึ้นมาช้าๆ มองไปยังทางที่พวกเขาจากไป แววตาล้ำลึก
พวกเขาสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เย่หลีเฉินมองน้ำกรดแว็บนึง และไปตรงหน้าเสี่ยวเหลียนที่ถูกตัดแขนขา เปิดฝาน้ำกรดออกแล้วราดลงไปบนตัวของเสี่ยวเหลียน
พอจัดการศพของเสี่ยวเหลียนเสร็จ เย่หลีเฉินก็ไล่ตามพวกหานแสไปด้วยความเร็ว ในตอนที่เจอพวกเขา หานแสก็เอาชนะคนโดนมนต์ดำอีกคนได้แล้ว
มีท่านชายและคุณหนูสองสามคนถูกกัด ทุกคนได้เห็นคนที่มีสติดีคนหนึ่ง ค่อยๆสูญเสียสติสัมปชัญญะ กลายเป็นท่าทางดุร้ายน่ากลัวด้วยตาตนเอง
“ชิ้ง!”
หานแสยกมือขึ้นฟันกระบี่ลง หัวคนก็ตกลงกับพื้น เขาไม่สนใจหัวของคนโดนมนต์ดำที่โดนตัดไปแล้วยังขยับอยู่ หมุนตัวมุ่งไปทางคุณหนูอีกคนที่ถูกกัดบาดเจ็บ
เมื่อเห็นเขาค่อยๆเดินมาใกล้ ก็มีคนตะโกนว่า:
“นางยังมีชีวิตอยู่”
หานแสทำเป็นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ยกกระบี่ขึ้นเพื่อจะฟัน……
เย่หลีเฉินรีบก้าวมาข้างหน้า จับแขนของหานแสที่ยกกระบี่ขึ้นเอาไว้ แล้วพูดอย่างรีบร้อนว่า:
“นางกำลังหวาดกลัว นางยังไม่ตาย”
หานแสหันกลับมามองเย่หลีเฉิน จากนั้นก็วางมือลง พูดเย็นชาว่า: “งั้นก็รออีกหน่อย ยังไงก็ในไม่ช้านี้”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ!
สิ้นเสียงหานแสไม่นาน คุณหนูที่ถูกข่วนคนนั้น รูม่านตาก็เริ่มหย่อน ตาดำก็ค่อยๆเปลี่ยนไปจนมีเพียงแต่ตาขาว เล็บมือก็ยาวอย่างรวดเร็ว ปากก็ส่งเสียงแหบแห้งน่ากลัวออกมาบางครั้ง……
คนที่เดิมทีสนับสนุนคุณหนูผู้นั้น เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็หวาดกลัว โดนหลานเยาเยาตำหนิว่า พวกเขาเพิ่งปล่อยคุณหนูที่กลายเป็นคนโดนมนต์ดำหนีไปไกลแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางเป็นบ้า อยากกัดคนของนาง เย่หลีเฉินก็ดึงมือที่ขวางหานแสกลับมา
หานแสยกมุมปากขึ้น กระบี่ตัดลงไปที่หัวอีกครั้ง
มองคนโดนมนต์ดำที่ยังไม่หยุดขยับ พอไม่มีหัว พวกมันก็สูญเสียการโจมตีไป แต่ยังคงแยกเขียวกางเล็บ น่าหวาดกลัวอยู่ แต่ตราบใดที่ไม่ไปแตะพวกมันก็เพียงพอแล้ว
เย่หลีเฉินหลับตาเงียบๆ……