หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 516 เลี้ยงกองทัพมดเล่น

บทที่ 516 เลี้ยงกองทัพมดเล่น 

หลานเยาเยาใจสั่น จากนั้นก็หรี่ตา

ท่าทางแบบนี้ น่าจะเป็นท่าทางแบบที่ส้งเย่นกุยเป็นตั้งแต่แรก!

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผยออกมาโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย หรือจะพูดได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงใบหน้าที่แท้จริงของเขาออกมาต่อหน้านาง

“ส้งเย่นกุย รีบคิดวิธีเร็ว”

นี่คือประโยคที่หันไปพูดกับส้งเย่นกุยเป็นประโยคแรก เสียงนี้ไม่ใช่การขอร้องอธิษฐาน แต่เป็นความรู้สึกเชื่อใจอย่างไม่มีเหตุผล

นี่ทำให้ส้งเย่นกุยตกใจเล็กน้อยไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างสุภาพ พูดอย่างไม่ร้อนรนว่า:

“วางใจได้ ปล่อยให้ข้าจัดการ”

พอสิ้นเสียง ท่าทางของส้งเย่นกุยกลายเป็นจริงจังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มีรอยยิ้มแปลกๆออกมาที่มุมปาก

เขายื่นแขนเรียวยาวออกมา บ่มเพาะพลังขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นตรงหน้า ทำให้คนรู้สึกถึงความบีบรัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากนั้นก็กวาดมาทางพวกเขา

ในทุกสถานที่ที่กวาดไป ก็เหมือนกับเกิดลมพันโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ทำเอากองทัพมดทะเลทรายที่พุ่งมาโจมตีพวกเขาด้วยความเร็วต้องบินออกไปสองด้าน

เพียงวรยุทธ์โบกมือแค่ครั้งเดียว ถนนที่กว้างขวางปลอดภัย ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา……

พวกเขาทั้งกลุ่มล้วนตกใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร รีบบินไปทางส้งเย่นกุยอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่กองทัพมดทะเลทรายถูกลมแรงพัดไปก็รวมตัวกันขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว และมุ่งไปล้อมยังทิศทางที่พวกเขาหนี

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ที่พวกเขามุ่งไปทางส่วนลึกของทะเลทราย และก็ไม่รู้ว่ากองทัพมดทะเลทรายที่ไล่ๆมาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยรวม ตลอดทางพวกเขาสนใจแต่วิ่งและบินหนี ไม่มีใครทันหันกลับไปมอง

พูดตามจริง ตั้งแต่หลังจากที่ส้งเย่นกุยช่วยพวกเขาหนีออกมาจากวงล้อมของกองทัพมดทะเลทราย ส้งเย่นกุยก็นำทางพาพวกเขามายังส่วนลึกของทะเลทราย

จนถึงตอนนี้ ส้งเย่นกุยก็หยุดลงตรงที่เนินทรายสูงๆ

หันหลังให้พวกเขา ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ ผมไม่ยุ่งเหยิง เสื้อคลุมโรยลงตามสายลมเอื่อยๆเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกไม่เหมือนจริง

ที่แตกต่างกับส้งเย่นกุยอย่างชัดเจนก็คือพวกกลุ่มของหลานเยาเยา

ผมเผ้าของพวกเขายุ่งเหยิง เสื้อผ้าสกปรกตั้งแต่การโจมตีของทรายเหลือง ท่าทางก็ดูจนตรอก

จื่อเฟิงเป็นผู้เดียวที่พลังงานหมดไปเร็วที่สุด!

อย่างไรเสีย!

ที่ไหล่ของเขายังแบกเย็นหงอยู่

แม้เย็นหงจะผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แต่ก็มีสิ่งที่แบกอยู่บนไหล่อย่างน้อยประมาณแปดสิบกิโล หามเอาไว้ตลอดทาง จื่อเฟิงก็ยังสามารถตามฝีเท้าพวกเขาได้ทัน มันเกิดขีดจำกัดแล้ว

หลังจากที่เห็นว่าส้งเย่นกุยหยุด

จื่อเฟิงก็วางเย็นหงลง หลังจากที่หลานเยาเยาจับชีพจรให้นางด้วยความเร็ว ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“นางไม่ได้เป็นอะไรมาก คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะฟื้น ป้อนน้ำให้นางเสียหน่อย!”

หลานเยาเยาหยิบกาน้ำเพียงใบเดียวจากเอวส่งให้จื่อเฟิง

จื่อเฟิงมองคุณหนูของตนเองด้วยสีหน้าแปลกใจ จากนั้นก็มองเย็นหงที่เอนอยู่ในอ้อมแขน ในที่สุดก็รับกาน้ำมา เงยหน้าให้จิบน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งไปที่ริมฝีปากแตกซีดของเย็นหง

นี่เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด!

ไม่เปลืองน้ำ และยังสามารถให้เย็นหงดื่มลงไปได้

“นางไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เย่หลีเฉินมาข้างกายหลานเยาเยา มองการกระทำของจื่อเฟิง ก็แปลกใจเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร!”

หลานเยาเยาพูดเรียบๆ

ก้มหัวมองแขนของเย่หลีเฉิน บนแขนมีรูเลือดที่ถูกกองทัพมดกัดกินอยู่ไม่กี่รอย บาดแผลลึกเล็กน้อย สามารถเห็นกระดูก ผิวรอบๆสีคล้ำ ขยายจนเกือบจะทั้งแขน ส่อให้เห็นว่าถูกพิษ

เมื่อเห็นสายตานาง เย่หลีเฉินก็เอาแขนไปหลบไว้ด้านหลัง และย้ายสายตาไปอย่างลุกลี้ลุกลน

หลานเยาเยาขยับริมฝีปาก!

“กองทัพมดทะเลทรายมีพิษ เจ้าและจื่อเฟิงต้องดูดพิษมันออกมาจากบาดแผล”

จื่อเฟิงที่เป็นคนที่ยากจะคาดเดามาโดยตลอด มีเรื่องอะไรก็เก็บไว้ในใจ

แต่นางรู้ว่าเขาถูกกัด เพียงแต่ไม่รู้ว่ารุนแรงหรือไม่?

“อื้ม ข้ารู้แล้ว”

เย่หลีเฉินพยักหน้าเงียบๆ กำลังจะหมุนตัวเดินไปอีกด้าน แต่ถูกหลานเยาเยาเรียกไว้

“เอามือมาให้ข้า!”

“ไม่ต้อง ข้าดูดออกมาเองได้”เย่หลีเฉินรีบปฏิเสธ

“ข้ารู้ ข้าแค่จะจับชีพจรเจ้า”นี่เขาคิดไปถึงไหนเนี่ย?

เย่หลีเฉินหน้าแดงเล็กน้อย ยกแขนขึ้นให้นางจับชีพจรอย่างอายๆ

นัยน์ตาหลานเยาเยาฉายรอยยิ้ม หลังจากที่จับชีพจรเสร็จก็พูดว่า: “พิษของกองทัพมดไม่มากนัก แต่ที่ที่ถูกกัดจะปวดมาก พอดูดพิษออกมาแล้วทนไปสองสามวันก็ดีขึ้น”

“อื้ม!”

หลังจากที่จับชีพจรให้เย่หลีเฉินเสร็จ หลานเยาเยาก็ไปจับชีพจรให้จื่อเฟิง

จื่อเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บจนชิน หลังจากที่ป้อนน้ำเย็นหงเสร็จ ก็ใช้กำลังภายในขับพิษออกมา

หลานเยาเยาตบๆไหล่เขา หมุนตัวเดินไปหาส้งเย่นกุยที่ยืนอยู่บนเนินทรายนิ่งไม่ขยับ

ทันทีที่มายืนอยู่ข้างเขา จู่ๆส้งเย่นกุยก็ยื่นมือออกมาไว้ตรงหน้านาง พูดเสียงเย็นชาว่า:

“ข้าเองก็โดนพิษ”

“โดนพิษ?”หลานเยาเยาสงสัย

มองไปบนแขนของส้งเย่นกุย มือขาวเรียวสะอาด ตรงข้อมือมีร่องรอยของการถูกกองทัพมดกัด บาดแผลตื้นมาก

คาดว่าถ้านางมาช้าไปก้าว บาดแผลก็จะประสานกันเอง

“อืม โดนพิษ หรือเพิ่งโดนพิษเมื่อครู่”

ภายใต้การตกตะลึงของส้งเย่นกุย หลานเยาเยากวาดตามองที่พื้น ก็มีศพของกองทัพมดตัวนึง ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน จึงพูดล้อเล่นว่า:

“เจ้าพากองทัพมดมาด้วย อย่าบอกนะ ว่าคนที่เลี้ยงพวกมันคือเจ้า”

ได้ยินดังนั้น!

ส้งเย่นกุยก็เสียงฮึดฮัดเย็นชา ดึงมือกลับไป มองนางอย่างแปลกๆ และพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า:

“คนที่เลี้ยงพวกมันก็คือท่าน”

อา!

นี่อาจจะไม่ตลกนัก นางไม่เคยมาที่นี่ และก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเลี้ยงของพวกนี้

แต่ว่า……

เมื่อเห็นสายตายืนหยัดของเขาที่ไม่เหมือนกับพูดโกหกเลยสักนิด จึงเอ่ยถามขึ้น

“งั้นเจ้าลองบอกมาซิ ว่าข้าจะเลี้ยงทำไม?”

“เล่น”

“……”

เลี้ยงกองทัพมดทะเลทรายไว้เล่น? นางบ้าหรือประสาทส้งเย่นกุยสับสน?

ก็ได้!

ที่ส้งเย่นกุยพูดก็เหมือนนิสัยนางจริงๆ

แน่นอนว่านางต้องเน้นนิดหน่อย:

“เรื่องตลกนี้มันไม่ตลกเลยสักนิด ม้วนหนังแกะไม่ได้อยู่ที่ข้า เจ้าลองบอกมาซิ ว่าต่อไปพวกเราควรจะไปทางไหน?”

ส้งเย่นกุยให้ม้วนหนังแกะของนางอยู่ที่ตัวยู่หลิวซู ตอนนี้กองขบวนถูกตีแตก ทั้งตาย ทั้งหนี คนที่อยู่ไม่กี่คนนี้ก็ยังไม่รู้จำนวน

เพียงแค่หวังว่าพวกเขาจะสงบสุขปลอดภัย!

นางเคยคัดลอกแผนที่ภูมิประเทศบนม้วนหนังแกะ แน่นอนว่าต้องรู้สถานที่ที่พวกเขาอยู่ ซึ่งอยู่ห่างจากทางที่นางกำหนดไว้มาก

“ไม่รู้”

ส้งเย่นกุยมองไปข้างหน้าด้วยแววตาที่สับสน และตื่นเต้นที่มีความหวัง

สุดท้าย เขาก็พูดเสริมขึ้นมา “ใช้ความทรงจำโอบกอดอดีต ใช้ความหวังโอบกอดอนาคต ความหวังจะมักจะมีอยู่”

เมื่อได้ฟังประโยคที่เขาพูดหลานเยาเยาก็ตกใจเล็กน้อย ประโยคนี้คือคติประจำใจของนางตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ทุกครั้งที่เจอกับหนทางที่ยากลำบากยากจะก้าวข้าม นางมักจะนึกถึงประโยคนี้ และบ่อยครั้งนางจะเอามาเป็นคำพูดเพื่อให้กำลังใจตัวเอง

“เจ้ารู้จักคาลิล ยิบราน?”

คาลิล ยิบรานเป็นนักประพันธ์และนักกวีที่มีอิทธิพลมากในยุคปัจจุบัน คติประจำใจของนางก็พัฒนามาจากคำพูดที่มีชื่อเสียงในผลงานของเขา

ส้งเย่นกุยคงไม่ใช่คนข้ามภพใช่ไหม?

“ไม่รู้จัก พระคุณเจ้าหยวนซูเป็นผู้บอกข้า”

พระคุณเจ้าหยวนซูอีกแล้ว

พระคุณเจ้าหยวนซูนี่เป็นใครกันแน่?

 

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset