บทที่ 470 จะต้องอดทนไว้
บนแท่นบูชายัญ เย่หลีเฉินอดไม่ได้ที่จะถอยหลังก้าวหนึ่ง
เป็นเขา!
เขาเป็นเจ้าของเรือเรือแห่งความสิ้นหวังจริงๆ ก่อนหน้าแม้ว่าเกือบมั่นใจว่าเป็นเขา แต่ไม่เคยมั่นใจขนาดนี้มาก่อน
มองดูท่าทางที่เจ็บปวดของเขา เขาอดกำหมัดแน่นไม่ได้
มือของหลานเยาเยากำหมัดแน่น แทบต้องการแทงเข้าไปในเนื้อ นางปิดตาเงียบๆ ใจครุ่นคิดร้อยรอบ วินาทีถัดมาก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
แววตายังคงสดใส แต่ในตากลับมีหมอกบางๆชั้นหนึ่ง
แม้จะพูดว่าหานแสหลอกใช้นางมาตลอด
แต่สามปีมานี้ เขาปกป้องนาง นำพาความสุขมาให้นางไม่น้อย ช่วยให้นางเป็นเทพธิดา ในส่วนที่นางได้บ่มเพาะอำนาจก็เปิดตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่ง
แม้ว่านางกับเขาจะพูดเสมอว่าเป็นความสัมพันธ์แบบความร่วมมือ
แต่ทั้งสองคนรู้ พวกเขาไม่ใช่เพื่อนแต่ดีกว่าเพื่อน ขณะนี้เห็นเขาเจ็บปวดขนาดนั้น หัวใจของนางจมลงสู่ก้นบึ้ง วิตกกังวลอย่างที่สุด
แต่เวลานี้ นางทำได้เพียงยืนอยู่
ก็ยืนอยู่นิ่งๆเช่นนี้ มุมปากยังปรากฏรอยยิ้มขึ้น……
เพียงแต่รอยยิ้มนั้นยิ้มจนค่อนข้างน่ากลัว กลิ่นอายที่เย็นยะเยือกยิ่งเกาะกลุ่มยิ่งหนาแน่ขึ้น จนหานแสไร้สติไปโดยสิ้นเชิง สลบไปอีกครั้ง
ราชครูเทียนเวิงจึงโยนเขาไปบนพื้น
มองดูเงาร่างสีม่วงเข้มที่ถูกย้อมด้วยเลือดไม่ไหวติงนั้น หลานเยาเยาแอบท่องในใจหนึ่งประโยค :
จะต้องอดทนไว้
“ฮ่องเต้ ตอนนี้ท่านเชื่อข้าน้อยแล้วหรือไม่”
ราชครูเทียนเวิงมองต่ำมาทางฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้สั่นเทาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความน่ากลัวขนาดนี้ของราชครู ความน่ากลัวนั่นไม่เคยมีมาก่อน
ด้วยเหตุนี้!
รีบพยักหน้าเหมือนไก่จิ๊กข้าวทันที :
“เชื่อ ข้าเชื่อแน่นอน ราชครูซื่อสัตย์ต่อข้าเป็นที่สุด ในเมื่อราชครูมาเพื่อคุ้มกันข้า เช่นนั้นเป็นใครที่ต้องการจะทำร้ายข้าล่ะ?”
ความเป็นจริงฮ่องเต้ได้สังเกตเห็นอะไรบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม!
หานแสเป็นเจ้าของเรือเรือแห่งความสิ้นหวัง และเทพธิดาต่อกรกับคนโดนมนต์ดำพร้อมกับเจ้าของเรือเรือแห่งความสิ้นหวังผู้นี้
เช่นนั้น ต่อจากนี้ ก็คือราชครูต้องการจัดการเทพธิดาแล้ว……
เขากลับอยากดู ราชครูที่น่าสะพรึงกลัวผู้นี้ ขัดแย้งกับเทพธิดาที่ลึกลับยากจะคาดเดา ใครจะเก่งกว่า?
ดังนั้นฮ่องเต้ก็ทำตามคำพูดของราชครู เริ่มเดินตามคำพูดของราชครู ยังไงซะความหมายโดยประมาณก็คือให้มอบอำนาจการจัดการให้เขา
แต่ว่า!
ราชครูเทียนเวิงก็ไม่ได้เปิดเผยโดยตรง เขากวาดมองเหล่าขุนนางทหารแวบหนึ่ง สายตากวาดไปถึงแถวสุดท้าย ในดวงตามีแววความประหลาดใจฉายผ่าน
เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็เคลื่อนสายตาจากไปอีกครั้ง ต่อจากนั้นก็เอาสายตามาไว้บนร่างของเทพธิดา น้ำเสียงที่แก่ชราค่อยๆดังออกมาจากปากของเขา
“ต้องพูดถึงในส่วนความสัมพันธ์ที่เก่งกาจ จำเป็นต้องเริ่มจากคืนที่ราชวงศ์เก่าโดนทำลายล้างคืนนั้น ราชวงศ์เก่าประสบอัคคีภัยธรรมชาติทำลายล้างชั่วข้ามคืน ลูกหลานเชื้อพระวงศ์ไม่มีผู้รอดชีวิต
ความจริงไม่เช่นนั้น นอกจากนี้ยังมีองค์ชายอีกหนึ่งท่าน ถือกำเนิดโดยฮองเฮาแห่งราชวงศ์เก่า พอดีในคืนนั้น ถูกคนคุ้มกันส่งออกจากพระราชวัง
ผู้ที่คุ้มกันองค์ชายผู้นั้น ความตั้งใจเดิมคือต้องการสังหารองค์ชายผู้นั้น เพราะนางเป็นนักฆ่าผู้หนึ่ง ได้รับคำสั่งให้สังหารองค์ชายผู้นั้น
แต่นักฆ่าผู้นั้น กลับลงมือฆ่าไม่ลง ด้วยเหตุนี้ จึงได้พาเขาไป คนผู้นี้ไม่ใช่คนอื่น นางก็คือนักฆ่าของยิงจวน และก็คือท่านแม่แท้ๆของหลานเยาเยาอดีตพระชายาเย่
คิดว่าทุกคนล้วนรู้ ท่านแม่แท้ๆของหลานเยาเยาเป็นอนุภรรยาผู้หนึ่งของจวนแม่ทัพก่อนหน้านี้ หลังจากเกิดเหตุนางจึงได้นำองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าผู้นี้ ส่งไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของราชวงศ์ ให้คนเลี้ยงดูแล
และนางเพราะเรื่องของพิณกู่ฉินจื่อหลิง ถูกคนวางยาพิษแล้วตาย ถูกฝังศพอย่างง่ายๆ”
พูดถึงท่านแม่แท้ๆ หลานเยาเยาหรี่ดวงตาลงอย่างไม่รู้ตัว
ที่แท้เหล่านี้ราชครูเทียนเวิงล้วนรู้อย่างกระจ่างแจ้ง……
เรื่องราวของราชวงศ์เก่า แม้ว่าฮ่องเต้มีความขัดแย้งในใจ แต่เมื่อได้ยินว่าองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่ายังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งราชครูยังรู้กระจ่างขนาดนี้ เช่นนั้นคิดว่าเขาจะต้องรู้เบาะแสขององค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าท่านนี้เป็นแน่
ฉะนั้นจึงรีบถาม :
“แล้วราชครูรู้หรือไม่ว่าตัวขององค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าผู้นี้อยู่แห่งใด?”
เขาหามาอย่างลับๆหลายปี ฆ่าผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของราชวงศ์แล้วมากมาย สุดท้ายกลับไม่ได้ฆ่าองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าจริงๆให้ตาย
ตอนแรกเริ่มเขาคิดว่าผู้นั้นที่ฆ่าตายในสุสานหลวงคือองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าตัวจริง เขายังนอนหลับอย่างไร้กังวลมาหลายปี ตอนหลังเพิ่งพบว่าความจริงแล้วไม่ใช่
บวกกับตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าปรากฏขึ้นด้วย ทำให้เขายิ่งเชื่อมั่นว่าองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่ายังมีชีวิตอยู่
“ฮ่องเต้ ไม่รีบร้อนพ่ะย่ะค่ะ เขายังหนีไปไม่ได้”
ราชครูเทียนเวิงรู้ว่าฮ่องเต้รีบร้อน เหตุนี้จึงทำให้เขาสงบอารมณ์จิตใจลงก่อน
นี่จึงทำให้ฮ่องเต้ที่หายใจไม่ทั่วท้องค่อยๆเย็นลงในที่สุด : “เรื่องนั้นเกี่ยวอะไรกับเรื่องราวในวันนี้?”
“ฮ่องเต้อาจจะไม่ทราบ หลานเยาเยาลูกสาวของนักฆ่าผู้นี้ ก็คืออดีตพระชายาเย่ นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับขุนนางทรยศของราชวงศ์เก่าเย่นเฉิงเสี้ยงเย่นโจกชิงอย่างยิ่งใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อคำพูดนี้สิ้นสุด บรรดาผู้คนก็เสียงดังเกรียวกราวขึ้นอีกครั้ง
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเขายังได้ฟังเป็นครั้งแรก
หลานเยาเยามีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉิงเสี้ยงของราชวงศ์เก่า เช่นนั้นอ๋องเย่ที่มีฐานะเป็นสามีของหลานเยาเยาล่ะ?
หรือว่าก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉิงเสี้ยงของราชวงศ์เก่าด้วย?
และหรือว่า อ๋องเย่รู้หรือไม่รู้เรื่องนี้? นี่ทำให้คนคิดไปเรื่อยแล้ว
“เกี่ยวข้องอะไร?”
ฮ่องเต้กำหมัดแน่นในฉับพลัน ดวงตาหรี่ลง
“เย่นโจกชิงคือคุณปู่บุญธรรมของหลานเยาเยา ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาคือปู่กับหลาน แม้ว่าเป็นการยอมรับ แต่ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่า นางมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์เก่า”
แม้แต่สิ่งนี้ก็รู้หมดแล้ว
หลานเยาเยาจ้องราชครูเทียนเวิงเขม็ง เวลานี้ราชครูเทียนเวิงก็จ้องมองนางติดๆ
บางทีนางอาจจะรู้แล้วว่าทำไมตาเฒ่าเย่นถึงไม่พบหน้านางสักที……
“แต่ ไม่ใช่ว่าหลานเยาเยาตายไปแล้วหรือ? เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง?”
ฮ่องเต้ไม่กล้าพูดว่าหลานเยาเยาเป็นพระชายาเย่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในใจเขาก็ต่อต้าน บวกกับอ๋องเย่เขาก็ไม่สามารถล่วงเกินได้ ดังนั้นเขาจึงทำเพียงเรียกชื่อ
“มีความเกี่ยวข้อง แน่นอนว่ามีความเกี่ยวข้องอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ สามปีก่อน นางไม่เพียงไม่ตาย อีกทั้งยังกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ไม่เช่นนั้น วันนี้ข้าน้อยก็คงไม่พาท่านชายหยิ่งมาที่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้ก็คงน่าจะได้แล้วสินะ สามปีก่อน เรือแห่งความสิ้นหวังแล่นไปใกล้กับชนเผ่าหยินไห่ และเป็นเวลาสามปีที่หลานเยาเยาตายไปพอดี
ต่อจากนั้นมา เรือแห่งความสิ้นหวังหายสาบสูญไปช่วงเวลาหนึ่งแล้วปรากฏตัวขึ้นอีก ครั้งนี้กลับไม่เหมือนเช่นเคย เปลี่ยนเจ้าของเรือแล้วไม่ว่า เดิมทีเรือแห่งความสิ้นหวังมีผู้ดูแลเพียงสามท่าน แล้วเพิ่มมาอีกหนึ่งท่านอย่างกะทันหัน เปลี่ยนเป็นผู้ดูแลใหญ่ทั้งสี่
หรือพวกท่านไม่รู้สึกประหลาดใจเลยหรือ?
ผู้ดูแลที่เพิ่มขึ้นมาใหม่เชี่ยวชาญวิชาการรักษา นิสัยแปลกประหลาด และไม่เคยเผยโฉมหน้ามาก่อน หมอที่ไปท้าประลองกับนางไม่เคยชนะมาก่อน มีบางคนถึงขั้นเอาวิชาการรักษาของนางมาเทียบกับหลานเยาเยา ก็แยกแยะฝีมือที่พอๆกันไม่ออก
แต่ผู้ดูแลท่านที่สี่นี้ ปรากฏตัวช่วงเวลาหนึ่งจากนั้นกลับหายตัวไป หลังจากนั้นเรือแห่งความสิ้นหวังก็มาถึงประเทศก่วงส้าอีกครั้ง และเริ่มตั้งแต่ตอนนั้น ทุกที่บนโลกเริ่มร่ำลือเรื่องราวเทพธิดาจุติเพื่อขอพรให้ประชาชน
สุดท้ายชื่อเสียงของเทพธิดาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร่ำลือความสามารถของนางลึกลับพิสดารเป็นที่สุด คล้ายกับว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
ตอนนี้เทพธิดาผู้นี้มาถึงเมืองหลวงประเทศก่วงส้า เพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ก็ทำให้ทั้งเมืองหลวงชุลมุนวุ่นวาย อันดับแรกคือจวนแม่ทัพ จวนเฉิงเสี้ยง ยังมีเรื่องการอยู่ร่วมกันในจวนของขุนนางชั้นผู้ใหญ่แต่ละคนออกมาอีก
เทพธิดาที่แท้แล้วขอพรเพื่อประชาชน หรือว่ามาเมืองหลวงเพื่อก่อพายุการนองเลือด คิดว่าไม่ต้องพูดมาก ทุกท่านก็คนเข้าใจแล้วสินะ?”
ราชครูเทียนเวิงเอ่ยถึงเทพธิดาอย่างไม่ปิดบังสักนิด บรรดาขุนนางล้วนมองไปทางนาง จากนั้นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้กับนางหน่อยก็ล้วนถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อพิจารณาเหตุการณ์แล้วก็ต้องรักษาระยะห่างกับนาง
มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่บางคนที่เพราะเหตุการณ์คาวเลือดเมื่อครู่ และเกรงกลัวราชครูเทียนเวิง แต่มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นธรรมบางท่าน……