บทที่ 482 ค่อนข้างรีบร้อน
หลานเยาเยามองสีท้องฟ้า สีท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง
อา!
ค่อนข้างรีบร้อน
นางมองไปยังทิศทางของเมืองหลวง ก็เห็นทหารม้ากองใหญ่มุ่งมาด้วยความเร็ว มีรถม้าหรูหราสองคันอยู่ตรงกลาง
ด้านหน้าสุด ผู้ที่นั่งอยู่บนม้าสูงใหญ่ก็คือเย่หลีเฉิน
เรื่องที่น่าแปลกก็คือ ฮ่องเต้อยู่ในวังมาหลายต่อหลายปี น้อยมากที่จะออกเดินทาง การที่เขานั่งรถม้านั้นไม่น่าแปลกใจ แต่ทำไมไม่ใช่รถม้าแค่คันเดียว แต่เป็นสอง?
นอกจากฮ่องเต้แล้ว รถม้าคันที่อยู่ด้านหลังเป็นใครกันแน่
ในตอนที่รถม้าของฮ่องเต้ใกล้จะถึงศาลาชีลี เขาก็สั่งให้คนดึงม่านรถม้าขึ้น มองร่างสีแดงในศาลาจากไกลๆ
เขายิ้ม!
เย่หลีเฉินไม่ได้หลอกเขา และยังให้เขาหาเทพธิดาเจอจริงๆ
แต่นั่นแล้วยังไง?
ราชบัลลังก์ของข้า ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้เหลือไว้ให้เขา
ถ้าหากได้ยาฉางตานมา เขาก็จะเป็นอมตะ หน้าเด็กตลอดไป ราชบัลลังก์ใครก็อย่าคิดว่าจะได้ เขาจะเป็นฮ่องเต้ ที่จะกำหนดราชบัลลังก์ของประเทศก่วงส้าไปอีกนานแสนนาน
แต่ว่า……
พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนฟ้าสาง นัยน์ตาของฮ่องเต้ก็ประกายความหวาดหวั่นออกมา
ขณะนั้น!
เขากำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือ ทำงานจุกจิกต่างๆมากมายอย่างน่าอึดอัด
และในห้องหนังสือ ก็มีองครักษ์วังหลวงป้องกันล้อมรอบไว้แน่น ปากของเขาอ่านแต่ยาฉางตาน ยาฉางตานอยู่ในใจตลอด มองยาพวกนั้นที่ขันทีส่งมาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกิน
จนสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะอยากฆ่าคน องค์ชายรัชทายาทก็มา และบอกกับเขาว่าหาที่อยู่ของเทพธิดาได้แล้ว ทำเอาเขาดีใจจนแทบกระโดด
เมื่อได้ยินสิ่งที่เทพธิดาฝากเย่หลีเฉินมา รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งล้ำลึก รอจนกระทั่งหลังจากเย่หลีเฉินจากไป เขาก็หยิบภาพวาดสาวงามสองแผ่นออกมากางออกอย่างดีใจ
เมื่อมองสาวงามสะดุดตาในภาพวาด ไฟแห่งความปรารถนาในแววตาก็ค่อยๆผุดออกมา จนสุดท้ายก็สุดจะทนจริงๆ เขาจึงส่งคนไปเรียกกุ้ยเฟยมา
ในไม่ช้า กุ้ยเฟยที่สวมชุดบางๆก็เดินมาอย่างเชื่องช้า บิดเอวอันผอมเพรียว มองเขาด้วยความรักสุดซึ้ง ท่าทางไม่ค่อยชัดเจนยั่วยุให้ฮ่องเต้ใจเต้นแรงอยู่แล้ว ทนไม่ไหวรีบโถมตัวเข้ามา
ไม่ได้สาวงามในภาพวาด ก็มาหาความสนุกผ่อนคลายกับกุ้ยเฟยที่หน้าตาสะสวย เพื่อมาเติมเต็มสิ่งที่ว่างเปล่าของตนเองก็ได้
เขารีบร้อนถอดเสื้อผ้าของกุ้ยเฟย ไม่มีแม้แต่การเล้าโลม ตรงเข้าเรื่องหลักเลยทันที ร่างที่พัวพันกำลังจะเตรียมจู่โจม เขาก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติในห้อง พอหันกลับไปมอง หัวใจที่เต้นแรงก็นิ่งไปในทันที
เขา……
เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ไม่ใช่ว่าองครักษ์วังหลวงล้อมห้องหนังสือไว้อย่างแน่นหนาแล้วหรือ? ไม่ใช่ว่าพูดว่า แม้แต่แมลงสักตัวก็บินเข้ามาไม่ได้หรือ?
เมื่อเห็นราชครูเทียนเวิงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเคร่งขรึม ฮ่องเต้ก็ตกใจ คลานลงจากตัวของกุ้ยเฟย และดึงกุ้ยเฟยมาขวางอยู่ข้างหน้าตนเอง
กุ้ยเฟยที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวมา นางก็ตกใจจนลืมปิดร่างกายตนเอง และร้องเสียงดัง
มีเสียง“ฟึบ”
อาวุธลับอันหนึ่ง อยู่ระหว่างคิ้วของกุ้ยเฟย(สนมเอก) นางเหมือนดอกไม้สวยดอกนึงที่เบ่งบานสวยงาม และจู่ๆก็เหี่ยวเฉา ล้มลงกับพื้นอย่างไร้ชีวิตชีวา เลือดหลั่งริน ไหลอยู่ที่พื้นช้าๆ
ใบหน้าของฮ่องเต้ซีดเผือด ทั้งตัวอ่อนแรงลงไปอยู่ที่พื้น แต่ก็ไม่อยากห่างจากผู้ตายไปไกล ปากขาวซีดพูดเสียงสั่นเทา:
“ท่าน……ท่านทำอะไร?”
ราชครูเทียนเวิงยิ้มอย่างกระหายเลือด ไม่พูดอะไร ทันใดนั้นก็เหมือนภาพเบลอจู่ๆก็มาปรากฏตรงหน้าเขายื่นมือไปบีบคอเขา และเม็ดยาสีดำเม็ดนึงก็ยัดเข้าไปในปากเขาทันที……