บทที่ 448 เรื่องราวไม่สามารถปิดบังได้แล้ว
เป็นพวกคนโดนมนต์ดำ
เป็นท่านชายคนนั้นที่ถูกพิษงูก่อนหน้านี้ที่กลายเป็นคนโดนมนต์ดำ
คนโดนมนต์ดำก็จู่โจมเข้ามาในทันที ทำให้หัวใจของถังมู่หวั่นเต้นแรงขึ้น พุ่งออกไป ดึงท่านชายคนนั้นที่ต้องการจะลากนางไปมาขวางเอาไว้หน้าตนเอง ดังนั้นคนโดนมนต์ดำจึงจู่โจมตรงไปยังร่างของท่านชายคนนั้น
“เจ้า…”
ท่านชายคนนั้นมีปฏิกิริยากลับมา ก็ถูกคนโดนมนต์ดำกัดเข้าไปที่คอ ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมา จนไม่สามารถพูดได้
คนที่เหลืออยู่สองสามคน รวมทั้งถังมู่หวั่น ทันใดนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างสยดสยอง สีหน้าซีดเซียวอย่างยากจะหาอะไรเปรียบ ขาทั้งสองสั่นอย่างรุนแรง
แต่ในเวลานี้ จะไปพูดอะไรมากได้
กระโดดออกไปแล้ววิ่งทันที แม้ว่าจะวิ่งอย่างสั่นเทา แต่ก็ใช้พลังทั้งหมดช่วยให้วิ่งออกไปข้างหน้า แต่นางจะไปวิ่งเร็วกว่าคนโดนมนต์ดำได้อย่างไร
หลังจากคนโดนมนต์ดำได้ยินเสียงนั้น จึงหยุดกินคน และรีบลุกขึ้นวิ่งไปตามทิศทางของเสียง
เป็นเพราะความกลัว ถังมู่หวั่นจึงตื่นตระหนก และไม่ทันระวังไปสะดุดพุ่มดอกไม้ที่อยู่ใต้เท้า นางต้องการจะลุกขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่มันก็สายเกินไปแล้ว ในตอนนี้พวกมันได้ตามมาถึงตัวแล้ว และยังจู่โจมเข้ามาทันที
“โอ๊ย…”
นางตกใจกลัวมากจนกรีดร้องขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ในขณะที่คนโดนมนต์ดำกำลังจู่โจมเข้ามาหานางนั้น ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงพุ่มดอกไม้ด้านข้าง จากนั้นจึงใช้ขาข้างหนึ่งเตะไปยังคนโดนมนต์ดำ
เมื่อถังมู่หวั่นลืมตาขึ้น ก็ได้เห็นชายสวมหน้ากากคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านาง เขายื่นมือออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์และนุ่มนวล
“แม่นาง ข้ามาช้าไปหน่อย จึงทำให้เจ้าต้องตกใจเป็นความผิดของข้า ตอนนี้พ้นภัยอันตรายแล้ว ข้าประคองเจ้าขึ้นเอง”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ป่ายเม่ยเซิงก็อดไม่ได้ที่จะคลายเสื้อผ้าของตน และดึงมันอีกครั้ง เผยให้เห็นผิวสีดังข้าวสาลีและดูแข็งแรง
“เวลานี้ยังกล้าจะกะล่อนอีกหรือ ข้าว่าเจ้าคงไม่ต้องการชีวิตแล้วล่ะ”
“เพียะ” เสีบงตบดังขึ้น ป่ายเม่ยเซิงถูกตบไปยังท้ายทอย เขาไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร จึงรีบหันกลับไปและมองซาหมั่นเฉิงอย่างไม่พอใจ
น่าเสียดาย ที่เสียงตอบกลับมาของซาหมั่นเฉิงกลับไม่ค่อยดีนัก
“รีบไปเร็วเข้า ที่ตำหนักเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
“โอ้ ได้ๆ”
ป่ายเม่ยเซิงมีปฏิกิริยาตอบกลับทันที และแอบเสียดายอยู่ในใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้อวดโฉมตนเองต่อหน้าเหล่าสาวงามได้ เขาไม่นึกเลยว่ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำขึ้นมาอีก ดังนั้นจึงได้แต่พูดกับถังมู่หวั่นว่า
“คนสวย หากมีวาสนาขอให้พบกันอีก โอ้ ไม่สิ ในหัวใจของพี่ชายมีคนอยู่ในใจแล้ว คงจะพบกับเจ้าไม่ได้อีกแล้ว ช่างมันเถอะนะ!”
พูดจบ สีหน้าของเขาก็เศร้าเล็กน้อย จากนั้นจึงได้แต่ทำหน้าบูด แล้วรีบตามซาหมั่นเฉิงออกไป
เมื่อป่ายเม่ยเซิงและซาหมั่นเฉิงขึ้นมาจากใต้ดิน จื่อซีและจื่อเฟิงก็ได้ออกมาก่อนแล้ว ทันทีที่พวกเขาออกมาก็เดินตามคราบเลือดไปและตรงไปยังตำหนัก จนกระทั่งพวกเขาออกมา ก็ต้องการจะรีบไปที่นั่น แต่กลับพบคราบเลือดที่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นจึงตามไล่ไปดู ก็ได้เห็นคนโดนมนต์ดำกำลังล่าเหยื่ออย่างดุเดือด
ดังนั้น!
พวกเขาตามไล่ล่ามาตลอดทางจนถึงตรงนี้
ก่อนที่ป่ายเม่ยเซิงจะตามซาหมั่นเฉิง ก็ตั้งใจมองลงไปยังคนโดนมนต์ดำ และตอนที่ผ่านท่านชายคนนั้นที่ถูกกัด ก็ได้พบว่ามือของเขาค่อยๆมีปฏิกิริยาตอบสนอง เริ่มมีการขยับมือขึ้นลง จัดการฟันเข้าไปที่ศีรษะของท่านชายที่กลายเป็นคนโดนมนต์ดำทันทีเลย เพื่อจะได้ไม่เกิดเป็นคนโดนมนต์ดำอีกหนึ่งคน
ศพของคนโดนมนต์ดำทั้งสองคนได้แต่วางไว้ที่นี่ชั่วคราว จะต้องรีบจัดการกับคนโดนมนต์ดำคนอื่นเสียก่อน
มองดูพวกเขาสองคนจากไป
ถังมู่หวั่นยืนขึ้นอย่างสั่นเทา ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสับสน จากนั้นจึงมองไปยังร่างของคนโดนมนต์ดำที่ถูกฟัน ดวงตาเป็นประกายอย่างแปลกประหลาด…
นี่คือประตูใหญ่ของสวนว่างฮัว
คนโดนมนต์ดำได้เปลี่ยนจากหนึ่งคนกลายเป็นสอง และเปลี่ยนจากสองกลายเป็นสี่
องครักษ์ที่เฝ้าประตูต่างหวาดกลัว เมื่อได้เห็นว่าเพื่อนของตนต่างกลายเป็นคนโดนมนต์ดำ พวกเขาจึงวางแผนที่จะปล่อยคนที่เหลือออกไป จากนั้นตนเองก็จะหนีเอาชีวิตรอด
โชคดีที่ได้เห็นว่าข้างกายเทพธิดายังมียอดฝีมืออยู่ด้วยถึงสองคน จึงล้มเลิกความคิดในใจ และยังคงป้องกันไม่ให้คนโดนมนต์ดำเข้ามาใกล้ต่อไป
“ต้องเพ่งเล็งไปที่ศีรษะของพวกเขา!”
จื่อซีได้เตือนพวกเขาขึ้นมาเมื่อเห็นว่ากำลังฟันพวกคนโดนมนต์ดำกันตามอำเภอใจ
หลังจากรู้วิธี พวกองครักษ์จึงรีบระงับขาของตนเอง ขณะที่ต่อสู้กับคนโดนมนต์ดำอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้พวกคุณชายคุณหนูและที่เสียสติไปแล้ววิ่งออกไปนอกประตู
หลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อมีจื่อซีและจื่อเฟิงเพิ่มเข้ามา และไม่นานหลังจากที่ซาหมั่นเฉิงและป่ายเม่ยเซิงก็มาแล้ว คนโดนมนต์ดำจึงถูกตัดศีรษะจนตายไปอย่างรวดเร็ว
คุณหนูและคุณชายที่รอดชีวิตต่างทรุดตัวลงไปกับพื้นทีละคน ขวัญของพวกเขาต่างไม่มีอยู่แล้ว มีความขี้ขลาดอยู่เล็กน้อย จึงต่างเป็นลมหมดสติไปแล้ว
จนกระทั่งพวกหลานเยาเยามาถึง คนโดนมนต์ดำหลักๆที่มีอยู่ได้ถูกกำจัดไปสิ้นแล้ว
เย่หลีเฉินขมวดคิ้ว มองดูสภาพความรุนแรงที่วุ่นวาย ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าประตู ดวงตาก็แดงก่ำ มือที่จับดาบก็ไม่สามารถกำแน่นได้อีกต่อไป
“ก่อนที่คนโดนมนต์ดำเหล่านี้จะโดนมนต์ดำ ก็ล้วนแต่เป็นคุณชายคุณหนูซึ่งเป็นที่ภูมิใจของแต่ละเมือง เมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะแพร่กระจายออกไป เมื่อเรื่องถูกแพร่ออกไป จึงทำให้รัฐและประชาชนทั่วไปต้องตกใจจนวุ่นวาย และยังเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วเมือง ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล”
หลานเยาเยาพยักหน้า
เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ มีคนตายมากมายเช่นนี้ อีกทั้งล้วนแต่เป็นคนมีชื่อเสียงจากแต่ละเมือง เมื่อเรื่องไปถึงแต่ละพื้นที่ ก็ไม่อาจจะปิดซ่อนได้อีกแล้ว
“เรื่องของคนโดนมนต์ดำไม่อาจจะปกปิดไว้ได้ อย่างนั้นก็นำเรื่องนี้ไปอธิบายให้ละเอียดอย่าให้ขาดตกบกพร่อง แน่นอน สำหรับเรื่องของราชครูใหญ่ของราชวงศ์เก่า ก็พยายามปิดมันไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นราชวงศ์ของพวกเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย”
เมื่อตอนพูดเรื่องนี้ออกไป พวกเขาได้พูดกันเป็นการส่วนตัว
เรื่องคนโดนมนต์ดำไม่สามารถจะปกปิดได้เพราะได้เผยออกไปแล้ว แต่สถานะที่แท้จริงของราชครูเทียนเวิงสามารถนำไปเปิดเผยภายหลังได้
ในที่สุด!
ราชครูเทียนเวิงอยู่ในฐานะของราชครูใหญ่ในปัจจุบัน เห็นชัดว่ายังคงฟังคำพูดของฮ่องเต้ แต่หากสถานะของราชครูเทียนเวยถูกเปิดเผย กลัวว่าราชครูเทียนเวิงคงจะทำการยึดเมืองหลวงไว้ในมือแน่นอน
สำหรับกรณีนี้
กลัวว่าเมื่อเย่หลีเฉินนำเรื่องของคนโดนมนต์ดำไปรายงานจะไม่มีใครเชื่อ ดังนั้นหลานเยาเยาจึงจงใจให้จื่อเฟิงเก็บตัวคนโดนมนต์ดำเอาไว้ เมื่อเป็นแบบนี้ หากพวกเขาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งนี้ก็มีข้อดี ขอเพียงพวกเขาเชื่อ อย่างนั้นความตายของบรรดาคุณชายคุณหนูก็จะกลายเป็นการตายที่สูญเปล่า
พวกขุนนางเก่าแก่พวกนั้นจะยอมถูกเอาเปรียบขนาดนั้นเลยหรือ
ไม่น่าจะได้!
พวกเขาจะต้องจะต้องนำความแค้นไปให้กับจวนเฉิงเสี้ยงอย่างแน่นอน
ใครให้สวนว่างฮัว เป็นที่ตั้งของจวนเฉิงเสี้ยงกันล่ะ
ใครให้ถังมู่หวั่นจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ล่ะ
สวนว่างฮัวเป็นสถานที่ซึ่งถังเฉิงเสี้ยงมอบให้กับถังมู่หวั่น ตอนนี้ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนเป็นความรับผิดชอบของถังมู่หวั่น ดังนั้นจวนเฉิงเสี้ยงก็จะต้องตกสู้การวิพากษ์วิจารณ์ของคนในสังคม
ด้วยมีเงื่อนไขของความเห็นประชาชน นางจึงต้องการเล่นงานที่อัครเสนาบดี อย่างนั้นทุกอย่างก็จะง่ายยิ่งขึ้น
“เยี่ยม!”
หลังจากเย่หลีเฉินพยักหน้าตอบรับ ก็ได้ทำการตรวจสอบอีกครั้งว่าบรรดาคุณชายและคุณหนูที่รอดชีวิตปลอดภัยดีจริงหรือไม่ จากนั้นก็จัดองครักษ์ออกไปส่งพวกเขาแต่ละคนให้ถึงตำหนัก จากนั้นจึงยกศพของคนโดนมนต์ดำเหล่านั้นกลับเมืองหลวง
เมื่อพวกเขาจากไป
ที่แห่งนี้จึงเหลือเพียงหลานเยาเยาและหานแส รวมทั้งคนที่พวกเขาพามา
“ทำไม ยังไม่ไปอีกหรือ ยังต้องการอยู่ดื่มชาที่นี่ใช่ไหม”
เสียงอันแฝงเสน่ห์ชั่วร้ายได้ดังขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าหลานเยาเยาไม่พูดอะไร แต่ได้ก้มศีรษะลงเล็กน้อยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และดูเหมือนจะถอนหายใจ เสียงอันชั่วร้ายของหานแสก็ดังขึ้นอีกครั้ง……