บทที่ 578 ดูสิ เขาติดข้ามาก
บรรลุจุดประสงค์ มุมปากหลานเยาเยายกขึ้น ถอนมือที่จับเย่แจ๋หยิ่งออก แต่วินาทีนั้น มือที่ถอนออกข้างนั้นถูกมือใหญ่ที่เรียวยาวข้างหนึ่งจับไว้ จากนั้นก็เอามือของนางวางบนแขน ให้นางจับไว้
หลานเยาเยามองเย่แจ๋หยิ่งด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง
กลับพบว่าเดิมทีเขาไม่ได้‘มอง’ทางนี้ แต่มองทางด้านหน้า ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
แต่ว่า ขณะที่นางอยากถอนมือออกอีก มือใหญ่ข้างนั้นก็เข้ามาคว้ามือนางไว้แล้ว
ยังไงซะก็คือไม่ให้นางถอนมือตัวเองกลับ
ภายใต้ความจนปัญญา หลานเยาเยาเพียงถอนหายใจ กล่าวกับถังมู่หวั่นที่อยู่ตรงข้างอย่างทำอะไรไม่ได้ :
“ท่านดูสิ เขาติดข้ามาก”
เย่หลีเฉิน : ……สีหน้าการแสดงออกยากจะอธิบาย
เย่แจ๋หยิ่งกลับเสพสุขเป็นอย่างมาก
แต่ฉากนี้ ถังมู่หวั่นเห็นด้วยตา ในใจเปลวไฟแผดเผาขึ้นทันที บนใบหน้ากลับยังคงไม่สะทกสะท้าน
“คุณชายซ่างกวนเป็นผู้ชายสินะ?”
แม้ว่าจะเป็นผู้ชาย แต่เห็นในดวงตา กลับรู้สึกทิ่มแทงตาอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ๋องเย่เคยสนิทสนมกับผู้ชายแบบนี้เมื่อไหร่?
“หากปลอมจะเปลี่ยนให้!”
คำโกหกชนิดนี้ หลานเยาเยาหน้าไม่แดงใจไม่เต้น ไม่ว่าอย่างไรก็คือใช้อย่างขอไปที ปกติเป็นอย่างมาก
แต่เข้าไปในหูของใครบางคนกลับไม่เป็นเรื่องเช่นนั้น
เย่แจ๋หยิ่งหันกลับมา‘มอง’ทางนาง ริมฝีปากที่เม้มอยู่ค่อยๆขยับ :
“หากปลอมจะเปลี่ยนให้? หมายความอย่างไร?”
“ห๊ะ? ยังจะสามารถหมายความอย่างไรได้? ก็คือความหมายบนตัวอักษร” ไม่รู้ว่าทำไมเย่แจ๋หยิ่งถามขึ้นอย่างกะทันหัน แต่นางมักจะรู้สึกว่าในคำพูดของเย่แจ๋หยิ่งมีความนัย
“ข้าสามารถเข้าใจได้หรือไม่ว่า หากเจ้าเป็นผู้ชายไม่จริง ก็จำเป็นต้องช่วยข้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงจริงๆ? หืม?”
เอ่อ……
“นี่? นั่น?” หลานเยาเยาค่อนข้างงงงัน
ขณะที่นางไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร
ถังมู่หวั่นทางนั้นมีความเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน เห็นเพียงคุณหนูกู้ที่นอนสงบอยู่บนเตียง ลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน ดวงตาแดงก่ำค่อยๆเปลี่ยนเป็นขาว ดวงตาจ้องถลนสูญเสียความชัดเจนไปอย่างรวดเร็ว ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง เหมือนสัตว์ป่าเช่นนั้น
หลานเยาเยาหรี่ตาลง
ทำเป็นถึงเป็นเช่นนี้?
ก่อนหน้านี้ยังมีสติสัมปชัญญะ ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาชั่วครู่ คุณหนูกู้ผู้นั้นก็เปลี่ยนเป็นคนโดนมนต์ดำโดยสิ้นเชิงแล้ว
ดูเหมือนว่า วิชาการรักษาของถังมู่หวั่นเป็นเพียงการแสดงสินะ?
ไม่ทันได้คิดมาก ก็เห็นคนโดนมนต์ดำที่อยู่บนเตียง ลงจากเตียงด้วยท่าทางแปลกประหลาด พุ่งเข้ามาทางถังมู่หวั่นทันที
แต่ถังมู่หวั่นยังคงนิ่งสงบ เมื่อร่างกายแฉลบ ก็หลบการโจมตีของคนโดนมนต์ดำ มาถึงด้านหลังของหลานเยาเยาโดยตรง กล่าวด้วยเสียงที่รีบร้อนเล็กน้อย :
“นางเปลี่ยนเป็นคนโดนมนต์ดำแล้ว ทุกคนระวัง”
เหตุการณ์รวดเร็วไม่สามารถบรรยายได้ คนโดนมนต์ดำหมุนตัวก็พุ่งเข้ามา อ้าปากที่กระหายเลือด เหมือนกับว่าต้องการเอากัดฉีกของอาหารรสเลิศตรงหน้าสักรอบ
ความรวดเร็วเช่นนี้ ตอนนี้ร่างกายของตัวหลานเยาเยาเองไม่มีวิทยายุทธกำลังภายใน อีกทั้งร่างกายอ่อนแอ แต่นางเคยเป็นทหารหน่วยพิเศษ ข้ามเวลามาที่แผ่นดินใหญ่ผืนนี้มาสองครั้งแล้ว และไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นคนโดนมนต์ดำ ด้วยเหตุนี้นางมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว พุ่งไปทางเย่แจ๋หยิ่งโดยตรง พาเขาไปอีกทางหนึ่งด้วย
หันกลับมาจึงกล่าวกับเย่หลีเฉิน : “เย่หลีเฉิน ท่านออกไปก่อน แล้วปิดประตู”
ในร่างกายของเย่หลีเฉินไม่มีภูมิต้านทาน ถูกข่วนโดนก็สามารถเปลี่ยนเป็นคนโดนมนต์ดำได้สูง เย่แจ๋หยิ่งมี จุดนี้ไม่ต้องเป็นห่วง นางก็มีเป็นธรรมดา ไม่ว่าเป็นร่างกายนี้ หรือว่าร่างกายในอดีตนั้น
เย่หลีเฉินที่ได้ชักดาบออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก แต่กลับเก็บดาบโดยไม่รู้ตัว ถามว่า :
“ทำไม? ตัดหัวนางทิ้งในดาบเดียวก็ได้แล้ว”
เขาก็เคยสังหารคนโดนมนต์ดำ แม้ว่าจะมีภาพจำที่ไม่ดีต่อคนโดนมนต์ดำ แต่เวลาแบบนี้ จะไม่งอมืองอเท้าเป็นแน่
“ไม่ได้ มันยังมีประโยชน์ รีบออกไป” แทบจะเป็นการสั่งการ
สีหน้าท่าทางเช่นนั้นของนาง กับน้ำเสียงการพูดจาเช่นนั้น ทำให้เย่หลีเฉินตะลึงเล็กน้อย จึงได้พยักหน้า คนโดนมนต์ดำก็พุ่งเข้ามาทางเขาแล้ว
เวลานี้ ถังมู่หวั่นที่เดิมทีอยู่หลังหลานเยาเยา ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเย่หลีเฉินอย่างฉับพลัน ถีบคนโดนมนต์ดำออกไปทันที คนโดนมนต์ดำกลับถูกถีบมาทางหลานเยาเยาทางนี้แบบไม่ตายดี เล็บมือที่เปลี่ยนเป็นสีดำของมือสองข้างคว้ามาที่เท้าของนางทันใด
ระหว่างเวลาคับขัน มีคนตัดมือทั้งสองของคนโดนมนต์ดำไปโดยตรง
บนกระบี่ที่เบาเหมือนปีกแมลงปอด้ามนั้น ย้อมด้วยเลือดสีดำคล้ำ
สองมือที่ถือกระบี่ไว้ขาวน่ามอง เวลานี้กำลังถูกถังมู่หวั่นถือไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางมองนางแวบหนึ่ง ในดวงตามีความเยาะเย้ยแวบผ่าน
“คุณชายซ่างกวนต้องระวังสักหน่อย นี่เป็นถึงคนโดนมนต์ดำ ถูกข่วนโดนโดยไม่ระวังตัว ท่านก็จะเป็นเหมือนนาง ท้ายที่สุดต้องโดนคนตัดหัวเท่านั้น แม้แต่ศพก็ต้องถูกเผา”
“ขอบใจมากที่เตือน”
ถังมู่หวั่นคิดว่านางไม่เข้าใจคนโดนมนต์ดำ
เหอะ!
ดูเหมือนเตือนด้วยความหวังดี ความจริงกลับกำลังโอ้อวดต่อนาง
เพียงแต่ที่ทำให้นางคิดไม่ถึงคือ คิดไม่ถึงว่าถังมู่หวั่นจะเป็นวิทยายุทธ หรือว่านางที่จริง…….
“ฟู่ว!”
ดาบขึ้นดาบตก ราบคาบว่องไว กระบี่ที่เปล่งแสงประกายได้ตัดศีรษะของคุณหนูกู้คนโดนมนต์ดำลง มองดูศีรษะที่ตกกลิ้งอยู่ที่พื้นข้างๆ หลานเยาเยาขมวดคิ้ว และไม่ได้พูดจา
กลับเป็นเย่หลีเฉินเดินขึ้นหน้าสองสามก้าว เข้าใกล้ถังมู่หวั่นเล็กน้อย
“คุณหนูถัง ท่านรู้หรือไม่ว่าคนโดนมนต์ดำปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?”
“ความหมายของฮ่องเต้คือ ทำไมมู่หวั่นจึงได้เข้าใจคนโดนมนต์ดำเพียงนี้หรือเพคะ?” ถังมู่หวั่นเลิกคิ้วมองเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาคือฮ่องเต้ ไม่เพียงไม่ทำความเคารพ กลับยังเงยหน้ามองเขา ท่าทางเย็นชาหยิ่งผยอง
“ทำนองนั้น”
เหมือน
ชั่งเหมือนมาก
ตอนนี้การพูดจาพฤติกรรมของถังมู่หวั่นเหมือนกับหลานเยาเยาตอนเป็นเทพธิดาก่อนหน้านี้ทุกอย่าง
ขณะนี้
ถังมู่หวั่นหมุนตัวมองไปทางด้านนอกห้องโดยสาร มือไขว้หลัง ลักษณะท่าทางที่เห็นโลกมาหมดแล้ว ริมฝีปากแดงๆเปิดขึ้นเล็กน้อย
“ท่านอย่าลืมเชียว พวกเราเคยร่วมกันสังหารคนโดนมนต์ดำในสวนดอกไม้นานาพันธุ์? เวลานั้นข้าเคยให้ท่านช่วยข้าหาเบาะแสของยาขวดเล็กที่ตกหล่น……” พูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นสีหน้าขอเย่หลีเฉินเปลี่ยนแปลง แต่นางกวาดมองเย่แจ๋หยิ่งแวบหนึ่ง จึงได้ยิ้มเจื่อนๆเล็กน้อย “ช่างเถอะ เรื่องนานขนาดนี้แล้ว ใครยังจะจำได้อีก?”
พูดจบ!
ถังมู่หวั่นสะบัดแขนเสื้อจากไป
“เดี๋ยวก่อน เจ้าอย่าไป” เย่หลีเฉินที่แววตาเปลี่ยนแปลงคาดเดาไม่ได้รีบไล่ตามไป “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าพูดให้ชัดเจน”
หลังจากทั้งสองจากไป ก็เหลือเพียงหลานเยาเยาและเย่แจ๋หยิ่งอยู่ด้านใน
สายตาของหลานเยาเยาจดจ้องอยู่ที่ประตู ไตร่ตรองย้อนถึงสวนดอกไม้นานพันธุ์ในอดีต
นางจำได้ ตอนนั้นนางกับหานแสร่วมกันสังหารคนโดนมนต์ดำ ต่อจากนั้น เย่หลีเฉินก็เข้าร่วมด้วย นางได้ทำยาขวดเล็กที่ทำลายคนโดนมนต์ดำตกหล่นจริง สุดท้ายเป็นนางให้เย่หลีเฉินช่วยหา
ตอนนั้นเดิมทีถังมู่หวั่นไม่อยู่ที่นั่น
นางจะรู้ได้อย่างไร?
นอกจากหานแส เย่หลีเฉิน ก็มีเพียงนางที่รู้เท่านั้น
ถังมู่หวั่นเป็นใครกันแน่? แล้วคิดจะทำอะไร?
“ทำไม หนานซู่อยากอยู่ชื่นชมซากของคนโดนมนต์ดำต่อที่นี่หรือ?”
นางดึงสติกลับมา มองทางเย่แจ๋หยิ่ง ปริปากพึมพำ :
“ทำไมท่านไม่ตามออกไป?”
“ทำไมข้าต้องตามออกไปด้วย?” สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งตะลึงเล็กน้อย ราวกับไม่เข้าใจอย่างมาก
“ตอนนี้สายตาที่คุณหนูถังมองท่าน และพฤติกรรมตอนนี้ของนาง เหมือนคนผู้หนึ่งเป็นที่สุด คิดว่าคนผู้นั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับท่านสินะ!”
ทั้งๆที่เหมือนกันเช่นนั้น หากว่าเย่แจ๋หยิ่งสามารถมองเห็น ก็คงไม่นิ่งเฉยขนาดนี้เหมือนตอนนี้แล้ว
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร? ตอนนี้ข้าเป็นคนของเจ้า”
หลานเยาเยาเงียบแล้ว
ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ไม่ได้ยินคำพูดของนาง เย่แจ๋หยิ่งเดินมาถึงข้างกายนาง เอ่ยปากเรียบๆ
“เหมือนกับใช่เป็นคำสองคำที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง แล้วทำไมข้าต้องทำเพื่อผู้หนึ่งที่เหมือนและทอดทิ้งคนที่ใกล้เพียงด้านหน้า”
เมื่อคำพูดนี้ออกไป
หลานเยาเยาเงยหน้ามองเย่แจ๋หยิ่งทันที……