บทที่ 447 การปรากฏตัวอีกครั้งของคนโดนมนต์ดำ
เห็นได้ชัดว่าเป็นฉากที่น่าอกสั่นขวัญแขวน เมื่อมาถึงมือของเทพธิดามันกลับน่าขำอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าไม่เจ็บใช่ไหม” เย่หลีเฉินถาม
“เปล่า”
จะเจ็บได้อย่างไรอย่างกัน
แม้ว่าแมลงจะเข้าไปที่คอของนางจริงๆ นางก็ดึงมันออกมา กดมันจนตายแล้วดีดออก
“นั่นไม่ใช่พิษกู่จิ้นหรือ”
เย่หลีเฉินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าอาจจะเป็นพิษกู่จิ้น
“ใช่ มันคือพิษกู่จิ้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” ตอนนี้มันถูกนางตีจนตาย และถูกบี้ไปสองสามครั้ง หนำซ้ำยังดีดเข้าไปในกองไฟ ถือเป็นแมลงที่ตายจากการโดยเผาไหม้
“……”
พูดได้แค่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่หลังจากหลานเยาเยาหันหน้ามา เขาก็เห็นที่คอของนางอย่างชัดเจน ตรงบริเวณที่พิษกู่จิ้นที่ไต่มาก่อนหน้านี้ ว่ามีจุดแดงๆ จุดหนึ่ง คงจะไม่ใช่คราบเลือด แต่บาดแผลที่โดนกัดเป็นพิษกู่จิ้น
เย่หลีเฉินอ้าปากต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเห็นเทพธิดาทำท่าทางปกติ สีหน้าสดใสเกลี้ยงเกลา ไม่มีเรื่องอะไรเลยสักนิด จึงหุบปากลงอย่างเงียบๆ
น่าจะเป็นคราบเลือดสินะ……
บริเวณตำหนักของสวนว่างฮัว
หลังจากทุกคนขอให้องครักษ์นำท่านชายและคุณหนูอีกคนหนึ่งที่ถูกพิษเข้าไปขังในตำหนักก่อน จากนั้นทุกคนก็ค่อยๆ สงบลง
แน่นอน
เป็นเพียงความสงบเท่านั้น
ในใจของพวกเขายังคงมีความกังวลเล็กน้อย โชคดีที่ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้เสียงความเคลื่อนไหวอะไรอีก
ก็เหมือนกันกับถังมู่หวั่น แม้ว่านางจะมีแผนการชั่วร้ายอยู่ลึกๆ แต่เมื่อมาเจอกับสิ่งที่น่ากลัวเช่นคนโดนมนต์ดำ ที่นางไม่เคยเจอมาก่อน ดังนั้นนางจึงกลัวมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังคงอกสั่นขวัญแขวน
หลังจากทั้งสองคนถูกขังอยู่ในตำหนักข้างๆ หัวใจที่เคว้งคว้างอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง
เมื่อนึกถึงหญิงสาวที่มองมายังนางด้วยสายตาอันคร่ำครวญก่อนหน้านี้ นางกระตุกมุมปากอย่างเยาะเย้ย ในเวลานี้ยังกล้าอยู่กับผู้ชายสองต่อสองอีก นี่เป็นการไม่ใช่รนหาที่ตายให้ตนเองหรอกหรือ
เพราะองค์ชายรัชทายาทไม่อยู่ และนางเป็นลูกสาวของอัครเสนาบดี อีกทั้งสวนว่างฮัวยังเป็นของนางอีกด้วย แม้ว่าองครักษ์จะเป็นขององค์ชายรัชทายาท แต่พวกเขาก็ยังคงขอคำแนะนำจากนาง ดังนั้นการที่นางพยักหน้าไปคือเป็นการนำคนไปขังไว้ในที่ที่อับเชื้อ
สวนว่างฮัวมีงูนั้นเป็นเรื่องที่ปกติมาก
ถึงอย่างไรสถานที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก และเต็มไปด้วยดอกไม้ต้นหญ้าอันล้ำค่า นอกจากดอกไม้ต้นหญ้าแล้วยังมีต้นไม้ประดับบางชนิด จึงเป็นเรื่องปกติมากที่จะมีงูแมลงหนูและมด
รั้วบนตำหนัก ออกแบบร่วมกับเก้าอี้สำหรับให้คนมาพักผ่อน
ถังมู่หวั่นยืนพิงรั้ว มองไปที่ดอกไม้ที่นางโปรดที่สุดด้วยความคิดที่ว้าวุ่น
ทันใดนั้นก็มีเสียงคนตะโกน
“เจ้าออกมาได้อย่างไร ไม่ได้ขังเจ้าไว้หรือ รีบกลับไปซะ ไม่อย่างนั้นพวกข้าจะเรียกองครักษ์ ได้ยินไหม”
เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว ร่องรอยของความไม่อดทนก็ปรากฏขึ้นในสายตาของถังมู่หวั่น หลังจากลุกขึ้น จากนั้นก็เดินไปยังรั้วที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนาง
หลังจากที่ยืนนิ่ง เมื่อจับจ้องดู
เทพธิดาคนหนึ่งก็เดินออกมาอย่างช้าๆ ศีรษะของนางที่ก้มต่ำ ด้วยมือทั้งสองที่ห้อยลงอย่างโรยแรง ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างช้าๆ ท่าทางการเดินช้ามาก และจังหวะการเดินและท่าทางมองดูแล้วแปลกๆ
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน ดูเหมือนนางจะมีปฏิกิริยาที่ละเอียดอ่อนบางอย่าง
“ทำไมเจ้าเป็นคุณหนูคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างนี้ นี่เจ้าจะไม่อยู่ในตำหนักดีๆ ใช่ไหม โธ่ หูหนวกหรือไง จริงหรือ” คุณชายอีกคนก็พูดขึ้นมา เป็นน้ำเสียงที่ไม่เกรงใจเป็นอย่างมาก
แต่คุณหนูที่ดูเหมือนกำลังสับเท้าทีละก้าวอยู่นั้น ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย แถมยังคงเดินต่อไป
หากไม่ได้รับคำตอบกลับ ท่านชายคนนั้นคงจะโกรธเคืองมาก และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถังมู่หวั่นที่อยู่ข้างเขากลับเอ่ยออกมาแล้ว
“พี่องครักษ์ คุณหนูคนนั้นวิ่งออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้พวกเจ้าเชิญนางกลับมาด้วย”
ถังมู่หวั่นพูดอย่างเกรงใจ
เมื่อองครักษ์ได้ยินดังนั้น จึงรีบมากันโดยเร็ว พวกเขาจึงเริ่มมองไปยังคุณหนูที่กำลังส่ายหน้านั้นด้วยความสงสัย ราวกับว่าฟังภาษาคนไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น
ในตอนนี้ ถังมู่หวั่นก็ได้ถอยออกจากฝูงชน จากนั้นจึงเดินลงจากอาคารที่แยกออกไปทางบันไดอีกด้านหนึ่ง…
ทุกคนบนตำหนักยังคงพูดถึงหญิงสาวคนนี้ บ้างก็ดุ บ้างก็สบถด่า บ้างก็พูดโน้มน้าว แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมาเสมอ
องครักษ์สองคนนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
รีบก้าวตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว คนหนึ่งคว้าแขนข้างหนึ่งของนางเอาไว้ เพื่อจะรั้งนาง แต่กลับไม่รู้ว่าจู่ๆคุณหนูคนนั้นจะขัดขืน ทันทีที่เงยหน้าขึ้น แล้วกลอกตาจนเห็นแต่ตาขาว ใบหน้าเริ่มกลายเป็นรอยเลือด มุมปากส่งเสียง “จือ จือ” ราวกับมีอะไรติดอยู่ในลำคอจนไม่สามารถจะส่งเสียงอะไรออกมาได้
คุณหนูที่ไร้ร่องรอยของเส้นเลือด อ้าปากออกกว้างและกัดไปยังองครักษ์คนหนึ่ง……
“โอ๊ย…”
เสียงร้องโหยหวนจากความเจ็บปวด ทำให้ฝูงชนที่อยู่ในตำหนักเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
มีบางคนตะโกนร้องอย่างหวาดผวา “คนโดนมนต์ดำ คนโดนมนต์ดำ คนโดนมนต์ดำ……”
หลังจากองครักษ์ถูกกัดจนล้มลงไป องครักษ์อีกคนหนึ่งก็ชักกระบี่ออกจากเอว และตัวไปยังศีรษะของคุณหนูคนนั้น
น่าเสียดาย…
ฟันโดนคนแล้ว แต่กลับโดนแค่ข่วนถูกใบหน้าของนางเท่านั้น ทำให้บาดโดนเนื้อและมีเลือดออก แต่คุณหนูคนนั้นที่ถูกฟัน กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย นางได้จับเขาโยนลงบนพื้นด้วยสีหน้าโหดร้ายที่แยกเขี้ยวยิงฟัน ราวกับหมาป่าที่หิวโหยกัดเข้าไปยังศีรษะของเขาโดยตรง
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่น่าหวาดกลัว องครักษ์ค่อยๆ หมดลมหายใจ คนโดนมนต์ดำที่กินไปพอสมควรแล้ว เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าหวาดกลัวด้านบนตำหนัก จึงรีบตามเสียงไปทันที
และองครักษ์จะถูกกัดจนล้มลงกับพื้นไปก่อนนั้น ตอนนี้ก็ได้เริ่มขยับนิ้วขึ้นมา…
กลุ่มคนบนตำหนักต่างตกใจกลัวจนผลักกันไปมา บ้างก็กระโดดออกมาจากอาคาร บ้างก็กลิ้งลงมาจากอาคาร ทำให้ฉากที่เห็นดูสับสนวุ่นวายมาก
มีบางคนวิ่งไปยังองครักษ์ที่เฝ้าประตูและค่อนข้างมากอยู่ด้านหนึ่ง เพื่อหวังว่าองครักษ์จะสามารถปกป้องตนเองได้ โดยมีการขอร้องให้พวกองครักษ์ทำการปล่อยพวกเขาออกไป แต่องครักษ์คำสั่งที่เด็ดขาด ดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยออกไปได้
เมื่อไม่มีหนทาง คนกลุ่มนั้นจึงได้แต่องครักษ์คอยปกป้องอยู่ตรงหน้าพวกเขาเท่านั้น
และทิศทางการหลบหนีของถังมู่หวั่น และไม่ได้ออกไปทางประตูใหญ่ แต่ไปทิศทางของประตูเหล็ก
นางรู้ดี ว่าองครักษ์ที่เฝ้าประตูไม่มีทางปล่อยออกไป ทางนั้นจึงอันตรายที่สุด
ด้านทางประตูเหล็ก มีเทพธิดาและคุณชายหานแสที่ไม่เกรงกลัวคนโดนมนต์ดำ และยังมีองค์ชายรัชทายาท นี่จึงเป็นทางรอดของนาง
แน่นอน!
ไม่ได้มีแต่นางคนเดียวที่คิดเช่นนี้ ระหว่างที่นางวิ่งมาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง ดังนั้นจึงรีบหันกลับไปมอง ก็ได้เห็นพวกคุณชายสองสามคนกำลังวิ่งตามมาทางเดียวกับนางเช่นกัน
“คุณหนูถัง รอพวกเราด้วย”
“ตอนนี้เหลือแต่เทพธิดาแล้วที่ช่วยพวกเราได้”
“เจ้าต้องการวิ่งไปหาทางที่เทพธิดาอยู่ใช่ไหม”
ถังมู่หวั่นมีสายตาเย็นชา
นางรู้แน่นอน ไม่เช่นนั้นทำไมนางจึงต้องวิ่งมาทางนี้ด้วย
เมื่อได้ยินพวกเขาพูดถึงเทพธิดา ในใจของนางก็เริ่มโกรธ นางเกลียด ถึงกับเกลียดชังเทพธิดา แต่ก็ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว ตอนนี้นางจึงได้แต่ก้มหน้าเข้าหาเทพธิดาด้วยความอัปยศ
ก่อนที่นางจะพูดอะไร นางก็พยักหน้า
พวกดอกไม้ใบหญ้าที่สมบูรณ์เหล่านั้นที่เคยได้รับคำเชยชม ตอนนี้โดนเหยียบย่ำอย่างไร้ความปรานี ไม่ใช่เพื่อสิ่งใดเลย เพียงแค่หลบหนี
คุณชายสองสามคนนี้ยังหนุ่มและแข็งแรง แม้ว่าจะอ่อนแอเรื่องการเรียน แต่หากเทียบกับถังมู่หวั่นที่เป็นหญิงสาวผู้อ่อนแอ กลับแข็งแรงกว่ามาก ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็วิ่งตามถังมู่หวั่นได้ทัน
ในขณะนี้พวกเขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มีคุณชายผู้ใจดีคนหนึ่งพาตัวนางวิ่งไปข้างหน้าด้วยกัน
ทันใดนั้น!
จากท่ามกลางพุ่มดอกไม้สูงครึ่งตัวคน ก็มีสีหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวปรากฏขึ้น เป็นคุณชายที่มีเลือดโชกไปทั้งตัว มีชิ้นเนื้อเน่าห้อยออกมาจากปากชิ้นหนึ่ง ทั่วทั้งหน้าเขียวช้ำ