หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 541 พบกันอีกครั้ง

บทที่ 541 พบกันอีกครั้ง

มองตามไปยังเสียงที่ดังขึ้น คนที่กระแทกลงกับพื้นไม่ใช่ผู้บัญชาการทหารเงาดำที่เพิ่งวิ่งหนีไปรึ?

ตอนนี้เขาล้มลงอยู่กับพื้น ที่ปากมีเลือดล้นออกมา เหมือนกับว่าจะระเบิดออกมาจากปาก จนเกือบจะเต็มหน้า

มือของผู้บัญชาการทหารเงาดำกุมที่อก มองบนท้องฟ้าตาไม่กะพริบ นอกจากความเกลียดชังในนัยน์ตาแล้ว ก็ยังมีความคาดไม่ถึงอยู่เล็กๆ

หลานเยาเยาไม่ค่อยสบายใจ มองตามสายตาเขาที่มองจ้องไปบนท้องฟ้า มีร่างสีดำเรียวยาวพุ่งบินมา

เส้นผมพลิ้วไหวตามสายลม……

ใบหน้างดงามราวเทพบุตร……

กลิ่นอายของฮ่องเต้ที่มีมาแต่กำเนิด เผยให้เห็นความดุดันของผู้ชายอย่างชัดเจน

ความเร็วของเขาเร็วมาก จากบนท้องฟ้ามายังข้างกายผู้บัญชาการทหารเงาดำใช้เวลาแค่เพียงชั่วพริบตา อีกทั้งไม่ให้โอกาสเขาได้หอบหายใจ ใช้กระบี่ยาวในมือแทงทะลุหัวใจของเขา

“เจ้า เจ้ามาได้อย่างไร?”

ผู้บัญชาการทหารเงาดำมองคนที่ปรากฏตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ

ในช่วงเวลาที่สั้นขนาดนั้น เย่แจ๋หยิ่งมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

เพราะเขารู้ว่าในตอนที่ราชครูเทียนเวิงเตรียมตัวออกเดินทางไปยังทะเลทราย จู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็หายไป

ในตอนแรกเขาก็กระวนกระวายใจเล็กน้อย คิดว่าเย่แจ๋หยิ่งแอบอยู่ในความมืด ถึงเวลาสำคัญก็จะโจมตีครั้งสุดท้ายให้พวกเขา แต่เพิ่งเข้ามาในทะเลทรายได้ไม่นาน ก็มีจดหมายด่วนมา บอกว่าอ๋องเย่พาคนไปเผาเขตเพาะพันธุ์ดอกกระดูกขาวของราชครูเทียนเวิงแล้ว

นี่เพิ่งผ่านไปเท่าไหร่เอง!

จู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็มาปรากฏตัวที่นี่ แม้เขาจะวิ่งเต้นมาทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่น่าจะถึงได้เร็วขนาดนี้ นี่ทำให้เขาคิดยังไงก็คิดไม่ออก

“เก็บเอาไว้ถามชาติหน้า”

พูดอย่างเย็นชา ไม่มีความรู้สึกใดๆ

พูดประโยคนี้จบ เย่แจ๋หยิ่งก็ดึงกระบี่ยาวที่แทงเข้าไปในหัวใจผู้บัญชาการทหารเงาดำออกมา จากนั้นก็มีเสียง “เคร้ง” กระบี่ยาวถูกโยนลงไปที่พื้น

คนที่เขาอยากจะปกป้อง ทนไม่ได้ถ้าหากคนอื่นมาทำให้นางบาดเจ็บแม้แต่น้อย

อยากจะทำร้ายนาง เช่นนั้นก็ต้องถามเขาก่อนว่ายอมหรือไม่ยอม

“เจ้าเกือบจะ……บนเส้นทาง……ปรโลก……”

พูดประโยคที่สมบูรณ์ยังไม่จบ เขาก็พูดไม่ออกอีกแล้ว

แต่หางตาของเขาเห็นร่างสีแดง เขาที่ไม่เต็มใจอย่างมาก ก็ยกรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้น

ดี!

เย่แจ๋หยิ่งมาพอดี ให้เขาได้เห็นรูปร่างตอนนี้ของเทพธิดา ไม่รู้ว่าบนใบหน้าจะมีท่าทางอย่างไร แต่น่าเสียดาย……ที่ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง……

“เย่แจ๋หยิ่ง……”เขาปรากฏตัวมาแล้ว

ก็หนีไปไกลพอแล้วไม่ใช่หรือ?

เกือบจะทันทีที่เห็นเย่แจ๋หยิ่งปรากฏตัวมา หลานเยาเยาก็อยากจะหลบไป แต่ร่างกายกลับซื่อสัตย์มาก สองเท้าเหมือนมีเหล็ก นิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ

จนกระทั่งได้ยินเสียงอาวุธเหล็กตก หลานเยาเยาถึงจะดึงสติกลับมาได้ จึงรีบหันตัวจะแฉลบออกไป แต่แขนกลับถูกคนคว้าเอาไว้แน่น

“เยาเยา อย่าไป” น้ำเสียงดึงดูดแกมขอร้องดังขึ้นด้านหลังช้าๆ 

“เย่แจ๋หยิ่ง……”

นางอ้าปากขึ้น นางพูดออกมาเพียงแค่สามคำ เสียงก็เหมือนแหบไป ประโยคหลังก็พูดไม่ออกอีกแล้ว

แต่ท่าทางของตัวเองตอนนี้……

เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็ตัดสินใจสะบัดมือเขา แตะปลายเท้าเบาๆ จะบินจากไป

“แค่ก แค่ก!”

จู่ๆเย่แจ๋หยิ่งก็อาเจียนเลือดออกมา แต่เขาไม่ได้สนใจพวกนี้ คว้าแขนนางเอาไว้อีกครั้งอย่างดื้อรั้น จับเอาไว้แน่น ไม่ให้นางสะบัดออกได้อีก

“อย่าไป……”เขาพูดอีกครั้ง

เสียงของเขาต่ำมาก และคำพูดก็สั่นเล็กน้อย ราวกับอดทนกับบางสิ่งอย่างสุดแรง

“เจ้าเป็นอะไร?”

หลานเยาเยาตกใจ รีบหันกลับมา ทั้งจับชีพจรให้เขา ทั้งสำรวจร่างกายเขา แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาก็ไม่ได้มองสายตาของเขาเลย

ทันใดนั้น!

มือที่เหี่ยวย่นถูกฝ่ามือคู่อบอุ่นจับเอาไว้ ทำให้นางใจสั่น หยุดการกระทำทั้งหมด

“เจ้าโทษข้าที่ข้ามาช้า?”

คนที่อยู่ริมทะเลสาบป่าไผ่ก็คือนาง ตอนที่ยืนอยู่บนยอดป่าไผ่เขาเห็นร่างของนางที่รีบร้อนจากไป ดังนั้นจึงไล่ตามร่างนางมาตลอด

หากไม่ใช่เพราะเจอกลุ่มมือสังหารระหว่างทาง และก็เจอกับคนที่มีท่าทางเหมือนนักปราชญ์ เขาคงไม่ถึงกับมาช้าขนาดนี้

ตอนนี้เห็นว่านางไม่เป็นอะไร ความกังวลในใจก็ผ่อนคลายลง

เพียงแต่……

มือของนางทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้?

แล้วก็ยังมีเส้นผมของนางที่เป็นสีขาว นางผ่านอะไรมากันแน่?

เย่แจ๋หยิ่งก็เข้าใจทันที ว่าทำไมหลานเยาเยาถึงหลบเขา ไม่ได้มีเจตนาที่รังเกียจ ความเจ็บปวดเล็กน้อยก็กรีดเข้าที่หัวใจ 

เมื่อเห็นนางไม่พูด เขาก็ยิ่งจับมือนางไว้แน่นขึ้น

“ก็รู้ว่าเจ้านั้นโทษข้า” ไม่ว่านางจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร สำหรับเขาแล้ว แค่มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว สิ่งนี้สำคัญกว่าสิ่งใด

“ไม่ได้โทษเจ้า”

นางจะโทษเขาได้อย่างไร? นี่คือสิ่งที่พวกเขาบอกแล้ว

เย่แจ๋หยิ่งทำลายสวนดอกกระดูกขาวทั้งหมดของราชครูเทียนเวิงอย่างฉับไว และก็มาปรากฏตัวที่นี่อย่างรวดเร็ว ความยากลำบากนั้นไม่ต้องพูดก็รู้ได้ชัดเจน

“ข้าดีใจมาก ดีใจมากจริงๆ”

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่สีหน้านางไม่ได้มีความดีใจสักนิด

“เยาเยา พวกเราห่างกันมาเกือบจะสองเดือน ตอนเจ้าเห็นข้าเจ้าหลบข้าไม่ได้นะ มันจะทำให้ข้าเสียใจ”

เขายื่นมือไปหยิบเส้นผมสีขาวที่ตกอยู่บนไหล่ของหลานเยาเยา นัยน์ตาเริ่มแดงเล็กน้อย เขาระมัดระวังท่าทาง เพราะกลัวว่านางจะเจ็บปวด

“อย่า ข้าไม่อยากให้เจ้าเห็นข้าในรูปลักษณ์นี้”

เพราะนางที่เป็นแบบนี้ นางเองก็ยังยอมรับทั้งหมดไม่ได้

ใช่ นางรู้สึกต้อยต่ำ

นางที่กล้าหาญ ทำอะไรไม่เกรงกลัว คาดไม่ถึงว่าจะต้อยต่ำจริงๆ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับหน้าตาขนาดนั้น แต่ตอนนี้นางรักเย่แจ๋หยิ่ง อยากจะเอาด้านที่ดีสุดของตัวเองแสดงให้เขาเห็น

รสชาติของการตกลงจากฟ้ามายังพื้นนี่น่าอึดอัดจริงๆ

ตัวเองในตอนนี้สามารถเผชิญหน้ากับใครก็ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน จะเห็นสีหน้าของใครก็ได้ มีเพียงเย่แจ๋หยิ่งคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้

“เจ้ามองว่าข้าเป็นใครไปแล้ว”เย่แจ๋หยิ่งไม่ค่อยพอใจ

เพราะการหลบหน้าของหลานเยาเยา ไม่ใช่เพราะเขามาช้า แต่เพราะหน้าตานางเปลี่ยนไป จึงคิดว่าตัวเองจะรังเกียจนาง ดังนั้นจึงรู้สึกไม่พอใจ

ดังนั้นจึงพูดต่อว่า: “รูปลักษณ์แรกของเจ้าข้านั้นเห็นแล้ว ข้าเคยรังเกียจเจ้างั้นหรือ? แม้เจ้าจะเปลี่ยนเป็นหญิงชรา ข้าก็ควรจะยินดี ที่ได้อยู่กับเจ้ายังแก่เฒ่าล่วงหน้า”

เขาพูดคำพูดปลอบคนน้อยมาก

มันจึงไม่เป็นคำพูดหวานๆไพเราะมากนัก ตอนนี้เขาทำได้เพียงทำตามนิสัยไป ตัวเองคิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างงั้น

“เกือบจะสองเดือนแล้ว ข้าเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นทวีคูณตลอดทั้งวันทั้งคืน เดินหน้าต่อไม่เคยหยุด เพื่อมาพบเจ้า สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเจ้า แต่พอพบกันเจ้ากลับหลบ

“รูปลักษณ์ของข้าตอนนี้ เกือบจะน่าเกลียดแล้ว เจ้าไม่ถือสางั้นหรือ?”

ที่จริงนางก็ไม่อยากกระมิดกระเมี้ยน และเชื่อการวางตัวของเย่แจ๋หยิ่ง

เย่แจ๋หยิ่ง: “ถือสา”

“อ๊ะ?” หน้าเยาเยาหน้านิ่งทันที

“ถือสาที่เจ้าทำเป็นห่างเหินกับข้า” เย่แจ๋หยิ่งปล่อยเส้นผมนาง ประคองหน้านางหันมา ค่อยๆยกขึ้นมาให้ตรงกับสายตาของตัวเอง

ดวงตาทั้งสี่ประสานกัน ความสนิทสนมในนัยน์ตาที่ไม่พบมาเนิ่นนาน รวมถึงความรักอย่างสุดหัวใจต่อหลานเยาเยา สุดท้าย ทั้งสองมือก็แตะไปบนแก้มของนาง ปลายนิ้วลูบผิวหนังนางเบาๆ

ตาก็เริ่มเป็นสีแดงอีกครั้ง

เสียงพูดเบาๆว่า: “ก็ไม่ได้น่าเกลียดมากนัก”

“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าอยากถูกตีใช่ไหม?”

มีคนปลอบแบบนี้ที่ไหน เวลานี้ไม่ใช่ว่าเขาควรใช้สายตาที่ลึกซึ้ง พูดกับนางว่า ‘ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนเป็นอย่างไร ในใจข้าเจ้าก็สวยที่สุดหรือไง?’ แล้วก็ยังมีพวก ‘ข้าจะอยู่ข้างกายเจ้าไปชั่วชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย’จากนั้นก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์กันตลอดไปบลาๆเยอะแยะมากมาย

เหมือนแบบนี้ที่ไหน?

ขึ้นต้นมาก็พูดว่าน่าเกลียด และก็ไม่ได้พูดแค่รอบเดียว เดิมอยากจะยกอีกมือขึ้นมาตีเขา แต่วิต่อมาก็ถูกเขากอดเอาไว้แน่น

ยิ่งกอดก็ยิ่งแน่น ราวกับว่าจะรัดนางให้เขามาในร่างกายตัวเอง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset