บทที่ 468 การมาถึงของราชครูเทียนเวิง
ต่อจากนั้นก็คือฮ่องเต้อ่านคำพูดมากมายใช้พูดโดยเฉพาะเวลาเซ่นไหว้
บลาๆๆเหมือนพระสวดมนต์ หลานเยาเยาเอาเท้าเขี่ยพื้นด้วยความเบื่อสุดๆ เคลื่อนไหวเล็กน้อย เหล่าขุนนางทหารก็ฟังจนมึนงง
แต่ก็ยังเงยหน้ามองตรงดูฮ่องเต้บนแท่นบูชา
ไม่มีคนสนใจการเคลื่อนไหวของหลานเยาเยา
เตะอยู่ครู่หนึ่ง เท้าค่อนข้างชาแล้ว อดไม่ได้ที่จะเอาสายตามองไปทางบนแท่นบูชาสูงๆ ถึงบันไดสองสามชั้นนั้น ที่อยู่บนพื้นที่ราบกว้างโล่ง ทั้งสี่ทิศล้วนวางเต็มไปด้วยกระถางธูปใหญ่เท่ากับสองคนโอบ
กระถางธูปตรงกลางแท่นบูชานั้นใหญ่ที่สุด นอกจากนั้นก็เล็กกว่านิดหน่อย
ด้านบนล้วนปักธูปที่จุดไว้ กลิ่นหอมอบอวลในอากาศ และไม่ได้ฉุนขนาดนั้น
รอจนฮ่องเต้กล่าวบทความยืดยาวเสร็จแล้ว
ฮ่องเต้ก็พยักหน้าต่อขุนนางทหารด้านล่าง กงกงผู้หนึ่งถือแส้ขนหางจามรีไว้ เดินออกมาจากที่ราบอีกทางด้านหนึ่ง ในมือถือกล่องหนึ่งกล่องที่ใส่ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าไว้ค่อยๆเดินขึ้นไปบนแท่นบูชา
ส่งมอบถึงมือฮ่องเต้ในที่สุด
ฮ่องเต้ชูกล่องขึ้นสูงๆด้วยมือข้างหนึ่ง กำลังต้องการพูดด้วยเสียงอันดังว่าอะไร?
ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมดังมา :
“ราชครูเทียนเวิงมาถึงแล้ว!”
เมื่อสิ้นคำพูด ราชครูเทียนเวิงที่สวมชุดเหมือนจีวรนักบวชลัทธิเต๋าก็เดินเข้ามาจากประตูใหญ่ มีคนติดตามเป็นแถวด้านหลัง
ผู้ที่แต่งกายแบบเดียวกัน ก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของราชครูเทียนเวิง พวกเขาคุมตัวคนสี่คนตามอยู่ด้านหลังช้าๆ
สี่คนที่โดนคุมตัวล้วนชุ่มไปด้วยเลือด น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
ราชครูเทียนเวิงนำคนถืออาวุธ บุกเข้ามาที่พิธีเซ่นไหว้ใหญ่ ยังจะคุมคนที่โชกเลือดสามสี่คนมาด้วย เป็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคลอย่างมาก
เพราะเหตุนั้น!
ฮ่องเต้ที่ยืนอยู่บนแท่นบูชาสูง หรี่ดวงตาที่ดูอันตรายลง สีหน้าไม่พอใจเป็นที่สุด
แต่ราชครูเทียนเวิงก็เหมือนกับว่ามองไม่เห็น พาคนด้านหลังมาถึงที่โล่งกว้างที่เหล่าขุนนางทหารอยู่ เหล่าขุนนางทหารรีบร้อนหลีกทางให้
ราชครูเทียนเวิงยืนนิ่งอยู่ตรงที่ราบด้านหน้าสุดของฝูงชน เขายังไม่พูดจา ฮ่องเต้ก็เดือดดาลอย่างมาก :
“ราชครูเทียนเวิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”
“กราบทูลฮ่องเต้ วันนี้เป็นพิธีเซ่นไหว้ใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
ราชครูเทียนเวิงตอบอย่างไม่รีบร้อนและไม่ช้า เหมือนกับปกติไม่มีผิด ไม่มีความเกรงกลัวฮ่องเต้แม้แต่น้อย
“ในเมื่อรู้ว่าเป็นพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ ท่านมาสายก็พอว่า คิดไม่ถึงว่ายังกล้าพาคนบาดเจ็บสาหัสมาด้วย เช่นนี้คือต้องการก่อความวุ่นวายแบบไหน? ก่อกบฏรึ?”
คาดโทษหนักขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ทนไม่ได้
แต่ราชครูเทียนเวิงเป็นใครล่ะ
เขาจะกลัว?
เพียงแต่ยาฉางตานยังไม่อยู่ในมือ เขายังจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ฮ่องเต้ผู้นี้ มิฉะนั้น เวลานี้เขาจะต้องพลิกตำแหน่งฮ่องเต้ของเขาแล้ว
ราชครูเทียนเวิงผมขาวเป็นกำ ด้วยประสบการณ์การเสแสร้ง ใครจะสามารถเทียบกับเขาได้?
ได้ยินวาจาที่เดือดดาลของฮ่องเต้ สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา กล่าวพร้อมทำมือเคารพด้วยความยำเกรงหวั่นกลัว : “ข้าน้อยยำเกรงพ่ะย่ะค่ะ ขอฮ่องเต้โปรดอภัย เหตุผลที่ข้าน้อยมาช้า ก็เพราะเพื่อคิดถึงความปลอดภัยของฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”
เขาชี้ไปทางมนุษย์เลือดสามสี่คนด้านหลัง ด้วยสีหน้าไม่พอใจ :
“ตอนนี้มีคนบางคนก็คือคนชั่วที่เป็นอันตราย แอบอ้างความปรารถนาการขอพรเพื่อประชาชน วางแผนการไม่เป็นผลดีต่อฮ่องเต้ ดังนั้น ข้าน้อยจับกุมพวกเขาแล้ว รีบมาคุ้มกันโดยเฉพาะพ่ะย่ะค่ะ”
คุ้มกัน?
ขอพรเพื่อประชาชน?
ปัจจุบันนี้ที่สามารถเกี่ยวข้องกับการขอพรเพื่อประชาชนได้ก็คือเทพธิดา ราชครูเทียนเวิงบอกว่ารีบมาช่วยคุ้มกัน ความหมายชัดเจนมาก นั่นก็คือเทพธิดาคิดไม่ดีต่อฮ่องเต้
“คุ้มกัน?” ฮ่องเต้จะไม่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร? แต่เขาก็ตะโกนเสียงดังทันที ไม่พอใจเป็นอย่างมาก : “เจ้ายังรู้จักคุ้มกัน? เจ้านำคนมากลุ่มหนึ่ง แต่ละผู้มือถือมีดคม ยังจะคุมตัวคนที่เต็มไปด้วยเลือดสามสี่คนอีก เช่นนี้คือไม่ได้เห็นพิธีเซ่นไหว้ใหญ่อยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง ยิ่งไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา จะบอกว่าคุ้มกันอะไร?”
เดิมทีฮ่องเต้ให้ความสำคัญต่อราชครูเทียนเวิงมาก และเชื่อใจมาก
อย่างไรเสีย!
ยาลูกกลอนที่ราชครูเทียนเวิงมอบให้เหล่านั้น สรรพคุณดีมาก เขายังหวังว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่ถึงหนึ่งร้อยปีเหมือนราชครูเทียนเวิง กระทั่งนานยิ่งกว่า
แต่ตอนนี้ยาฉางตานปรากฏขึ้น และกำลังใกล้จะออกค้นหา หากได้กินยาฉางตาน เช่นนั้นโฉมหน้าเขาก็จะไม่แก่ชราตลอดไปแล้ว ยังจะต้องการยายืดอายุเหล่านั้นของราชครูเทียนเวิงอีกหรือ?
บวกเข้ากับ หลังจากที่มีการปรากฏตัวของคนโดนมนต์ดำที่สวนว่างฮัว เขาก็เกิดความเชื่อมั่นต่อลูกชายของตัวเองเย่หลีเฉินขึ้น
สองสามเรื่องที่เย่หลีเฉินเอ่ยขึ้นโดยบังเอิญ เขาคิดลึกขึ้น เหมือนกับพบเจตนาที่ไม่ดีของราชครูเทียนเวิง
จากนั้น เขาก็ได้เกิดความสงสัยต่อราชครูเทียนเวิง
ราชครูเทียนเวิงความรู้รอบด้านเรื่องดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ ทำเรื่องใดล้วนถูกใจเขาอย่างสุดซึ้ง แต่ไหนแต่ไรไม่เคยผิดพลาดแม้สักนิด กระทั่งยอมกลั่นยาฉางตานเพื่อเขา ก็ไม่ได้ร้องขอการตอบแทนแม้แต่น้อย
ก็เพราะคนที่หาความผิดไม่ได้แม้แต่น้อย สำหรับฐานะฮ่องเต้แก่ที่เจ้าเล่ห์ เป็นเรื่องที่ไม่ดีจริงๆ
เป็นคนจะสามารถไม่ทำผิดได้เช่นไร?
และเวลานี้เห็นท่าทางเช่นนี้ของราชครู ดังนั้นจึงได้โมโหเป็นอย่างมาก
“ฮ่องเต้โปรดเย็นพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
ราชครูเทียนเวิงทำมือเคารพต่อฮ่องเต้อีกครั้ง หากว่าเป็นที่ผ่านมาเขาจะต้องคุกเข่าลงขออภัยโทษอย่างแน่นอน แต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิม
“ฮ่องเต้ ข้าน้อยทำเพื่อคิดถึงความปลอดภัยของฮ่องเต้จริงๆ หากว่าฮ่องเต้ไม่เชื่อ ก็ฟังข้าน้อยพูดให้จบ ถึงเวลาหากฮ่องเต้ยังอยากลงโทษ ข้าน้อยก็ไม่มีอะไรจะเอ่ยพ่ะย่ะค่ะ”
เห็นราชครูเทียนเวิงน้ำเสียงทรงพลัง สีหน้าแน่วแน่ ราวกับว่าคิดเพื่อเขาจริงๆ เขาขยับเล็กน้อย มองไปที่เหล่าขุนนางทหารครู่หนึ่ง จึงได้พยักหน้า
เห็นดังนั้น!
ดวงตาของราชครูเทียนเวิงก็มีความเยาะเย้ยที่สังเกตได้ยากฉายผ่าน
จากนั้นก็หันหลังโดยตรง เข้าไปหิ้วผู้ชายชุดสีม่วงเข้มแต่ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด หิ้วเขาเดินขึ้นไปทางแท่นบูชาทีละก้าวทีละก้าว
ชุดสีม่วงที่ย้อมไปด้วยเลือดนั้นเสียดแทงตาทั้งสองข้างของหลานเยาเยา
ตั้งแต่ที่ราชครูปรากฏตัว นางก็เห็นมนุษย์เลือดสามสี่คนนั้น เพียงแค่แวบเดียว นางก็รู้ว่าพวกเขาเป็นใครแล้ว
สวมชุดสีม่วง ถูกราชครูเทียนเวิงพาขึ้นไปบนแท่นบูชาก็คือหานแส ที่เหลือคนอื่นๆก็คือผู้ดูแลเรือแห่งความสิ้นหวัง แบ่งเป็นป่ายเม่ยเซิง ซาหมั่นเฉิงยังมีโจ๋จุนชิง
พวกเขาทั้งหมดมีบาดแผลนับไม่ถ้วน ทั้งร่างเป็นเลือด เห็นความเคราะห์ร้ายของเรือแห่งความสิ้นหวังได้ชัด เกรงว่าได้ถูกทำลายแล้ว
ที่แท้สองสามวันนี้ที่ราชครูไม่มาวุ่นวายกับนาง ที่แท้ก็คือรอนางในวันนี้!
นางจำเป็นต้องมั่นคง จะว้าวุ่นไม่ได้
มองดูราชครูเทียนเวิงในมนุษย์เลือดสี่คน ผู้ที่ไม่เหมือนผู้อื่นที่สุด เหล่าขุนนางทหารกระซิบกระซาบกันในชั่วพริบตา
นี่เพียงแค่มองก็ไม่ใช่คนธรรมดา!
ฮ่องเต้หรี่ตาลงและเหลือบมองอีกครั้ง ความสงสัยในใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ราชครูเทียนเวิงก็ไม่รีบร้อนอธิบาย แต่เดินไปถึงบนแท่นบูชา วางชายชุดคลุมสีม่วงไว้ด้านหน้า หลังจากให้ฝูงชนเห็นชัดเจนแล้ว
จึงค่อยๆเอ่ย :
“ฮ่องเต้ คนผู้นี้เรียกตัวเองว่าคุณชายหานแส สนิทสนมกับองค์ชายรัชทายาทเป็นอย่างมาก ข้าน้อยเคยตรวจสอบตัวตนของเขา กลับตรวจสอบไม่ได้ ราวกับว่าเขาปรากฏขึ้นในอากาศเช่นนั้น
ว่ากันว่าเขาก็คือเมื่อไม่กี่วันก่อน ใช้ฐานะเพื่อนเก่าขององค์ชายรัชทายาทเข้าไปที่งานชมดอกไม้ที่ถังมู่หวั่นลูกสาวของถังเฉิงเสี้ยงจัดตั้ง ก็คือวันนั้นที่คนโดนมนต์ดำปรากฏตัว
จากนั้นคุณชายหานแสผู้นี้ยังได้สังหารคนโดนมนต์ดำพร้อมกับเทพธิดา คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนในเมืองหลวง ตั้งแต่นั้นชื่อเสียงของคุณชายหานแสก็ดังสะเทือน แต่กลับปรากฏตัวต่อหน้าคนบนโลกน้อยมาก บรรดาผู้คนล้วนกล่าวว่าคุณชายหานแสถ่อมตนสงวนท่าทีไม่โอ้อวดพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าจับเขาทำไม?”
ในเมื่อสามารถหยุดยั้งคนโดนมนต์ดำพร้อมกับเทพธิดาได้ คิดว่าต้องมีความสามารถอยู่ ถ่อมตนไม่โอ้อวดไม่ดีหรอกหรือ?
หรือว่าคนผู้นี้เคยล่วงเกินราชครูเทียนเวิง?