บทที่ 46 สถานที่ลึกลับ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายชราผมขาว หลานเยาเยาก็ไม่ได้ไปแตะร่างกายเขาอีก แต่ทว่าพูดปลอบใจด้วยความเป็นห่วง
“ตาแก่ เจ้าน่ะมีโรคก็แค่รักษา ต่อให้จะป่วยในจุดที่คลุมเครือ ก็ต้องพูดออกมา เจ้าต้องเชื่อวิธีการรักษาของข้า ข้าสามารถรักษาเจ้าให้หายได้นะ”
ร่างกายของชายชราผมขาวเดิมทีก็อ่อนแอมากอยู่แล้ว หากยังทุกข์ทรมานอยู่เช่นนี้รับรองว่าตายสถานเดียว
ชายชราผมขาวในตอนนี้ทั้งตัวมีอาการหนาวเย็น หน้าผากและลำตัวเหงื่อไหลเป็นเม็ดใหญ่
เขาเปิดปากพูดขึ้นทั้งที่ร่างกายสั่นเทาและอ่อนเพลีย เหมือนพูดคำสั่งลา “นังหนู หากข้าตายไป เจ้าก็กรีดท้องชำแหละข้าซะ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าหวังว่าเจ้าจะต้องทำให้สำเร็จ…”
แต่ว่า
เสียงของเขายิ่งอยู่ยิ่งอ่อนลง สายตาจ้องมองไปที่นาง
เห็นภาพของหลานเยาเยายิ่งอยู่ยิ่งจางลง ก่อนที่เขาจะหมดสติไป จู่ๆเขาก็จับพลัดจับผลูยื่นมือมาที่นาง
คำพูดต่อมาของชายชราผมขาวหลานเยาเยาได้ยินไม่ชัดเจนเลย ก่อนที่เขาจะหมดสติไป นางรีบเดินไปตรวจดูชีพจรของเขา กลับพบว่าชีพจรของเขาอ่อนมากอ่อนจนตรวจไม่พบ
ทำให้นางขมวดคิ้วแน่นอย่างห้ามไม่ได้
ยังไม่ทันได้คิดไตร่ตรอง นางรีบใช้มาตรการเร่งด่วน หลังผ่านการปฐมพยาบาลกว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดชายชราผมสีขาวก็ถูกลากกลับมาจากประตูนรก
“เสียงลมหายใจดังขึ้น…”
“ในที่สุดหัวใจก็กลับมาเต้นเป็นปกติ”
“เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ชายชราผมขาถึงจะค่อยๆรู้สึกตัว”
เวลานี้ผ้าพันแผลบนตาถูกเอาออกแล้ว สิ่งที่เขาเห็นในตอนแรกล้วนเป็นภาพเบลอๆ จากนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น สุดท้ายภาพที่มองเห็นคือหลังคาที่ทรุดโทรมมากๆ
“นังหนู…”
เขาเรียกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย มีมือเล็กอุ่นๆมาทาบที่หน้าผากของเขา จากนั้นเสียงที่ชัดและไพเราะของหลานเยาเยาดังผ่านเข้ามาที่หูของเขา
“ไข้ลดแล้ว วางใจได้แล้วล่ะ เจ้าไม่ตายหรอก”
“ทำไมต้องช่วยข้าด้วย? ข้าเป็นคนที่ใกล้จะตาย”
ก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยว่าที่หลานเยาเยาช่วยเขามีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่ เขาจะไม่สงสัยนางอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ในตัวนางจะยังมีข้อสงสัยมากมายที่เขาไม่เข้าใจก็ตามแต่นั่นก็ไม่เป็นไร และมันไม่สำคัญอีกแล้ว
เพราะว่านางได้ช่วยชีวิตเขาไว้
“ในสายตาข้า เจ้าคือเหรียญเงินหนึ่งพันตำลึง ข้าจะให้เหรียญเงินหนึ่งพันตำลึงเสียไปเปล่าๆได้ยังไงล่ะ”
“เฮอ เฮอ เฮอ เฮอ…”
ฟังเสียงที่ไม่พอใจของหลานเยาเยา ชายชราผมขาวยิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนๆ
“หยุดหัวเราะได้แล้ว ข้ามีเรื่องที่สำคัญมากจะบอกเจ้า” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลานเยาเยาเก็บสีหน้าที่ไม่พอใจทันที แปรเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจัง
“พูดมาเถอะ”
เขาดูเหมือนรู้แล้วว่านางจะพูดอะไรต่อ แต่เขาในตอนนี้ไร้ซึ่งความระมัดระวัง แค่รอนางพูดอย่างเงียบๆ
“ตอนที่เจ้ากำลังจะตาย ข้าได้ตรวจดูร่างกายเจ้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่ามีของชิ้นใหญ่มากหนึ่งชิ้นอยู่ในกระเพาะอาหารของเจ้า และสิ่งของนั่นอยู่ในกระเพาะเจ้ามานานหลายปี
หากไม่ใช่เป็นเพราะว่ากำลังภายในของเจ้าแข็งแกร่ง คาดว่าตอนนี้หลุมฝังศพของเจ้าอาจจะขึ้นเต็มไปด้วยหญ้าแล้ว และก็เพราะของที่อยู่ในกระเพาะนั่น ถึงทำให้ร่างกายเจ้าอ่อนเพลียถึงเพียงนี้ ทั้งยังส่งผลให้อวัยวะทั้งหมดค่อยๆเสื่อมสภาพลงอย่างช้าๆ
เจ้าจำเป็นต้องเอามันออกมา มิเช่นนั้น ครั้งหน้า ต่อให้ฮัวโต๋ยังมีชีวิตอยู่ก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว”
การตัดสินใจของการมีชีวิตต่ออยู่ในมือเขาแล้ว นางไม่มีสิทธิก้าวก่ายการตัดสินใจของเขา แค่เพียงบอกกล่าวความร้ายแรงของปัญหาให้เขาทราบก็พอแล้ว
ตอนช่วงเช้าที่ชายชราผมขาวไม่ยอมให้นางตรวจร่างกาย นางก็รู้แล้วว่า สิ่งของในกระเพาะของเขามีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้
บางทีของที่อยู่ในกระเพาะนั่น ก็คือสาเหตุที่หลานเฉินมู๋ขังเขาไว้ในคุกลับนานนับหลายปี
แต่ทว่าเขายอมตายเสียดีกว่าที่จะให้ใครล่วงรู้ความลับในร่างกายของเขา ซึ่งเขาได้พิสูจน์ตามนั้นแล้ว
ของที่อยู่ในกระเพาะสำคัญมาก
“เจ้าสามารถเอามันออกมาจากกระเพาะได้หรือ?” ชายชราผมขาวตกตะลึงหน่อยๆ
ฟังน้ำเสียงของหลานเยาเยา ดูเหมือนนางมั่นใจว่าจะช่วยเขาได้ ดังนั้นขณะที่ในใจรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ได้จุดประกายความหวังของเขา
“ได้” นางพยักหน้า
สำหรับนางแล้วเป็นเรื่องง่ายมาก แต่ว่าร่างกายของชายชราผมขาวอ่อนแออยู่แล้ว เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จของการผ่าตัดก็ลดลงไปด้วย
แต่ว่านางเชื่อมั่นในตัวเองมาก
ได้ยินดังนั้น
สายตาลึกๆของชายชราผมขาวแสดงอาการยิ้มดีใจ
การชำแหละโดยทั่วไปจะมีเพียงขุนนางชันสูตรศพเท่านั้นที่ทำได้ ไม่คิดว่าหลานเยาเยาก็ทำได้ อีกทั้งไม่ใช่ทำบนร่างศพ แต่ทว่าทำบนร่างคนที่ยังมีชีวิตอยู่และทำเพื่อรักษาคนให้หาย
กล้าถามว่าประเทศก่วงส้าทั่วหล้ามีสักกี่คนที่สามารถทำได้?
“นังเด็กบ้า เจ้าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์มาจากไหนกันแน่?”
ใครจะไปรู้
หลานเยาเยาหัวเราะเบาๆ สุดท้ายทำท่าทางชู่
“ข้าไม่ถามเจ้า เจ้าก็อย่าถามข้า” เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดให้มันชัดแจ้ง
“เฮอ เฮอ เฮอ…ดีดีดี แต่ว่านะ มีเรื่องหนึ่งเจ้าต้องรับปากข้าก่อน”
หลานเยาเยารู้ว่าเขาเป็นคนไม่ง่าย เขาก็รู้ว่าหลานเยาเยาไม่ใช่เป็นเพียงคุณหนูหกของจวนแม่ทัพเท่านั้น ทว่าการพบเจอก็นับว่ามีชะตาร่วมกัน เขาโอหังและถือดีมาทั้งชีวิต ถึงอายุที่ผมขาวเต็มหัว คิดไม่ถึงว่ายังมีใจคิดเห็นแก่ตัว
“พูดมาเถอะ สิ่งที่ข้าทำได้ ข้าจะพยายามเต็มที่ แต่ว่าอย่าคิดยืมเงินกับข้าเชียวล่ะ เพราะข้าจนมาก”
คำพูดนี้ทำเอาชายชราผมขาวหัวเราะเสียงต่ำ เขาส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนแรง
“นังเด็กบ้า เจ้าตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับหลานเฉินมู๋แล้วไม่ใช่หรือ? เอาอย่างนี้ เจ้ามาเป็นหลานสาวข้า”
คืนนั้น เรื่องที่หลานเฉินมู๋ตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับนาง กับเรื่องที่อ๋องเย่พานางหนีไป เขารู้ทั้งหมด แต่ว่าตอนนั้นลำพังตัวเขาก็เอาตัวรอดยากแล้ว ไม่สามารถช่วยนางได้
“ไม่เอา”
ตัวคนเดียวดีแล้ว อิสรเสรี ทั้งยังไม่มีข้อจำกัดใดๆ จะเอาปู่คนหนึ่งทำไมกัน?
เพื่อเป็นพระบนหิ้งหรือ? นาง
ไม่เอาหรอกนะ
“ไม่เอาจริง?”
“ไม่เอา” อารมณ์ของนางหนักแน่นมาก บอกว่าไม่ก็คือไม่ไง
“งั้นหากข้าใช้เหรียญเงินหนึ่งพันตำลึงซื้อตัวเจ้ามาเป็นหลานสาวข้าดีไหม?”
ได้ยินดังนั้น
นัยน์ตาของหลานเยาเยาเป็นประกายทันที เกือบจะพยักหน้าตอบรับ แต่เมื่อคิดได้ว่าบนตัวเขาไม่เพียงแต่ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว ยังติดเงินนางเหรียญเงินหนึ่งพันตำลึง สายตาอ่อนลงและส่ายหัวปฏิเสธทันที
“หากเจ้าสามารถเอาเหรียญเงินหนึ่งพันตำลึงออกมาได้ ข้าหลานเยาเยาจะกราบคำนับและเรียกเจ้าว่าคุณปู่”
นางรับประกันด้วยน้ำใสใจจริงน่าเชื่อถือ ปักใจเชื่ออย่างแน่นอนว่า เขาไม่สามารถเอาเหรียญเงินหนึ่งพันตำลึงออกมาได้
“จริงหรือ?” เขาถามอย่างแฝงความ
“…จริงสิ” ตอบกลับไปอย่างสงสัย
“ดีดีดี รอให้ข้าพักผ่อนเต็มที่ก่อนนะ ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง” ขณะที่พูด ชายชราผมขาวก็หลับตาลงอย่างเงียบๆ
เขาต้องการพักผ่อนดีๆ และต้องพยายามระลึกเรื่องราวในอดีต
หลานเยาเยายิ้มเยาะ และไม่ได้พูดอะไรอีก
ไอ้แก่นี่ไม่ใช่ว่าก่อนโดนจับ ได้ซ่อนของดีๆไว้มากมายหรอกนะ?
หรือรู้ว่ามีสมบัติอะไร ที่ยอมเอาออกมาตอนนี้ก็เพราะว่าต้องการให้นางมาเป็นหลานสาว และนางจะได้ตั้งใจผ่าตัดให้เขา
นางคิดพินิจ และรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง
แต่ทว่า
ชายชราผมขาวพานางมาถึงสถานที่ที่เขาได้พูดไว้ หลานเยาเยาตะลึงงันอ้าปากค้าง
สถานที่แห่งนี้ “โอ่อ่ายิ่งใหญ่” เกินไปปะ?