บทที่ 588 เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้ว
ในรถม้า หลานเยาเยาหยิบน่องไก่อันหนึ่งมองดูอยู่นาน ระงับการกระทำในการกลืนกินอย่างมูมมามลง จึงได้กินอย่างสุภาพทีละคำทีละคำ
เย่แจ๋หยิ่งที่มองดูอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น เตือนประโยคหนึ่ง
“เจ้าสามารถกินด้วยความกล้าอย่างเปิดเผย”
“ปกติข้าก็มีท่าทีเช่นนี้ ละเอียดถี่ถ้วนและสุภาพ”
กินน่องไก่ไปพลาง เบิ่งตาพูดไร้สาระไปพลาง อย่างไรเสียแม้นางจะมีความอยากอาหาร แต่ไม่ได้เหมือนอดีตเช่นนั้นแล้ว ในช่องว่างที่ระบบรักษาเก็บอาหารรสเลิศไว้เต็มเอี๊ยด หรือทันทีที่เห็นอาหารรสเลิศก็พุ่งไปโดยตรง
หลังจากฟื้นขึ้นมาที่ทะเลทราย
นอกจากมีชีวิตรอด วันที่ไม่มีเย่แจ๋หยิ่งอยู่ อาหารทุกอย่างล้วนไร้รสชาติ นานไปนานไป แม้จะยังคงโปรดปรานอาหารรสเลิศ แต่ไม่ได้บ้าคลั่งเช่นนั้นเหมือนอดีตแล้ว กระทั่งมีบางครั้งที่ยากจะกลืน ทำได้เพียงเป็นการชื่นชมชนิดหนึ่งเท่านั้น
แต่มาถึงเมืองหลวง หลังจากที่ได้พบกับเย่แจ๋หยิ่ง นางจึงค่อยๆมีความรู้สึกว่าการมีชีวิตมีสีสัน
กินไปสองสามคำ นางพยักหน้าวิจารณ์
“อร่อยมาก ถนนของกินเล่นนั่น…….”
รสชาติน่องไก่นี้ ก็คือน่องไก่ของแผงร้านค้าร้านที่ถัดไปจากแผงร้านขายขาหมูสองร้านที่ถนนของกินเล่นตลาดกลางคืน นี่เป็นรสชาติที่ไม่มีใครเหมือน นางชั่งคุ้นเคยนัก เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองพูดอะไรแล้ว นางก็ปิดปากทันที เอากระเป๋าพยาบาลเลื่อนไปข้างๆเย่แจ๋หยิ่งอย่างช้าๆ
“ท่านก็กินสิ!”
สายตาของเย่แจ๋หยิ่งสลดลงเล็กน้อย และไม่ได้จับคำพูดที่นางหลุดพูดออกมาไม่ปล่อย แต่ก็ไม่พูดจา มองดูกระเป๋าพยาบาลที่ถูกเลื่อนมาข้างกายเขา และเพียงมองแค่แวบเดียวเท่านั้น ก็รีบเคลื่อนสายตาออกไป ตกอยู่บนน่องไก่ที่อยู่บนมือของหลานเยาเยา แววตาจับจ้อง แล้วไม่เคลื่อนย้ายอีก
หืม?
หมายความว่าอะไร?
หลานเยาเยามองดูน่องไก่ในมือของตัวเอง จากนั้นยื่นไปด้านหน้าของเย่แจ๋หยิ่งด้วยความข้องใจ
“ท่านต้องการกินอันนี้?”
ใครจะรู้ เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้ตอบ แต่ใช้การกระทำจริงๆบอกนาง เขากัดน่องไก่ที่หลานเยาเยากัดแล้วคำหนึ่ง แม้ขอบปากล้วนเลอะเทอะความมันเหนียว
“รสชาติไม่เหมือนกันจริงๆ!”
ไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ทำให้นางตกใจก็คือ เย่แจ๋หยิ่งกินของที่ผู้อื่นกินไปแล้ว เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ
หลานเยาเยาเตรียมเอาน่องไก่ในมือให้เขาทั้งหมด แต่เขากลับไม่กินแล้ว
“ข้าไม่ชอบของที่มันเกินไปนัก ลองชิมของอร่อยก็พอแล้ว”
เหตุผลดีมาก นางไม่สงสัยเลย ด้วยเหตุนี้นางกินไปพลางถามไปพลาง :
“อ๋องเย่ ท่านหาข้าพบได้อย่างไร?”
จากส้งเย่นกุยบุคคลชนิดที่หาทิศทางเหนือใต้ไม่เจอก็เดินมั่วซั่วนี้ เย่แจ๋หยิ่งสามารถหานางพบได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ในนี้จะต้องมีเลศนัยเป็นแน่
“ได้ยินเย่หลีเฉินพูดว่าเจ้าต้องการไปสำนักหงอี ข้าก็รีบขี่ม้าไปที่นั่นอย่างไม่หยุดหย่อนทันที แต่เมื่อคิดถึงส้งเย่นกุยอาจจะเป็นคนซื่อๆที่จำทางไม่ได้ชนิดนั้น ดังนั้นข้าจึงได้เพิ่มคนจับตาดูมากขึ้น ให้องครักษ์ลับทั้งหมดสืบหาเบาะแสของพวกเจ้าทุกที่ทั้งนอกและในเมืองหลวง
เป็นดังคาด ไม่ต้องใช้เวลานาน ก็มีองครักษ์ลับพบทางไปของพวกเจ้า ข้ากลัวเจ้าจะดึงดูดศัตรูได้รับการโจมตีโดยไม่ได้ตั้งใจ มาด้วยวิธีสร้างภาพตบตาเพื่อให้หลงเชื่อเพื่อวัตถุประสงค์อื่น จึงคิดว่าควรมาจับกุมเจ้าด้วยตัวเอง”
คำว่าจับกุมพูดอย่างหนักแน่น น้ำเสียงเช่นนั้นคือเกรงว่าหลานเยาเยาจะหอบทรัพย์สมบัติของเขาหนีไปเช่นนั้น
สำหรับส้งเย่นกุย ก็คือเจ้าระบบที่ชอบตามก้นของหลานเยาเยาอยู่ด้านหลังต้อยๆ อย่ามองท่าทางปัญญาชนที่ยึดมั่นในคุณธรรม ความจริงกลับเป็นคนชอบหลงทางขี้เกียจใช้สมองผู้หนึ่ง
หากไม่ใช่ภูมิประเทศที่คุ้นเคยมากๆ บวกกับยังมีลายแทงแผนที่ เย่แจ๋หยิ่งคาดว่า ในทะเลทรายส้งเย่นกุยคงลากหลานเยาเยาของเขาไปถึงทางตัน
“เชอะ!”
หลานเยาเยาอึดอัดใจ
“ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”
“แต่เจ้าทำเรื่องเช่นนั้นแล้ว ซู่เอ๋อ เจ้ากล้ารับรองว่าเจ้าจะไม่ทิ้งข้าที่ไร้ญาติขาดมิตรพกเงินทางหลบหนีไปอีกได้หรือไม่? เจ้ารู้หรือไม่ ตั้งแต่ที่ให้สัญญาขายตัวกับเจ้า ข้าก็เป็นได้เพียงคนของเจ้าเท่านั้น หากเจ้าทอดทิ้งข้าแล้ว ข้าก็……”
เมื่อนึกถึงส้งเย่นกุยที่ใช้ผมเป็นผ้าผูกคอข่มขู่เขาก่อนหน้านี้นั้น เขารีบคว้าหยิบผมของตัวเองขึ้นมาพันบนคอ “ก็จะตายให้เจ้าดู”
“……” หลานเยาเยางงงวยแล้ว
มาอีกแล้ว
นี่ไม่ใช่เย่แจ๋หยิ่งที่นางรู้จัก
เย่แจ๋หยิ่งควรจะเฉลียวฉลาดองอาจห้าวหาญ บ้าอำนาจเป็นที่สุด ท่าทางเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ตอนนี้เช่นนี้ เขาไม่ใช่ ไม่ใช่เด็ดขาด
คงไม่ใช่เพราะบ้านทรัพย์สมบัติให้นางหมดแล้ว สัญญาขายตัวก็ให้นางแล้ว ยังมีอาการป่วยที่ร่างกาย เมื่อนางหนี เขาจึงกลายเป็นโดนทอดทิ้ง‘ไม่มีที่อยู่’ ดังนั้นโดนกระทบกระเทือนจิตใจเสียสติไปแล้ว?
เมื่อนึกว่าอาจจะเป็นเช่นนี้ หลานเยาเยาก็ไม่วางใจขึ้นมา
“อย่าอย่าอย่า ท่านอ๋อง มีอะไรก็พูดดีๆ ข้ารับรองหลังจากนี้จะไม่ทิ้งท่านอีกแล้ว”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งไป เย่แจ๋หยิ่งก็ฟื้นคืนเป็นปกติด้วยความพอใจ
“เจ้าสาบาน”
“ได้ ข้าสาบาน”
หลังจากหลานเยาเยาสาบานติดต่อกัน เย่แจ๋หยิ่งจึงเอนพิงรถม้าด้วยความวางใจ
“ได้ ข้าเชื่อเจ้า”
ต่อจากนั้น มือใหญ่ของเย่แจ๋หยิ่งค้ำศีรษะเล็กน้อย สายตาตกอยู่ที่ใบหน้าของนาง
ทั้งๆที่รู้ว่าเขามองไม่เห็น แต่ถูกเขามองเช่นนี้ แรกเริ่มยังดี มองนานแล้วจึงรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
“อ๋องเย่ ข้ารู้ว่าข้าหล่อเหลาสง่างามมาก แต่ท่านก็ไม่สามารถ……”
พูดยังไม่ทันจบ รถม้าก็หยุดลงอย่างฉับพลัน
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเย่แจ๋หยิ่งเคร่งขรึมในพริบตา ทั้งร่างกลิ่นอายดุร้ายคุกรุ่น อายเย็นยะเยือกบีบคั้นคน กล่าวด้วยเสียงยะเยือกเย็น :
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลานเยาเยาอึ้งไปทันที
เอาเถอะ เย่แจ๋หยิ่งก็ยังเป็นเย่แจ๋หยิ่งผู้นั้น ไม่เปลี่ยนไปสักน้อย
“รายงานเจ้านาย ด้านหน้ามีเหตุการณ์ขอรับ”
โดยปกติมีเหตุการณ์ หากไม่ใช่เหตุการณ์ใหญ่โต องครักษ์ลับจะอ้อมเข้าไปอัตโนมัติ ไม่รบกวนเจ้านายของตัวเอง แต่ตอนนี้องครักษ์ลับหยุดลง ก็อธิบายได้ว่าเหตุการณ์ที่พบไม่ปกติ
หลานเยาเยาเปิดม่านดู
ด้านหน้าตรงกลางถนน มีคนแต่งตัวเป็นโจรกลุ่มหนึ่ง กำลังปล้นสามีภรรยาชาวบ้านคู่หนึ่งที่แบกตะกร้า
เวลานี้พวกเขากำลังฉุดๆลากๆ โจรพยายามแย่งชิงถุงป่านหนักๆถุงหนึ่งบนตะกร้า ชาวบ้านสองคนพยายามแย่งชิงคืนมา ตัดสินใจไม่ยอมให้
โชคดีที่ยังไม่จับมีด
รอจนโจรแย่งชิงของได้ หามไว้บนบ่าอย่างดีอกดีใจ ด้านหลังโจรผู้หนึ่งชักมีดด้ามใหญ่ ก็พุ่งไปทางสองสามีภรรยา
หลานเยาเยาหรี่ตาลง
เยี่ยมมาก แย่งชิงของแล้วยังต้องการจะปิดปากหรือ? ชั่วร้ายเป็นที่สุดจริงๆ
นางยังไม่ได้ขยับ ส้งเย่นกุยที่ขี่ม้าอยู่ก็ลงมือก่อนแล้ว เมื่อมือใหญ่โบก กำลังภายในที่แข็งแกร่งก็โจมตีไป โจรไม่กี่คนถูกโจมตีกระเด็นในพริบตา จากนั้นล้มลงบนพื้นอย่างหนัก ยังกระอักเลือดด้วย
และต่อจากนั้น เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้ว
สองสามีภรรยาที่ถูกแย่งของ วิ่งเข้าไปอย่างรีบร้อน หลานเยาเยาคิดว่าพวกเขาต้องการแย่งชิงถุงป่านหนักๆใบใหญ่กลับมา ใครจะรู้พวกเขาข้ามถุงป่านที่อยู่ด้านข้างไปโดยตรง ยื่นมือไปพยุงโจรที่ล้มกระอักเลือดอยู่บนพื้น ยังจะมองพวกเขาอย่างเป็นห่วงอีก
ส้งเย่นกุยตะลึงงันแล้ว!
หลานเยาเยาก็ตะลึงงันแล้ว!
มีเพียงเย่แจ๋หยิ่งผู้เดียวที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น มองดูการตอบสนองของหลานเยาเยากลับปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา
องครักษ์ลับที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถม้า หันกลับมามอง เห็นเจ้านายของตัวเองพยักหน้า เขารีบเหาะไปทันที เมื่อมาถึงด้านหน้าของโจร รีบเอื้อมมือไปที่ข้างๆดาบพกตรงช่วงเอว หยิบขวดเล็กขวดหนึ่งออกมา โยนให้โจรไม่กี่คนนั่นโดยตรง
ชาวบ้านมีสีหน้าระวัง ไม่รู้ว่าพูดอะไร
ต่อจากนั้นโจรก็พูดอีกสองสามประโยค สีหน้าโกรธเคืองก่อน จากนั้นเป็นขอบคุณ สุดท้ายยังทำมือเคารพมาทางรถม้าทางนี้อีก รอจนองครักษ์ลับกลับมาแล้ว ชาวบ้านและโจรเคลื่อนย้ายถุงป่านใหญ่ที่หนักอึ้งและแบกตะกร้าไปไว้ข้างทางด้วยกัน ให้พวกเขาผ่านไป
ส้งเย่นกุยมองไปทางเจ้านายของตัวเอง เจ้านายของตัวเองมองไปทางอ๋องเย่ข้างกายที่ไม่โมโหแต่ยังคงความน่าเกรงขามของตัวเองไว้ ทั้งสองมีข้อกังขาที่คลายออกไปไม่ได้
จนกระทั่งขณะที่รถม้าผ่านข้างๆโจรและชาวบ้าน หลานเยาเยาเห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาพยักหน้ามาที่นางทางนี้ด้วยสีหน้าขอบคุณ ยังจะพยักหน้าโค้งคำนับส่งพวกเขาจากไปอีก……