บทที่ 527 ความเห็นต่างของฮ่องเต้รุ่นแรก
คำพูดด้านหลังฮ่องเต้ไม่ได้พูด เอามือจุ่มน้ำชาเหมือนกัน เขียนอักษรสองสามคำบนโต๊ะหิน
รอจนสองสามคำนั้นแห้งแล้ว ใบหน้าหลานเยาเยาเต็มไปด้วยความสงสัย
“แดนหลงเสียน?” สถานที่ลับอะไร? อย่ารังแกนางที่เป็นคนต่างถิ่นไม่รู้จักที่ทาง
“ก็ถูก ข้าคิดว่าเจ้าจะรู้ “ ฮ่องเต้มองดูนางอย่างไม่แยแส จากนั้นก็กดเสียงต่ำ กล่าวอย่างมีความหมายอื่นที่ลึกซึ้ง : “สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เป็นความลับ และเป็นสถานที่เริ่มแรกที่ข้าได้รับตำแหน่งขึ้นครองราชย์ สำหรับข้าแล้วสำคัญเป็นอย่างมาก จำไว้ว่าอย่าบอกผู้ใดเด็ดขาด”
เออะ……
หยอกล้อเหมือนนางเป็นเด็ก?
ในเมื่อเป็นสถานที่แห่งความลับ ทั้งยังเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถบอกต่อคนนอกได้ ทำไมเขาต้องบอกนาง?
อย่างบอกเชียวว่าความเชื่อใจระหว่างนางกับเขาถึงขั้นที่สามารถหันหลังให้กันได้แล้ว
นางไม่เชื่อหรอก
ฮ่องเต้นี่คิดจะทำอะไรกันแน่?
คิดว่านางเป็นคนสอดแนมที่คนอื่นส่งมา?
ระหว่างกำลังคิด ฮ่องเต้ค่อยๆเข้าใกล้นาง ก้มตัวลงเข้าใกล้ใบหูของหลานเยาเยา พึมพำเบาๆ :
“ข้าจะบอกตำแหน่งที่อยู่ของแดนหลงเสียนต่อเจ้า มันอยู่ที่……”
ไอร้อนหายใจรดข้างหูของนาง จั๊กจี้ หลานเยาเยาสะดุ้งโหยง
“อย่าอย่าอย่า ท่านอย่าบอกข้า ยังไงซะข้าก็ไม่ไป ข้าสามารถวาดรูปหญ้าของหญ้าเฉียนยินออกมา ท่านให้คนที่ไว้ใจได้ไปหาโดยตรงดีแล้ว ข้าจะติดตามข้างกายท่านเท่านั้นเพคะ
ในฐานะฮ่องเต้ของประเทศ จะต้องออกว่าราชการทุกเช้าเป็นธรรมดา อ่านแล้วสั่งการสาสน์กราบทูลข้อราชการไม่หยุด วิเคราะห์ตลอดเวลาว่าผู้ใดมีเค้าลางที่จะแย่งชิงบัลลังก์ ขุนนางคนใดสมคบคิดแผนการอะไรด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรก็คือเรื่องมากมาย
ด้วยเหตุนี้!
เรื่องสืบหาหญ้าเฉียนยิน เขาไปหาด้วยตัวเองไม่ได้
ดังนั้นหลังจากพูดจบ นางก็หนีแล้ว รวดเร็วราวกับแมวไล่จับหนู
วันที่หนึ่ง อยู่ร่วมกันอย่างมีไมตรีสุข
หลานเยาเยาทุกวันอาหารเลิศรสชั้นดีทั้งหลาย ขนมกินเล่นเลิศรส กินจุกจนท้องกลมดิก ตอนกลางคืนนอนไม่หลับ
วันที่สอง อยู่ร่วมกันอย่างมีไมตรีสุขเหมือนเดิม ตอนเช้าออกกำลังกายตอนค่ำกิน มีแนวโน้มชนิดที่ว่าต้องการจะชิมอาหารรสเลิศทุกอย่างของพระราชวังให้หมดไปทีละอย่างทีละอย่าง
วันที่สาม
หลานเยาเยาหอบท้องที่กลมดิก มือหนึ่งค้ำเอว มือหนึ่งถือน่องไก่ที่ถูกกัดไปแล้วครึ่งหนึ่ง เหยียบเข้าไปในห้องด้านใน
ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนเตียงเห็นดังนั้น ได้นึกถึงครั้งแรกที่พวกเขาเข้าหอแล้ว ไม่พบเลือดของสาวพรหมจารีของฮองเฮา ตอนนี้ยังเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อและจากไป
หลังจากนั้นสองสามวัน ฮ่องเต้ก็ไม่ได้เหยียบเข้าไปในห้องบรรทมของหลานเยาเยาอีก
แต่หลานเยาเยาก็มีความสุขอย่างอิสระ ทุกวันควรกินกินควรดื่มดื่ม มีเพียงเจ้าระบบที่ส่งเสียงร้องในสมองทั้งวัน ให้นางรีบทำภารกิจให้สำเร็จ
ชีวิตความเป็นอยู่ผ่านไปก็เป็นเวลาสามเดือน
ชีวิตความเป็นอยู่ของหลานเยาเยาผ่านไปอย่างสะดวกสบาย ราวกับว่าได้ลืมเรื่องภารกิจไปนานแล้ว
ประชาชนประเทศหยิ่งเย่ล้วนรู้จักเทพธิดาฮองเฮาผู้หนึ่งที่มาจากสวรรค์แล้ว และอยู่ในพระราชวัง ฮองเฮาที่ความจริงเป็นผีที่หิวโหยมาถือกำเนิดทำให้บรรดานางกำนัลต่างตกตะลึงตาค้าง
ปริมาณการกินอาหารของฮองเฮาทำให้คนตกใจ ไม่เคยงดอาหารสิ่งของที่เอร็ดอร่อย อาหารที่ไม่อร่อย คำหนึ่งก็ไม่แตะ
นี่ทำให้เหล่านางกำนัลหลายคนอิจฉาและริษยา แต่ทำอะไรไม่ได้ ใครให้นางเป็นฮองเฮาล่ะ?
แน่นอน!
ก็มีนางกำนัลไม่น้อยที่ความคิดไม่บริสุทธิ์ โฉมหน้าของตัวเองยั่วยวนฮ่องเต้ไม่ได้ ก็วางแผนเริ่มลงมือกับนาง
วางยาพิษอะไร ใส่ร้ายป้ายสี แสร้งทำเป็นคนดี กุเรื่องปล่อยข่าว ทำออกมาเรื่อยๆ ทำให้วังหลังวุ่นวายในเวลาอันสั้น
หลานเยาเยาเพียงแค่ทุบๆไหล่ กินของต่อ หลังจากที่นางกำนัลสองสามคนรับผลสิ่งที่ตัวเองก่อแล้ว หลานเยาเยาจึงลุกขึ้น ปัดมือที่มีน้ำมัน กล่าวอย่างพอใจว่า :
“สิ่งของที่สามารถกินได้ทุกอย่างของพระราชวังได้ลิ้มลองหมดแล้ว ได้เวลาไปหาของกินด้านนอกพระราชวังแล้ว”
บ่ายวันนั้น ในห้องจัดเตรียมภัตตาหาร
หลานเยาเยาในสภาพความเป็นจริง แววตาสับสนเป็นที่สุด แต่ไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่ยืนอยู่ในมุมเงียบๆ มองดูฮ่องเต้สวมชุดคลุมกษัตริย์สนทนากับองครักษ์อ้างอู๋
“เรื่องของวังหลัง มีผลกระทบใหญ่หลวง เหล่าขุนนางทหารวางแผนร่วมมือกันเขียนสาสน์กราบทูลให้เจ้านายปลดฮองเฮาขอรับ”
“ปฏิกิริยาของฮองเฮาทางนั้นเป็นอย่างไร?”
สามเดือนนี้ นอกจากคืนแรก ‘เข้าหอ’รวมถึงหลังจากนั้นได้พบเจออีกสามครั้ง เวลาที่เหลือ เขาไม่ได้เหยียบเข้าไปในห้องบรรทมของฮองเฮาสักก้าว
และหญิงผู้นั้นราวกับว่านอกจากกิน ก็ไม่ได้สนใจต่อเรื่องอื่น
แม้แต่เรื่องของหญ้าเฉียนยิน ก็ไม่เคยถามไถ่ เหมือนกับว่ามาเพื่อกิน
“ไม่มีปฏิกิริยาขอรับ”
ความหมายก็คือ หลังจากรู้ว่าบรรดาขุนนางต้องการร่วมกันปลดฮองเฮาแล้ว ยังเหมือนดังปกติ เห็นการกินเป็นหลัก คนที่กล้าลงมือกับนาง กำจัดได้ไม่ผิด ไม่ตรึกตรองสักนิดว่าทำการต้องหลบซ่อนสักหน่อย และไม่เคยเห็นมองกฎหมายของประเทศหยิ่งเย่อยู่ในสายตา
“หึ!”
ความลึกลับยากคาดเดาของพระคุณเจ้าหยวนซู ไร้ร่องรอยมาโดยตลอด จดหมายที่เขาส่งไปวันนี้ก็ได้รับการตอบกลับแล้ว
ที่แท้แม้ว่าบนไหล่จะมีรอยประทับของดอกไม้ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนที่ชะตาชีวิตของเขากำหนด
ดังนั้น เขาจำคนผิดแล้ว
แต่เขาได้แต่งงานให้นางเป็นฮองเฮาแล้ว ยัง ยังจะเข้าหอแล้วด้วย……
เป็นสามีภรรยากันหนึ่งวันรักกันลึกซึ้งนานวัน แม้เขาเป็นฮ่องเต้ แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบ
และเขาก็เป็นฮ่องเต้เช่นเดียวกัน ชี้ขาดดวงชะตาของประเทศ เป็นผู้ปกครองที่ชี้ขาดความเป็นตายของประชาชน ฮองเฮาของเขาจำเป็นต้องเป็นหญิงผู้นั้นที่ชะตาชีวิตกำหนดไว้
เขาต้องการวิธีการที่ดีที่สุดต่อทั้งสองฝ่าย
ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดต่อทั้งสองฝ่ายนี้ หลังจากที่เรียกหลานเยาเยาเข้าพบที่ห้องหนังสือแล้ว ก็ได้รับการแก้ปัญหา
“สิ่งนี้แก้ปัญหาได้ง่ายเพคะ”
เรื่องราวกระจ่างแล้ว เรื่องที่นางโดนบังคับให้เป็นฮองเฮาอย่างกะทันหัน ฮ่องเต้ไม่ได้ปิดบังนาง นางก็รู้แล้วว่าพระคุณเจ้าหยวนซูมีตัวตน
“แก้ปัญหาได้ง่าย?” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
เขารู้สึกว่าที่หลานเยาเยาจะพูดต่อจากนี้ จะต้องเกินความรู้ความเข้าใจของเขาเป็นแน่
“ท่านไม่ได้แต่งงานกับข้าด้วยใจจริง พวกเราก็ไม่มีพื้นฐานทางความสัมพันธ์ และข้าก็ไม่ได้ถูกบังคับให้อยู่ในวัง เพียงแค่ข้าอยากไป ก็ไปได้ทุกเวลา
สาเหตุที่ข้าอยู่ ก็เพื่อต้องการเลือดหยดหนึ่งจากตัวของท่าน เลือดหยดหนึ่งที่ไม่ได้รับการรุกเข้าเกาะกินของสารพิษ จึงจะสามารถจากไปได้
สำหรับฮองเฮาอะไร อาหารเลิศรสอะไร เงินทองอะไร สำหรับข้าแล้วเป็นวัตถุนอกกาย
รอถอนพิษแล้ว ข้าให้สิ่งที่ท่านต้องการ ท่านให้สิ่งที่ข้าต้องการ นี่ก็คือสิ่งที่ดีที่สุดต่อทั้งสองฝ่ายแล้วเพคะ”
หลานเยาเยาเอ่ยคำพูดนี้อย่างง่ายดายมาก
ความจริงก็เป็นคำพูดที่เดิมทีนางอยากพูด ดังนั้นจึงไม่ได้เอาสีหน้าที่ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆของฮ่องเต้วางไว้ในสายตาโดยสิ้นเชิง
“ซ่างกวนหนานซู่ เจ้าเป็นฮองเฮาของข้า แม้ว่าข้าไม่ชอบเจ้า เจ้าไม่ชอบข้า แต่ความจริงพวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว นี่คือเรื่องจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไป”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!
ฮ่องเต้ไม่พอพระทัย!
นี่ยังเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ที่มีผู้หญิงไม่ให้ความสำคัญต่อเขา
“ฮองเฮา?” หลานเยาเยารู้สึกน่าขันเล็กน้อย
ฮองเฮาของประเทศเป็นตำแหน่งที่ผู้หญิงทุกคนในสมัยนี้ล้วนใฝ่ฝัน แต่ในสายตาของนาง ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นของปลอม นางต้องกลับไปที่ยุคปัจจุบันไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นล้วนไม่ได้สนใจในสิ่งเหล่านี้สักนิด
นางหัวเราะเบาๆ ก้าวขึ้นไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง ถามว่า :
“พวกเรามีการแลกเปลี่ยนกระดาษปะกันหรือเพคะ? มีการสวมชุดแต่งงานหรือเพคะ? พวกเราเคยมีพิธีการแต่งงานใหญ่หรือเพคะ? ชื่อของข้าได้เคยเขียนไว้ในหนังสือทำเนียบบรรพชนของเชื้อพระวงศ์หรือเพคะ?”
ไม่มี!
และก็ไม่ทัน
แม้แต่คืนแรกของการเข้าหอเขาก็สวมเพียงชุดคลุมมังกร นางสวมชุดที่เป็นทางการของฮองเฮา น่าขันเหมือนกับเด็กกำลังเล่นเช่นนั้น
“เป็นความสะเพร่าของข้า”
ในสามเดือนนี้ เขายุ่งกับการกำจัดขุนนางกบฏ ยุ่งกับการตัดรากถอนโคน ตรวจสอบผู้ที่มีการสมคบคิดที่ลึกซึ้งที่สุดกับอี๋หมาน ยุ่งกับการจัดการเรื่องน้อยใหญ่ในสาสน์กราบทูลข้อราชการ อย่างเดียวที่ลืมคือทุกเรื่องที่นางพูด
ความจริง…..
ไม่ใช่ว่าลืมแล้ว
แต่คือไม่ได้สนใจโดยสิ้นเชิง