บทที่ 563 เลือกวันไม่ดีเท่าวันนี้
โรงหมอของหลานเยาเยาครอบคลุมพื้นที่ไม่ใหญ่นัก ตกแต่งเหมาะสม สำหรับโรงหมอที่มีเพียงสองคนแล้ว ก็ใหญ่เพียงพอแล้ว
ห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่ง ใช้สำหรับตรวจวินิจฉัยอาการโดยเฉพาะ และสามารถเป็นที่รับรองคนไข้ได้ จื่อซีถูกจัดให้อยู่ชั้นหนึ่งในเขตที่คนไข้รอคอย ในนั้นมีโต๊ะตัวหนึ่ง ด้านบนวางน้ำชาไว้
จื่อซีไม่ได้นั่งลง แต่เดินไปเดินมาข้างโต๊ะ ก้าวเท้าไม่เร็ว สีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเก่า คิ้วขมวดเล็กน้อย
เหมือนกับว่ามีเรื่องกังวลใจอะไรกวนใจเขาอยู่
ขณะที่หลานเยาเยาเข้ามา ก็เห็นท่าทางเขาเป็นเช่นนี้ เพียงแต่ที่ทำให้นางคิดไม่ถึงคือ เสื้อผ้าบนร่างกายที่จื่อซีสวมใส่ เป็นสิ่งเหล่านั้นที่นางได้หาคนสั่งทำให้เขากับจื่อซี
“แฮ่มแฮ่ม!”
ตั้งใจกระแอมเบาๆครั้งหนึ่ง หลานเยาเยาเชิดหน้ายืดอก เอามือสองข้างไว้ด้านหลัง เดินเข้ามาอย่างสบายๆ ท่าทางหยิ่งผยองและเฉยเมย
ได้ยินจากเสียง เห็นท่าทางงดงาม ผู้ชายที่รูปร่างผอมอ่อนแอ มองดูแล้วหยิ่งผยองเย็นชา แต่ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า หน้าตาดีที่สุด ทำให้เขาก็ล้วนเทียบไม่ได้
อายุยังน้อยๆ น่าจะไม่ถึงยี่สิบปีสินะ?
คนเช่นนี้วิชาการรักษาจะดีได้แค่ไหนกัน?
อย่างไรซะในใจของเขา นอกจากคุณหนูของตัวเอง ไม่มีใครมีความสามารถขณะอายุยังน้อยขนาดนี้ วิชาการรักษาจะดีขนาดนี้
“ท่านคือคุณชายซ่างกวน? ดูเหมือนว่าก็ไม่เท่าไหร่นี่!”
ส้งเย่นกุยที่ติดตามเข้ามาอยู่ด้านหลังของหลานเยาเยา ได้ยินคำพูดนี้ หรี่ตาลงเล็กน้อย หากยังพูดจาไม่เกรงใจ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะไล่ออกไปจากประตู
แต่หลานเยาเยากลับเลิกคิ้วเล็กน้อย กล่าวหยอกล้อ :
“แล้วท่านเป็นใครที่ไหนกัน?”
ล้วนกำลังโอ้อวด ดูว่าใครจะแสร้งได้ชนะใคร
“ข้าคือองครักษ์ลับของจวนอ๋องเย่ ชื่อจื่อซี เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาการรักษา”
ชื่อเสียงของเขา ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ก็นับว่าโด่งดัง เดิมทีวิชาการรักษาก็ดีอยู่แล้ว ติดตามหลานเยาเยาไม่กี่ปี วิชาการรักษายิ่งพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ใครเจอก็ต้องยกมือทำความเคารพ
ดังนั้นขณะที่บอกชื่อของตัวเอง ศีรษะของจื่อซีก็ค่อยๆแหงนขึ้นมาก
ใครจะรู้……
“ท่านก็คือใครใครใครผู้นั้นของบ้านคนอื่นที่ผู้คนพูดถึง?”
“……?” หมายความว่าอะไร? เพราะเขาชื่อดังมากหรือ?
จื่อซีพยักหน้าอย่างจริงจังต่อเรื่องนี้ มุมปากค่อยๆยกขึ้น กำลังรอคุณชายซ่างกวนชม เรื่องราวกลับตาลปัตรทันทีอย่างคิดไม่ถึง
“น่าเสียดาย ไม่รู้จัก”
พูดจบ หลานเยาเยาก็นั่งบนเก้าอี้อีกข้างโดยตรง ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งอย่างเฉยเมย พูดต่อ : “ท่านมาหาหมอ?”
“ไม่ใช่ ข้ามา……”
“ส่งแขก!”
เสียงโพล่งออกไป ส้งเย่นกุยก็ได้มาถึงด้านหน้าจื่อซีแล้ว ทำท่าทางเชิญ คิดถึงได้อย่างไรว่าจื่อซีจะไม่กระดิก ส้งเย่นกุยจึงได้ลากมือของเขา ลากไปทางด้านนอก
มองดูแขนที่ถูกกำแน่น เมื่อจื่อซีดึง ดึงไม่ออก ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อน จากนั้นใช้กำลังภายในทั้งหมดดึง ยังคงดึงไม่ออก
คราวนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลง
เป็นไปได้อย่างไร?
ด้วยกำลังภายในของเขาทำไมไม่สามารถดึงออกได้?
แต่ทว่าความจริงยืนยัน เขาไม่เพียงดึงไม่ออก ถูกส้งเย่นกุยดึงและลากเบาๆ ร่างกายของเขาก็ถึงด้านนอกโรงหมอแล้ว
“ท่านท่านท่าน……”
พ่อบ้านเหมยพูดถูก สองคนนี้ไม่ธรรมดา!
ส้งเย่นกุยมองเขาแวบหนึ่ง จัดการแขนเสื้อที่ไม่ได้ยับแม้แต่น้อย พูดพึมพำ : “ไม่รู้จักประเมินความสามารถของตัวเอง หึ!”
หลานเยาเยาลุกขึ้นเดินมาข้างประตู ถอนหายใจอย่างจนปัญญา :
“ขออภัยจริงๆ หมอของข้านิสัยไม่ดี เกลียดคนที่มาสร้างความวุ่นวายเป็นที่สุด”
คราวนี้จื่อซีสีหน้าจริงจัง อดไม่ได้ที่จะสังเกตคุณชายซ่างกวนที่อยู่ด้านหน้าอย่างละเอียดอีกครั้ง เวลานี้จึงพบว่า รัศมีของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่คนข้างกาย ก็เก่งกาจเช่นนี้
การแอบทดสอบฝีมือเมื่อครู่นั้น
คุณชายซ่างกวนผู้นี้เสแสร้งได้มากกว่าเขา เช่นนี้เขาก็วางใจแล้ว
อย่างน้อยก็ไม่ถูกเจ้านายไล่ออกมาในพริบตา
“คุณชายซ่างกวนเข้าใจผิดแล้ว เป็นข้าที่ใช้ความคิดจิตใจต่ำช้ามาประเมินค่าคนดี ที่มาคราวนี้ไม่ได้มาก่อความวุ่นวาย แต่มาขอร้องให้ช่วยรักษาขอรับ”
“ขอร้องให้ช่วยรักษา? เช่นนั้นก็แปลกแล้ว ข้าดูสีหน้าของท่านดีเป็นที่สุด แม้ว่าในดวงตาจะมีความกังวลเล็กน้อย แค่สีหน้าแดงระเรื่อ คิ้วยกขึ้นเล็กน้อย อารมณ์ตอนเข้ามาก็ราบรื่นมาก ขอร้องการรักษาด้านไหนกัน?”
ไม่ดูให้ละเอียด ยังมองไม่ออกจริงๆ
ช่วงนี้อารมณ์ของจื่อซีเหมือนจะดีมาก หลังจากที่โดนนางว่าเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่ายังแสดงความเขินอายเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นอย่างอดไม่ได้
เจ้านี่ คงไม่ได้มีความรักแล้วหรอกนะ?
“สุขภาพของข้าไม่มีปัญญา มาแทนคนอื่นขอรับ ที่จะรักษาก็คือโรคไข้ใจ หากสามารถรักษาได้ ค่าตรวจโรคเป็นสองเท่า”
“คนตายเพราะเงิน นกตายเพราะอาหาร โลกนี้หากไม่ได้เป็นผู้ที่ยารักษาไม่หาย ข้าซ่างกวนหนานซู่รักษาได้ทั้งหมด หากไม่เช่นนั้น เงินสักแดงก็ไม่เก็บ”
เห็นเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง จื่อซีทำเหมือนเขาไม่เคยเจอความลำบาก จึงกล้าให้คำสัญญาเช่นนี้โดยไม่คำนึงถึงความสามารถของตัวเอง
เช่นนี้ก็ตรงกับความตั้งใจของเขาพอดี
แต่ว่า……
“นิสัยของคนผู้นี้ค่อนข้างเย็นชาเล็กน้อย อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง ดูจากภายนอกค่อนข้าง……สังหารคนไม่กะพริบตา ความเป็นจริงกลับเป็นคนดี คุณชายซ่างกวนพบแล้วอย่าเพิ่งกลัวนะขอรับ
แต่ว่า จื่อซีรู้สึกว่าคุณชายซ่างกวนไม่ใช่คนที่ขี้ขลาดกลัวปัญหา”
เอาเถอะ!
ขณะพูดคำพูดนี้จื่อซียอมรับ เขาละอายใจแล้ว
เจ้านายไม่ใช่คนเลว นั่นคือปฏิบัติต่อพวกเขาไม่เลว แต่กับผู้อื่น โดยเฉพาะคนแปลกหน้า ผู้ที่ทำให้เขามีโทสะ ไม่ตายก็บาดเจ็บ
ดีที่คุณชายซ่างกวนมีผู้ที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งอยู่ข้างกาย
เช่นนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว
“เหอะ แม้การพูดคำตรงข้ามกับใจที่มีมโนธรรมก็ใช้แล้ว ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการรักษาไม่ได้ธรรมดาเช่นนั้นเหมือนที่ท่านบอก เช่นนี้ละกัน! ค่าวินิจฉัยโรคเพิ่มขึ้นอีกร้อยละสิบ”
เมื่อคำพูดนี้สิ้นสุด
จื่อซีอดไม่ได้ที่มองคุณชายซ่างกวนอีกแวบหนึ่ง
สวมชุดหรูหรา พฤติกรรมโอ้อวด ดูแล้วไม่เหมือนเป็นคนที่ขาดแคลนเหรียญเงินนี่! แต่ คนอื่นเขาเปิดโรงหมอทำการค้า เดิมทีก็เพื่อทรัพย์สินเงินทอง
เจ้านายค่อนข้างจัดการยากจริงๆ ต้องการค่ารักษาสักหน่อยก็ปกติ
พ่อบ้านเหมยน่าจะไม่ว่าอะไร
“ตกลง”
ในเมื่อรับปากแล้ว สำหรับเรื่องอื่น แน่นอนว่าจื่อซีจะต้องพาพ่อบ้านเหมยมาหารือและตกลงพร้อมกัน
อย่างไรเสีย!
เรื่องของเจ้านายเป็นความลับมาโดยตลอด
นอกจากคนที่จะสามารถเชื่อใจได้เป็นที่สุดแล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ไม่รู้สถานการณ์เหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้ สังคมภายนอกมีข่าวลือมากมาย แต่ไม่มีคนรู้ว่าข่าวลืออันไหนจริง อันไหนเท็จ
ในด้านนี้พ่อบ้านเหมยขอให้คุณชายซ่างกวนต้องรักษาไว้เป็นความลับ หากว่าผิดคำสัญญา ไม่ได้ค่ารักษาไม่ว่า ชีวิตก็จำเป็นต้องทิ้งไว้
สำหรับสิ่งนี้ หลานเยาเยาไม่มีคำคัดค้าน
จื่อซีและพ่อบ้านเหมยจึงได้วางใจ
จัดทำหลักฐานลายลักษณ์อักษรแล้ว หลังจากลงชื่ออนุมัติ จื่อซีกล่าว : “ในเมื่อเจรจาตกลงแล้ว หวังว่าคุณชายซ่างกวนจะจัดการเรื่องโรงหมอได้เรียบร้อยภายในสามวัน รีบมาที่จวนอ๋องเย่โดยเร็วนะขอรับ”
พ่อบ้านเหมยค่อนข้างไม่เห็นด้วย :
“โรงหมอของคุณชายซ่างกวนเพิ่งเปิด คิดว่าคงไม่มีเรื่องใหญ่อะไร เวลาหนึ่งวันควรจะสามารถจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าคุณชายซ่างกวนคิดว่าอย่างไรขอรับ?”
ได้ยินคำพูดของทั้งสอง หลานเยาเยาส่ายศีรษะ
ฮ่องเต้ไม่รีบขันทีก็รีบแล้วจริงๆ
ด้วยนิสัยที่หยิ่งผยองของนาง ไม่แน่ว่าสามวันจะสามารถจัดการเรื่องราวเรียบร้อย พวกเขาก็ชั่งประเมินนางสูงไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หลานเยาเยาลุกขึ้น คว้าส้งเย่นกุยไว้ แล้วกล่าวกับพ่อบ้านเหมย :
“จากที่ข้าดู เลือกวันไม่ดีเท่าวันนี้”
ล้อเล่นอะไร
ไม่ได้เจอเย่แจ๋หยิ่งมาหนึ่งปีสามเดือนแล้ว พบเขายังยากกว่าขึ้นสวรรค์ ตอนนี้เจรจาเหมาะสมทุกอย่าง เป็นธรรมดาว่ายิ่งเร็วยิ่งดี หากว่าสามารถเหาะได้ แม้แต่เดินนางก็ไม่เดินแล้ว ให้จื่อซีเปิดทางให้โดยตรง เหาะไปตลอดทาง
ภายใต้แววตาที่ประหลาดใจของจื่อซีและพ่อบ้านเหมย
หลานเยาเยาได้รับสายตาดูถูกจากส้งเย่นกุยได้สำเร็จ
“แฮ่ม ดูแล้วพวกเจ้าไม่รีบร้อน ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รอเดือนหนึ่ง รอข้าหาเวลาว่างค่อยไปที่จวนอ๋องเย่”
จื่อซีรีบกล่าว :
“ไม่ใช่ไม่ใช่ขอรับ เพียงแค่คิดไม่ถึงว่าคุณชายซ่างกวนจะกระตือรือร้นขนาดนี้”
หลานเยาเยาชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย
“พูดเป็นเล่น ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของท่าน แล้วยังจะไม่เคยได้ยินอ๋องเย่มาก่อนเชียวหรือ? ยังไม่นำทางอีก?”