บทที่ 497 หนังแกะม้วนมีทารกยักษ์นอน
ส้งเย่นกุยมองมือที่ยื่นออกมา โดยใช้มือข้างหนึ่งปิดใบหน้าตัวเอง และหันหน้าหนี แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น และลุกขึ้นมา
ทำอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นบ้าง เขาก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวได้เหมือนกัน
“ซ๊วะ” มีเสียงดัง
มีขวดยาโยนมา ส้งเย่นกุยสามารถรับไว้ได้ เมื่อเห็นว่าโยนมาจากมือของเย่หลี่เฉิน และโยนมันกลับไปอย่างแม่นยำทันที
ยา ข้าไม่ต้องการ!
เขาเดินมาใกล้หลานเยาเยา ดูแผนที่ภูมิประเทศที่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนเต็มที่ ลูบใบหน้าของตัวเอง และถามอย่างหดหู่
“เมื่อกี้เจ้าก็อยากต่อยข้าเหรอ?”
หลานเยาเยาที่มุ่งมั่นกับการสังเกตแผนที่ภูมิประเทศ ได้ยินคำถามนี้ ไอเล็กน้อย หันหน้าไปมองเขา เห็นใบหน้าบวมช้ำของเขา และเลิกคิ้วด้วยความตกตะลึง และพูดด้วยความโกรธเคือง
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ใครลงมือทำเจ้า? ผิวหนังที่บอบบางนุ่มนวลเช่นนี้ ยังทำได้ลงคอ กดขี่ข่มเหงกัน ข้าจะช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้เจ้า”
“ช่างมันเถอะ เมื่อเปรียบเทียบแล้ว พวกเขามีความซื่อสัตย์และจริงใจมากกว่า”
“… …”
โอ้!
เริ่มมีอารมณ์ฉุน
ไม่มีทางเลือก หลานเยาเยารีบหยิบขวดยาขี้ผึ้งคุณภาพดีออกมาจากแขนเสื้อ ตัดสินใจแน่วแน่ เหลือบมองไปข้างๆ แล้วยื่นให้ส้งเย่นกุย
“สิ่งนี้ให้เจ้า บำรุงใบหน้าให้สวยงาม ขจัดความเจ็บปวดและความช้ำ แค่ทานวดก็เห็นผล มีค่ามาก และหายากมากหลังจากผ่านหมู่บ้านนี้… …”
ยังพูดไม่ทันจบ ค่อยๆยื่นมือมา ยาขี้ผึ้งคุณภาพดีก็ถูกหยิบไป
หัวใจนางเต้นแรง นั่นมันเป็นยาขี้ผึ้งคุณภาพดี!
“ขอบคุณเทพธิดา!” ส้งเย่นกุยรับไว้อย่างใจเย็น
เพียงแค่มองไปที่ขวดขนาดเล็กละเอียด ก็รู้ว่าขวดนั้นเป็นของหรูหราราคาแพง ขวดราคาแพงเช่นนี้ ข้างในจะบรรจุยาที่ธรรมดาได้หรือ?
ยังไงก็โดนต่อยมาแล้ว ไม่เอาก็เสียดายแย่
เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดใจของเทพธิดา ก็รู้ว่านางเสียดายแค่ไหน
“อืม? มันดูเหมือนกับทารกยักษ์สีโคลนที่นอนอยู่ เคยมีอยู่ในภาพวาดทิวทัศน์ที่รุ่งเรืองมาก่อน แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแผนที่ภูมิประเทศของทะเลทรายก็ยังมีมัน แล้วรูปร่าง สีและท่าทางการนอนของมันก็เหมือนเดิม และไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นเพราะทารกยักษ์ที่นอนหลับสีไม่เคยจางหาย? หรือเป็นเพราะแผนที่ภูมิประเทศในทะเลทรายนี้ยังไม่ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์?” หลานเยาเยาประหลาดใจเล็กน้อย
นางมักจะรู้สึกแบบนี้
รูปแบบทิวทัศน์อันงดงามที่ไม่เคยจางหายไปก่อนหน้านั้น คือลักษณะดั้งเดิมของทะเลทรายแห่งนี้ แต่ผ่านมานานหลายปี
ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
แต่ว่า!
หลานเยาเยาคิดว่าความคิดนี้ไร้สาระ แต่ว่า ความคิดนี้ แวบผ่านเข้ามาในหัวใจของนาง
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจมากก็คือ พระคุณเจ้าหยวนซูที่ส้งเย่นกุยพูดถึง มีคนเช่นนี้หรือไม่? และคนๆนี้เป็นคนแบบไหน?
ในหนังแกะม้วนซ่อนไว้ซึ่งแผนที่ภูมิประเทศของทะเลทราย ใครกันแน่ที่เป็นคนวาดออกมา? เทพธิดาคนก่อนนั้นหรือ? หรือเป็นพระคุณเจ้าหยวนซู?
นอกจากนี้
ส้งเย่นกุยที่ติดตามมาคนนี้คือใครกันแน่? ทำไมวิชาการรักษาของเขาถึงเหมือนกับของนาง?
คำถามหลายอย่างแวบเข้ามาในสมองของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจ้าสำนัก ตอนนี้พวกเราจะเดินไปตามแผนที่ภูมิประเทศของหนังแกะม้วนนี้หรือไม่?”
ยู่หลิวซูเดินไปใกล้หลานเยาเยา และเห็นว่าหลานเยาเยากำลังมองหนังแกะม้วนอย่างเหม่อลอย ก็ขัดจังหวะการครุ่นคิดของนาง
“อืม แผนที่ภูมิประเทศของหนังแกะม้วนไม่แตกต่างจากแผนที่ภูมิประเทศทะเลทรายที่ข้าวาด แต่แผนที่ภูมิประเทศในหนังแกะม้วนนั้นครอบคลุม และละเอียดกว่า หากไปตามแผนที่ภูมิประเทศนี้ สามารถหลีกเลี่ยงทางอ้อมได้เยอะ”
มีเพียงสิ่งเดียวที่นางไม่เข้าใจ
คนที่สามารถวาดแผนที่ภูมิประเทศของทะเลทรายได้อย่างพิถีพิถันเช่นนี้ เขาเคยเข้าไปที่ต้นไม้คู่ในวังน้ำแข็งใต้ดินเหมือนนางหรือเปล่า?
ยู่หลิวซูพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วต่อจากนี้พวกข้าจะเดินไปทางไหน?”
หลานเยาเยามองท้องฟ้า แม้ว่าพระอาทิตย์จะยังไม่ตกดิน แต่ก็เป็นเวลาเกือบค่ำแล้ว
เย่แจ๋หยิ่งบอกว่า เขาจะรีบมาโดยเร็วที่สุด… …
เรื่องของดอกกระดูกขาวจัดการไปถึงไหนแล้ว?
เขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่?
แล้วเมื่อไหร่จะมาถึง?
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะรอเขา คงจะเข้าไปในทะเลทรายหลายวันแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินไปได้แค่นี้
เฮ้อ… …
นี่มันแค่ไม่นาน! นางก็คิดถึงเขาเหลือเกิน
เขาละสายตาออกจากหนังแกะม้วน และเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า ตรงนี้ห่างจากภาพตรงจุดทารกยักษ์นอนยังมีระยะหนึ่ง นางต้องยื้อเวลาอีกหลายวัน
“เริ่มมืดแล้ว ไปที่เนินทรายข้างหน้าแล้วตั้งกระโจม”
“ได้!”
หลังจากหารือกันแล้ว พวกเขาก็ขี้ม้ามุ่งไปข้างหน้า และก่วงส้าฮ่องเต้ก็ลงจากหลังม้าแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาขี่ม้าอย่างชักช้าก็อดไม่ได้ที่จะเหล่ตา
“มานี่ เรียกองค์ชายรัชทายาทมา”
หลังจากนั้นไม่นาน
เย่หลี่เฉินขี่ม้าไปหาฮ่องเต้ก่วงส้า เมื่อเห็นสีหน้าฮ่องเต้ก่วงส้าไม่ดี เขาก็งุนงง แต่ก็โค้งคารวะด้วยความเคารพ
“เสด็จพ่อเรียกลูกเหรอ?”
“ก็ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร” ฮ่องเต้ก่วงส้าครุ่นคิด พลางมองไปที่เย่หลี่เฉินอย่างเคร่งเครียด เมื่อกี้เทพธิดาหยุดอยู่ตรงนั้นตั้งนาน เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
สีหน้าของเย่หลี่เฉินขรึมลง เมื่อกี้เขาได้เดินไปด้านหน้าเพื่อสำรวจทาง แม้ว่าจะรู้ว่าหลานเยาเยาหยุดไปชั่วขณะ และผู้ใต้บังคับบัญชาของนางดูเหมือนจะลงไม้ลงมือ สำหรับเกิดเรื่องอะไรนั้น เขาก็ไม่ได้ถาม
ตอนกลับมา เห็นในมือหลานเยาเยาถือกระดาษสีเหลืองเก่าๆ
“เมื่อกี้ลูกไม่ได้อยู่กับเทพธิดา และไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร”
“ฮึ! เจ้าโง่ เจ้าคิดว่าตัวเองยังอยู่ในเมืองหลวงเหรอ? ตอนนี้อยู่ในทะเลทราย ถ้าประมาทเล็กน้อยมีทางเดียวคือตาย เทพธิดากล้าที่จะรุกรานกระทั่งอดีตราชครูใหญ่ และจิตใจของนางก็ไม่ใช่พระโพธิสัตว์
เจ้าต้องคอยจับตาดู ช่วงนี้ต้องคลุกคลีกับพวกเขาชั่วคราว มีเรื่องอะไรต้องรีบรายงานให้ข้า เพื่อไม่ให้คนอื่นใช้เป็นโล่กันบัง จะตายอย่างไรก็ไม่รู้”
ตอนแรกฮ่องเต้ก่วงส้าต้องการตำหนิองค์ชายรัชทายาทอย่างแรง
จากนั้นให้เขาส่งมอบองครักษ์ที่เขาฝึกฝนมาอย่างดี หลายวันมานี้ฮ่องเต้มองเห็นความอดทนต่อความยากลำบากขององครักษ์ ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหวนั้นอยู่ในสายตาของเขา และอยากจะเอามาเป็นคนของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้องค์ชายรัชทายาทที่ไร้ประโยชน์คนนี้ยังคงมีค่าให้เขาหลอกใช้
เมื่อเห็นสายตาของฮ่องเต้ก่วงส้าที่น่าขยะแขยง เย่หลี่เฉินก็หลบสายตาที่เยาะเย้ยตัวเอง และก้มศีรษะตอบ
“ลูกเข้าใจแล้ว!”
เย่หลี่เฉินพึ่งก้าวเท้าเดิน ขันทีที่เดินตุ้งติ้งมาตรงหน้าฮ่องเต้ก่วงส้า น้ำเสียงของเขาก็ตำหนิ
“ฮ่องเต้ องค์ชายรัชทายาทยิ่งอยู่ยิ่งไม่เคารพท่าน อาจจะเอนเอียงไปหาคนอื่นแล้ว ต้องป้องกันไว้!” ขันทีคุกเข่า ก้มหัวของเขาลดลงเล็กน้อย และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแผนชั่วร้าย
เมื่อเห็นดวงตาของฮ่องเต้เคร่งขรึม ใบหน้าของเขาหมองลงในทันที เขารู้ว่าฮ่องเต้ก่วงส้าได้เชื่อฟังคำพูดของเขา
เข้าใจความหมายของเขา ขอเพียงเริ่มมีความสงสัยขึ้นมาก็ดีมากแล้ว
จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องพูด แววตาเป็นประกายขึ้นมา
“ฮ่องเต้ ข้าน้อยรู้ว่าทำไมเมื่อกี้เทพธิดาถึงหยุดลง” ฮ่องเต้ก่วงส้ามองมา เขาก็โน้มตัวไปข้างหน้าทันที และกระซิบเบาๆ
ส้งเย่นกุยที่มาจากหมู่บ้านที่ฝันฮั๋ว ได้มอบหนังแกะม้วนแก่เทพธิดา ซึ่งเป็นแผนที่ภูมิประเทศของทะเลทรายลึกลับแห่งนี้เมื่อกี้เห็นเทพธิดาและพวกเขาแอบวางแผนกันสักพัก และพวกเขาอาจวางแผนที่จะไปกันเอง”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้!
ความเป็นปรปักษ์ของฮ่องเต้ก่วงส้ายิ่งทวีคูณมากขึ้น สายตาจ้องมองไปที่หลานเยาเยาและคนอื่นๆที่ขี่ม้าอยู่ไกลออกไป หน้าดำคล่ำเครียด ดูแย่มาก
“เป็นเรื่องจริงเหรอ?”