บทที่ 58 เลียนแบบอันธพาล
องค์หญิงจาวหยางนิ่งแข็งเป็นหินไปแล้ว
วันงานเสกสมรสของหลานเยาเยา กลับแอบมาในที่ของนางนี้ เพียงเพื่อค่ารักษาเหล่านี้หรือ?
นางเอาเสด็จอาของนางไว้ที่ตรงไหน?
“องค์หญิง ท่านอย่างมองข้าอย่างนี้ นี่คือสิ่งที่ข้าควรจะได้”
หากไม่พบองค์หญิงจาวหยางที่นี่ นางคงใช้เวลาเพียงชั่ววินาทีเอาค่ารักษาเหล่านี้ใส่เข้าไปในระบบแล้ว
“เยาเยา เจ้ารีบกลับเข้าไปในห้องหอเถอะ หากคนรับใช้หาเจ้าไม่พบ ห้องหอนั้นต้องยุ่งแน่ๆ”
ที่สำคัญกว่านั้นคือ คืนนี้เป็นคืนเข้าหอ!
หากเสด็จอาเห็นว่าภายในไม่มีคน จะไม่พังห้องหอจนพินาศหรอกหรือ?
เมื่อเห็นองค์หญิงจาวหยางท่าทางรีบร้อน หลานเยาเยาจึงเดินเข้าไปนั่งเงียบๆ ข้างหน้านาง พลางเอ่ยปลอบขึ้น
“อย่าตกใจไปเลย เย่แจ๋หยิ่งจะไม่มาที่ห้องหอหรอก พูดก็พูดเถอะ ถึงเขาจะมา สาวใช้ทั้งสี่ของข้าต่างต้องดูแลปรนนิบัติเขาอย่างดีแน่นอน”
แต่ว่า องค์หญิงจาวหยางยังอยากเตือนนางอีก หลานเยาเยาจึงเอ่ยขึ้นเสียงน้ำเสียงหนักแน่น “หากเจ้าจะตักเตือนข้าอีก อย่างนั้นข้าจะออกไปเที่ยวคนเดียวแล้ว”
องค์หญิงเจาหยางได้ยินดังนั้น ก็ฟังออกถึงนัยความหมายอะไรบางอย่าง ครู่เดียวก็ทำให้นางลืมเรื่องที่จะกล่าวตักเตือน พร้อมส่งสายตาจดจ้องรอคอยไปยังนาง
“เจ้าจะออกไปเที่ยวหรือ?”
พานางไปด้วยจะได้ไหม?
นางไม่ได้ออกจากจวนกว่าสามปีมาแล้ว อยากออกไปดูความครึกครื้นของบ้านเมืองภายนอก
“แน่นอน!เจ้าอยากไปด้วยไหม?”
วันนี้เป็นวันเสกสมรสของเย่อ๋องผู้แสนโด่งดัง ราษฎรทั่วไปในเมืองหลวงต่างออกมาบนถนนเพื่อชมความครึกครื้นของเมือง โรงงิ้วต่างๆ หิร้านเหล้าหลายแห่ง และยังหอชาทั้งหลาย ต่างขายดีมากกว่าวันปกติทั่วไป
หากพวกนางไปไม่คร้านจะสนุกสนานคึกคัก
ในเมื่อว่างอยู่แล้ว วันนี้ก็ยังได้รับค่ารักษามากมาย หากไม่นำไปใช้จ่ายสักหน่อย ก็คงคันไม้คันมือนัก
“ข้าไปด้วยได้ไหม?”
องค์หญิงจาวหยางเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ นางอยากไปนัก แต่ก็กลัวอาการป่วยจะกลับมา
ใครเล่าจะรู้ นางถูกเขกหน้าผากเบาๆหนึ่งที “มีข้าอยู่ ไปกันเถอะ”
หลานเยาเยาแต่งตัวให้กับองค์หญิงจาวหยางครู่หนึ่ง แล้วจึงถอดชุดสมรสของตัวเองด้านนอกออก และยืมเสื้อคลุมของจาวหยางคลุมไว้ด้านนอก
อย่างนี้ค่อยช่วยให้ดูไม่ออกว่านางคือเจ้าสาวหมาดๆ
เพียงชั่วครู่เดียว!
หลานเยาเยาในท่าทางซุกซนพาองค์หญิงจาวหยางที่โรคอาจจะกำเริบขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ออกจากจวนทางประตูใหญ่ด้านหลัง ต่างทำให้องครักษ์ลับที่แอบซุ่มอยู่ต่างอ้าปากค้าง
ในวันเสกสมรสพระชายาก็พาองค์หญิงออกไปเที่ยวเล่นแล้ว?
ท่านองค์คืนนี้จะเข้าหออย่างไรกัน?
…
เมื่อออกจากจวนแล้ว หลานเยาเยาก็พาองค์หญิงจาวหยางไปกินอาหารอร่อย
ระหว่างนั้น
“เยาเยา เป็นสตรีควรเป็นทำตัวเรียบร้อยรักษาจริต ต้องรักษากิริยามารยาท เจ้าดูเจ้าในตอนนี้สิ”
ดูราวกับหญิงป่าเถื่อน เสด็จอาชอบอะไรในตัวนางอย่างนั้นหรือ?
“ที่นี่ก็ไม่มีใครอื่น จะจู้จี้อะไรมากมาย กินให้อร่อยก็พอแล้ว”
หากกินข้าวยังจะต้องรักษาระเบียบมากมาย ค่อยๆกิน ระวังกิริยา อย่างนั้นแล้วจะกินไปได้อะไรกัน?
ช่างไม่ได้อารมณ์เลยจริงๆ!
“แต่ว่า…”
นางเป็นถึงองค์หญิงของแคว้น จะให้นางมากินข้าวอย่างตะกรุมตะกรามอย่างนี้ได้อย่างไร หากฮ่องเต้และฮองเฮามาเห็นเข้า นางต้องถูกตำหนิอย่างแน่นอน
“ก็ข้าเห็นเจ้าอยู่คนเดียวในจวนถึงสามปีแล้ว ก็เลยพาเจ้าออกมาแก้เบื่อ หากเจ้ายังเป็นอย่างนี้ละก็ ต่อไปข้าไม่พาเจ้าออกมาแล้ว”
“แต่ว่า…”
จะพูดอย่างไรก็ตามพวกนางก็ถือตัวเป็นหญิงสูงศักดิ์ ทำไมถึงต้องมากินอาหารที่ไม่มีระดับข้างทางเช่นนี้?
แต่ว่ากินไปกินมา ทำไมอาหารเหล่านี้ถึงได้อร่อยขนาดนี้?
“ไอหยา ไม่ต้องแต่ว่าอะไรแล้ว เจ้าดูอันนี้สิ รสชาติเยี่ยม เข้าปากแล้วละลายในปาก อร่อยมากๆ เลย”
แม้จะบอกว่ากินของอร่อยเหล่านี้แล้วจะท้องเสีย แต่อย่างไรก็อดไม่ได้อยากจะกิน ทำอย่างไรดี?
“แต่ว่า…”
เมื่อเห็นองค์หญิงจาวหยางดูเหมือนอยากจะพูดอะไรขึ้นมา หลานเยาเยาก็ถือเนื้อที่ทั้งชาทั้งเผ็ด เลิกผ้าคลุมหน้าขององค์หญิงขึ้นแล้วยัดเข้าปากองค์หญิงไป
จาวหยางเผ็ดจนกระโดดลุกขึ้น เดินไปเดินมาทั่วทิศโดยไม่รู้จะทำอย่างไร เดินไปเดินมาชั่วครู่ในที่สุดก็หาน้ำดื่มพบ แล้วรีบวิ่งกลับมาหาหลานเยาเยา พลางเอ่ยขึ้น
“แต่ว่าข้าเห็นมีคนขโมยตั๋วเงินเจ้าไปแล้ว”
แม้จะโดนขโมยตั๋วเงินไปเพียงปึกเดียว แต่มองดูราวกับมีมูลค่ามากอยู่ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ต้องเตือนขึ้น
“อะไรนะ?” ตั๋วเงินถูกขโมยหรือ?
กล้าขโมยตั๋วเงินข้าหรือ?
อย่างนั้นก็เตรียมตัวเป็นขันทีไปตลอดชีวิตซะ
ดังนั้น นางกระโดดผลุงขึ้น มองไปรอบสี่ทิศ แต่ก็ยังไม่พบใครวิ่งออกไปจากที่นั่น กลับถามขึ้น
“คนผู้นั้นวิง่หนีไปทางใดแล้ว?”
“เยาเยา ช่างมันเถอะ เพียงตั๋วเงินแค่ปึกเดียวเท่านั้น หากเจ้าคิดเสียดายละก็ กลับไปข้าให้เสด็จอาให้เจ้าเพิ่มขึ้นอีกหน่อย”
เมื่อขโมยไปแล้วก็ช่างเถอะ อย่างไรก็ไม่นับเป็นตั๋วเงินกี่มากน้อย ที่สำคัญคือโจรผู้นั้นหน้าตาดูโหดร้ายดุดัน มองดูแล้วน่ากลัวเหลือเกิน
พวกนางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอเท่านั้น!
หลานเยาเยาสั่นศีรษะขึ้นทันที
เพียงตั๋วเงินปึกเดียวอย่างนั้นหรือ?
นั่นล้วนเป็นตั๋วเงินที่นางหามาด้วยความยากลำบาก ผลของแรงงานของนางกลับโดนคนอื่นขโมยไปอย่างนี้ จะไม่ให้นางทำอะไรเลยหรือ?
เวลานั้นหลานเยาเยาคว้าน่องไก่ขึ้น ถูเข้ากับผงพริกจนเป็นชั้นหนา แล้วชี้ไปยังองค์หญิงจาวหยางพลางเอ่ยปากขึ้น “เจ้ารีบพูดออกมา โจรขโมยของนั้นวิ่งไปทางไหน?ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าเผ็ดตาย”
เมื่อถูกหลานเยาเยากดดันเข้า องค์หญิงจาวหยางก็ชี้ไปยังตรอกตรอกหนึ่ง
หลานเยาเยาไม่พูดร่ำทำเพลงก็วางน่องไก่นั้นลง รูปพุ่งตัวไปยังตรอกนั้นทันที เมื่อจาวหยางเห็นดังนั้น ก็รีบวิ่งตามไปด้วย
ภายในตรอกนั้น
หลานเยาเยาเพียงครู่เดียวก็ตามทันโจรผู้เชื่องช้าคนนั้น โจรผู้นั้นไม่ทันคาดคิด เมื่อเขาขโมยตั๋วเงินแล้วกลับไม่เห็นว่ามีคนตามเขามา เมื่อคิดว่าไม่มีใครเห็น เขาจึงไม่กลัวอะไร
แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหว และหันกลับไปก็เห็นหลานเยาเยายกมือเท้าสะเอวขึ้น มองเขาด้วยสายตา
หมาป่าผู้หิวโหย ทำเขาหวาดกลัวจนวิ่งหนีเตลิด
แต่ยังไม่ทันได้วิ่งหนีไปเท่าใด ก็ถูก หลานเยาเยาวิ่งไล่ตาม แล้วจึงถูกเหวี่ยงข้ามไหล่ไปอย่างสวยงาม
“โอ้ย!”
เสียงบุรุษร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดลอยมาจากด้านในตรอก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องขอชีวิต
เมื่อองค์หญิงจาวหยางมาถึง ก็เห็นโจรผู้นั้นถอยหลังลนลานด้วยความหวาดกลัว ท่าทางน่าสงสารยิ่งนัก ราวกับถูกตีจนเสียสติไปแล้ว
นางรีบวิ่งเข้าไป เมื่อเห็นหลานเยาเยานำตั๋วเงินที่ถูกขโมยไปคืนได้แล้ว ก็รีบเตือนขึ้นทันที
“เยาเยา ตั๋วเงินก็ได้คืนแล้ว คนก็ทุบตีแล้ว อย่างนี้แล้วก็ช่างมันเถิด”
หลานเยาเยามองไปยังองค์หญิงจาวหยาง วัดน้ำหนักของตั๋วเงินที่อยู่ในมือตัวเอง
จำนวนตั๋วเงินไม่หายไปไหน ตัวเองก็ทุบตีคนไปแล้วรอบนึง ถือซะว่าก็ยังเป็นเรื่องดีละกัน
“ในเมื่อเจ้าช่วยขอร้องแทนเขา ข้าก็ไว้หน้าเจ้าหน่อยแล้วกัน ไปกันเถอะ”
เมื่อพูดจบก็พาองค์หญิงหันกายเดินจากไป แต่ยังไม่ทันเดินได้กี่ก้าว ด้านหลังก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“รอก่อน!”
เมื่อทั้งสองหันกลับไป กลับพบด้านหลังของโจรมีคนมาสมทบอีกหลายคน แต่ละคนไม่ถือด้ามไม้ก็ถือมีดเล่มใหญ่ ทั้งยังพร้อมกันถือพาดบ่ากันทุกคน
แม่เจ้าโว้ย!
พวกอันธพาลหรือนี่?
เสียดายเพียงว่าเหล่าพวกอันธพาลจริงๆ แล้วต้องยังหนุ่มแน่น และบางคนยังหล่อร้านเหล้าเอาการเสียด้วย
แต่คนพวกนี้หน่ะหรือ?
แต่ละคนต่างหัวมันหน้าไหม้ ไขมันย้วยเหมือนหมูนี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“หายไปครู่เดียว ทำไมต่างกันมากขนาดนี้?”