หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 487 รู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้า

บทที่ 487 รู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้า 

……

ตั้งแต่ออกจากบ้านส้งเย่นกุย ลมที่โหมกระหน่ำด้านนอก ก็เบาลงไปเยอะ แม้ทั้งสองคนจะเดินแถวเดียวกัน แต่ตั้งแต่ต้นยู่หลิวซูก็ตั้งใจเดินช้ากว่าหลานเยาเยาไปครึ่งก้าว เพื่อบ่งบอกถึงความเคารพต่อหลานเยาเยา

เพียงแต่ตอนนี้ ใจของเขามีความสงสัยรวมตัวกัน ไล่ยังไงก็ไม่ไป

“อยากถามอะไรก็ถามเถอะ! เก็บเอาไว้ในใจ ง่ายที่จะเป็นไข้ใจขึ้นมานะ”

“……”

ไข้ใจ……

ยู่หลิวซูพบว่า นอกจากหลานเยาเยาจะเอาจริงเอาจังตอนเรื่องการค้าแล้ว ตอนอื่นๆก็ไม่ได้เสแสร้ง ก็คือกินจุ นอกจากนี้ก็แกล้งหยอกล้อคนอื่น

แต่ว่า!

เขานั้นสงสัยจริงๆ

“เจ้าสำนัก ท่านเองก็พบใช่หรือไม่ ว่าวิธีการกลั่นยาของส้งเย่นกุยนั้นแปลกมาก? แต่ทำไมรอบสุดท่าน ท่านถึงให้พวกเราประลองยากล่อมประสาท ที่ข้าค่อนข้างชำนาญหล่ะ?”

สองปัญหานี้ เป็นสิ่งที่เขาคิดร้อยรอบก็คิดไม่ออก

หากพูดตามเหตุผล เจ้าสำนักเป็นคนยุติธรรมเที่ยงตรงถึงจะถูก อย่างไรเสีย การพบกับส้งเย่นกุยก็ค่อนข้าทำให้น่าสงสาร แต่ทำไมเจ้าสำนักถึงกลับมาเข้าข้างพวกตัวเองหล่ะ?

“เจ้าจะบอกว่าวิชาการรักษาของข้าแปลกงั้นรึ?”

“ไม่ ไม่ใช่ กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น กระหม่อมจะบอกว่า……”

ยู่หลิวซูยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆก็หยุดฝีเท้าลง มองหลานเยาเยาอย่างตะลึง

ใช่แล้ว!

วิธีการกลั่นยาของส้งเย่นกุยมีรูปแบบเดียวกันกับเจ้าสำนัก มิน่าหล่ะว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้? ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

วิชาการรักษาของส้งเย่นกุย เจ้าสำนักคงไม่ได้สอน?

จู่ๆยู่หลิวซูก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย เจ้าสำนักก็พูดอยู่ว่าสอนเขาเพียงคนเดียว

แต่พอคิดๆไปชั่วพริบตาเดียว ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แม้เจ้าสำนักจะเคยไปหลากหลายที่ แต่ก็ไม่เคยมาที่ทะเลทราย เป็นไปไม่ได้ ที่จะสอนวิชาการรักษาให้ส้งเย่นกุย

พูดอีกอย่าง ตอนที่ส้งเย่นกุยพบกับเจ้าสำนัก ก็ไม่ได้แสดงท่าทางที่คุ้นเคยสักนิด

งั้นก็ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง

ก็คือ……

“เจ้าสำนัก ส้งเย่นกุยคงไม่ใช่ศิษย์พี่น้องร่วมสำนักกับท่านใช่ไหม?”

ได้ยินเช่นนั้น!

หลานเยาเยาชำเลืองตามองยู่หลิวซูอย่างจนปัญญา แววตาที่มีความล้มเหลวเล็กๆของยู่หลิวซูเกิดอะไรขึ้น?

คงไม่คิดว่าตนเองสอนน้อยไปใช่ไหม?

“ยังศิษย์ร่วมสำนักอีกหรือ? เจ้าสำนักของเจ้ายังไม่มีอาจารย์เลย แล้วศิษย์พี่น้องร่วมสำนักจะมาจากไหน?”

วิชาการรักษาของนางมาจากยุคปัจจุบัน เชื่อมกับจีนและตะวันตก หลังจากที่วิญญาณข้ามภพมาที่นี่ ก็ได้ปรับปรุงแก้ไขไปตามสถานการณ์ของที่นี่ สามารถเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกัน ระหว่างยาตะวันตกและยาสมุนไพรได้

ส่วนส้งเย่นกุย ตามส่วนประกอบของยาตะวันตก ก็ใช้สมุนไพรมาแทน ซึ่งแทบจะเหมือนกับวิธีของนาง

ดังนั้นในตาสุดท้าย

นางจึงให้พวกเขาประลองยากล่อมประสาท ที่ยู่หลิวซูชำนาญที่สุด

อย่างไรเสีย!

ยาชนิดกล่อมประสาทนี้ เป็นสิ่งที่นางไม่ชำนาญ คิดไม่ถึงว่าก็จะเป็นสิ่งที่ส้งเย่นกุยไม่ชำนาญเหมือนกัน

นี่เป็นเรื่องบังเอิญไหม?

เมื่อครู่นางเพิ่งแอบทดสอบหยั่งเชิงเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนโบราณแท้ๆ ไม่ได้เป็นคนที่วิญญาณข้ามภพเหมือนนางแน่ๆ

นี่ก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่……

“อ้อ งั้นก็ดี”ยู่หลิวซูแอบถอนหายใจ 

โชคดีที่ไม่ใช่ศิษย์พี่น้องร่วมสำนักของเจ้าสำนัก ไม่เช่นนั้นคนที่มีพรสวรรค์และมีมันสมองในการเรียนวิชาการรักษาอย่างส้งเย่นกุย เขารู้สึกว่าเขาจะต้องตกกระป๋องแน่

“เจ้าว่าไงนะ?”หลานเยาเยาเลิกคิ้วมองเขา

“……ไม่ ไม่มีอะไร กระหม่อมแค่รู้สึกแปลกใจ ด้วยวิชาการรักษาที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าสำนักแล้ว จะมีคนที่มีวิธีการเหมือนท่าน”

“ไม่เห็นแปลก โลกกว้างใหญ่ มีเรื่องที่คาดไม่ถึงมากมาย

อา!

ไม่เพียงแต่ส้งเย่นกุยที่แปลก แม้แต่การมีอยู่ของทั้งหมู่บ้านก็แปลก

ไปเถอะ!”

พอคำพูดนั้นออกไป!

ยู่หลิวซูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบที่หลัง หันมองรอบด้านทันที

ได้ยินหลานเยาเยาพูดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าสถานที่นี้ดูลึกลับขึ้นมาทันที

หมู่บ้านนี้เป็นเหมือนสถานที่ในอุดมคติ มีภูเขา มีน้ำ มีบ้านเรือน กลางหมู่บ้านยังมีต้นไม้โบราณมหัศจรรย์พันปีอยู่ต้นนึง ล่างต้นไม้โบราณก็มีบ่อน้ำเก่าอยู่บ่อนึง ในบ่อก็มีน้ำพุที่มีน้ำไหลไม่ขาดสาย คอยหล่อเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน ซึ่งไม่เข้ากันกับสภาพทั้งหมดของทะเลทรายเลย……

หรือที่นี่ทั้งหมดจะเป็นภาพลวงตา?

……

ตกกลางคืน

ทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในความมืดมิด เทียนในแต่ละครัวเรือนก็ค่อยๆดับลง นอกจากเสียงลมที่ดังมาเป็นครั้งคราวจากด้านนอก สิ่งอื่นๆทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ

หลานเยาเยานั่งอยู่หน้าหน้าต่าง แม้เทียนจะดับแล้ว แต่นางก็ใช้มุกเย่หมิงส่องแสง

ในใจก็รู้สึกงงงวย ใช้ความคิดสื่อสารกับระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

“ระบบ ช่วงนี้เงียบมากเลยนะ! ไม่ใช่ว่าภารกิจเลื่อนขั้นระบบครั้งสุดท้ายออกมาแล้วหรือ?”

ระบบเงียบไม่พูด!

“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าชอบพูดอยู่ในหัวข้าไม่หยุดหรือไง?” ทำไม พอเข้าทะเลทรายก็หมดแรงไปเลยหรือ? คงไม่เหมือนตอนที่เผ่าหยินไห่นะ! มีอุกกาบาตมาส่งผลกระทบต่อเจ้าอีกหรือ?”

ระบบยังคงไม่พูด

หลานเยาเยาหมดความอดทน ยื่นคำขาด

“ถ้ายังไม่พูดอีก ข้าจะให้เจ้าพูดไม่ได้ตลอดไป” เมื่อเห็นว่าในสมองยังไม่มีเสียงดังมา นางก็พูดอย่างไม่ลังเลว่า “ปิดระบบปัญญาประดิษฐ์……”

【……เดี๋ยวก่อน ข้าน้อยมี มีสิ่งจะพูด】ระบบยอมแพ้ในวินาทีสุดท้าย

สำหรับที่สุดท้ายระบบก็ยอมพูด หลานเยาเยาก็ยกมุมปากขึ้น นัยน์ตาประกายความเจ้าเล่ห์

ต้องให้ขู่ถึงจะได้ผล!

“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ไม่ต้องอ้ำๆอึ้งๆ อารมณ์ข้าไม่ได้ดีนัก” 

【อารมณ์ของข้าน้อยไม่ดีนัก รู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้า ร่างกายและจิตใจไม่แข็งแรงมาก】

หลานเยาเยา: “……”

มันเป็นแค่ระบบ นอกจากจะพูดได้ และคิดรูปแบบในสมองได้แล้ว ยังสามารถรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้าได้อีกหรอ? นางไม่รู้จะยังไงกับมันแล้ว

แต่ว่า!

เสียงพูดของระบบค่อนข้างติดขัด ดูท่าทางน่าจะมีปัญหา ดังนั้นจึงทำให้จิตใจสงบและถามอย่างจริงจัง

“ไม่สบายตรงไหน? ข้าจะปรับปรุงแก้ไขให้ เป็นเหมือนกับตอนที่เผ่าหยินไห่หรือไม่ ที่ได้รับการรบกวนจากนอกโลก?”

ตั้งแต่เห็นหมู่บ้านฝันฮั๋ว นางก็สังเกตเห็นความผิดปกติในสถานที่นี้

คงไม่ใช่ว่ามีอุกกาบาตอีกลูกนะ?

【ไม่ใช่ มันรุนแรงกว่าครั้งนั้น ร่างกายนั้นอ่อน อ่อนล้าจริงๆ ไม่สบายร่างกายและจิตใจมากๆ ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง ที่ทำให้ข้าอยากจะกระโดดออกจากจิต จิตสำนึกท่าน】

ว้าว!

มีแบบนี้ด้วย?

ทันใดนั้น นางก็ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา คิดวิธีมากมายขึ้นมาในทันที ในที่สุดก็เปิดการวินิจฉัยโรคอัจฉริยะ และสแกนระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งหมดรอบนึง

นี่เป็นวิธีการที่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ใช้ไม่ได้

【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด สมรรถนะระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บดีหมด การเลื่อนขั้นรอครั้งต่อไป ไม่มีการรบกวนจากนอกโลก สมรรถนะแกนกลางไม่มั่นคง ต้องรักษาทันที การวินิจฉัยเสร็จสิ้น!】

“ระบบ เจ้าป่วยจริงๆ อีกทั้งยังไม่สามารถซ่อมแซมด้วยตัวเองได้ รอสักครู่ ข้าจะใช้ความคิดรีบูตรูปแบบการรักษาการจำศีล เจ้าอาจจะจำศีลไปสองสามวัน ใช้รูปแบบนี้ครั้งแรก ไม่ต้องกลัว ก็เข้าใจว่าข้านั้นปิดรูปแบบปัญญาประดิษฐ์ก็ได้”

แม้จะคุ้นเคยและจำการใช้รูปแบบต่างของระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ขึ้นใจแล้ว

แต่ตั้งแต่ปลูกถ่ายระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมา นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดปัญหาแบบนี้ จิตใจนางจึงไม่ค่อยสงบ

กล่าวไว้ว่า

หลังจากระบบจำศีล ของที่อยู่ในช่องว่างจะเอาออกมาไม่ได้?

แต่จำศีลสองสามวัน น่าจะเป็นปัญหา?

ไม่ได้!

หลานเยาเยารีบหยิบอาหารเลิศรสกองใหญ่ออกมาจากช่องว่าง หลังจากนั้นก็เตรียมใช้ความคิด เปิดใช้งานรูปแบบการรักษาการจำศีล

แต่พอจะเริ่มแล้วจริงๆ

ก็เบิกตามองกว้างทันที……

เปิดรูปแบบการรักษาการจำศีลไปแล้ว อีกทั้งยังไม่ใช่แค่ครั้งเดียว จะเป็นไปได้ยังไง?

เห็นๆอยู่ว่ายังไม่เคยเปิดใช้……

 

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset