ปีนั้นเพื่อทำลายทุ่งดอกกระดูกขาวทั้งหมดทิ้ง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเย่แจ๋หยิ่งเสียสละไปไม่รู้มากน้อยเท่าไหร่ และคนของนางก็เสียหายไปไม่น้อย
แม้แต่คุณปู่เย่นของนางก็อยู่ในทะเลทรายตลอดกาล
นางไม่ปรารถนาให้คนเหล่านั้นตายเปล่า ดังนั้นนางต้องการกำจัดหายนะไปตลอดกาล
อย่างน้อยต่อจากนี้รากฐานของประเทศก่วงส้าก็ไม่ได้โดนทำลายเพราะคนโดนมนต์ดำ
เมื่อนึกถึงเรื่องปีนั้น เย่แจ๋หยิ่งหนักใจขึ้นมาก เขาถอนใจอีกครั้ง เอื้อมมือไปเล่นผมของหลานเยาเยาเบาๆ
“ข้ารู้เป็นแน่ว่าพวกเขาไม่สามารถตายเปล่าได้ แต่วิธีจัดการมีมากมาย วิธีที่เจ้าพูดมันชั่วร้าย”
จุดนี้หลานเยาเยาไม่ปฏิเสธ
แต่แม้ว่าจะชั่วร้าย แต่กลับเป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลโดยตรงมากที่สุด
นางไม่อยากสละชีพคนที่บริสุทธิ์มากมาย
อย่างไรเสีย หลังจากผ่านวันจับจ่ายช่วงปีใหม่ สถานภาพของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน หากประเทศก่วงส้าถูกคนโดนมนต์ดำบุกรุกและก่อกวนอีก เช่นนั้นความวุ่นวายทั้งภายนอกภายใน ไม่เป็นผลดีต่อประเทศก่วงส้าเป็นที่สุด
พูดจบ หลานเยาเยาก็ถูไถในอกของเย่แจ๋หยิ่ง หาตำแหน่งที่สบายพิง
เย่แจ๋หยิ่งเขี่ยจมูกนาง “ข้าจะสามารถทำอะไรเจ้าได้?”
เห็นนางตอบรับ หลานเยาเยาหัวเราะเย้าแหย่ กล่าว
“ไม่เช่นนั้นท่านก็กดข้าไว้บนโต๊ะทำทุกสิ่งที่ปรารถนา?”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งไปเย่แจ๋หยิ่งก็เผลอยิ้มออกมาในพริบตา มือที่เขี่ยจมูกนางชะงักทันที จากนั้นดีดหน้าผากของนางเบาๆ หัวเราะดุประโยคหนึ่ง: “ไม่รู้จักอาย”
ต่อจากนั้น เมื่อมือใหญ่โบก เอาพู่กันหมึกกระดาษแท่นหมึกกวาดไปอีกข้างทันที อุ้มหลานเยาเยาขึ้นบนโต๊ะ มองดูนางด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความรัก และเป็นไฟร้อน
หลานเยาเยาตะลึง ระหว่างที่ตะลึงเล็กน้อย นางก็ถูกกดบนโต๊ะแล้ว และเย่แจ๋หยิ่งทับบนตัวแล้ว
“ยังจะบอกว่าข้าไม่รู้จักอาย ท่านก็กลับปฏิบัติจริง ข้าแค่พูดเท่านั้น พวกเราไม่รีบในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เป็นกลางวันแสกๆ ข้ายังไม่ได้อาบ……อุบ……”
คำพูดด้านหลัง ทั้งหมดถูกบางคนกลืนลงท้อง สงครามของเซียนทั้งสองเริ่มขึ้นในห้องหนังสืออีกครั้ง
คุณชายเหลียงเฉินด้านนอกห้องหนังสือ เขาได้ยินแล้วว่าซ่างกวนหนานซู่มาที่นี่ จึงรีบมา เห็นประตูปิดสนิท เดิมทีคิดจะเคาะประตู พ่อบ้านเหมยหยุดเขาไว้
“พ่อบ้านเหมย ท่านขวางข้าทำไม? ข้ามีเรื่องสำคัญมากต้องการพบซ่างกวนหนานซู่”
“ตอนนี้รู้จักรีบร้อนแล้ว? ไม่มีประโยชน์ คุณชายซ่างกวนอยู่ด้านในหารือกับอ๋องเย่ของข้า คนไม่มีธุระข้องเกี่ยวห้ามเข้า”
พ่อบ้านเหมยเบ้ปาก
แน่นอนว่าเขารู้ว่าโม่เหลียงเฉินพบคุณชายซ่างกวนทำไม ยังคงเพราะแม่นางฮัว แต่ว่า คุณชายซ่างกวนช่วยแม่นางฮัวกลับมานานมากแล้ว ถูกจัดให้รักษาอยู่ที่อื่นโดยตลอด ทั้งๆที่บอกกับอ๋องเย่อย่างดีแล้วว่าต้องการให้โม่เหลียงเฉินช่วย แต่กลับไม่ไปพบสักที
โม่เหลียงเฉินรอเหลียวซ้ายเหลียวขวาอยู่ในจวน สุดท้ายยังคงไม่ได้ความ ในที่สุดก็อดทนไม่ไหว ไปพบคุณชายซ่างกวนเอง แต่ทุกครั้งก็หาคนไม่เจอ เป็นเช่นนี้สองสามครั้งโม่เหลียงเฉินก็รู้ คุณชายซ่างกวนตั้งใจหลบหน้าเขา
ผ่านไปหลายวันขนาดนี้ วันนี้ไม่ง่ายที่จะจับตาดูจนได้เบาะแสของคุณชายซ่างกวน จึงรีบมาอย่างรีบร้อน
ทั้งๆที่คนก็อยู่ในห้องหนังสือ แต่กลับเข้าไปไม่ได้ ในใจต้องร้อนรนดั่งมดที่อยู่บนหม้อร้อนเป็นแน่
ทำไมคุณชายซ่างกวนถึงเป็นเช่นนี้?
พ่อบ้านเหมยไม่รู้ แต่เขาก็ไม่ต้องรู้
คุณชายซ่างกวนเขามีความคิดมากมาย เวลาที่ควรพบก็จะพบเป็นธรรมดา เวลาที่ไม่ควรพบ จะคิดวิธีหลบเลี่ยง
ตอนนี้เวลานี้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรพบ
ดังนั้น พ่อบ้านเหมยจึงกั้นขวางไว้ตรงนี้ คนในห้องหนังสือต้องได้ยินความเคลื่อนไหวแล้วเป็นแน่ ควรหรือไม่ควรก็ให้คุณชายซ่างกวนตัดสินใจเอง
คุณชายเหลียงเฉินที่ถูกคิดว่าเป็นคนไม่มีธุระข้องเกี่ยวอึดอัดมาก
เขาเหลือบมองพ่อบ้านเหมือนแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ก่อนหน้านี้ไม่ชอบหน้าเขา นี่เพิ่งจะกี่วันเอง? ก็ถูกคนอื่นปลุกระดม ช่วยคนอื่นเขาพูดแล้ว ยังกลับมาว่าข้าเป็นคนไม่มีธุระข้องเกี่ยวอีก พ่อบ้านเหมย ท่านพูดมา หากว่าข้ามาช้ากว่านั้นอีกสองสามวัน ประตูใหญ่ท่านก็ไม่ให้ข้าเข้ามาแล้วใช่หรือไม่?”
มองดูเขาที่เต็มไปด้วยความเคือง พ่อบ้านเหมยตบไหล่เขา:
“เป็นเช่นนั้นจริงขอรับ!”
“…….” ยังจะสามารถพูดกันดีๆได้อีกหรือ?
ก่อนหน้านี้พ่อบ้านเหมยผู้นี้ไม่ใช่ว่ายังดีๆอยู่หรือ? ทำไมแค่ชั่วข้ามคืนก็เปลี่ยนแล้วล่ะ?
“ได้ได้ได้ ข้าไม่เข้าไปก็ได้”
ไม่ให้เขาเข้าไปสินะ!
เช่นนั้นเขาก็ไม่เข้าไป ก็รออยู่ตรงนี้ เขาไม่เชื่อว่าพ่อบ้านเหมยจะเอาไม้กวาดมากวาดเขาออกไปจากประตู
คุณชายเหลียงเฉินเอามือสองข้างไว้ด้านหลัง สายตาจับจ้องห้องหนังสือ ท่าทางจะไม่ยอมแพ้ถ้าไม่รอจนซ่างกวนหนานซู่ออกมา
เห็นดังนั้น พ่อบ้านเหมยหันหน้าแล้วเดิน
โม่เหลียงเฉินถาม: “พ่อบ้านเหมยไปไหน ไม่อยู่คุยเรื่อยเปื่อยเป็นเพื่อนข้าหรือ?”
“หาไม้กวาดขอรับ”
โม่เหลียงเฉินหูตั้ง ใจเกิดความระมัดระวัง: “หาไม้กวาดทำอะไร?”
“กวาดพื้นขอรับ!” พ่อบ้านเหมยเดินไปไกลแล้ว
“ท่านพ่อบ้านใหญ่ผู้หนึ่งยังต้องกวาดพื้นอีกหรือ?” เขาเปล่งเสียงดัง กล่าวกับพ่อบ้านเหมย
“ไม่เช่นนั้นล่ะ? จะต้องกวาดท่านคุณชายเหลียงเฉินผู้นี้ออกจากประตูงั้นหรือขอรับ?” หางเสียงยังไม่ทันสิ้นสุด เงาร่างของพ่อบ้านเหมยก็หายไปตรงที่ลึกสุดตรงทางเดิน
หลังจากไม่มีคนคุยด้วย โม่เหลียงเฉินทำได้เพียงเดินไปนั่งตรงศาลาที่อยู่ไม่ไกล ลมหนาวพลิ้ว อากาศเย็นยะเยือก โม่เหลียงเฉินทนลมหนาว รวบชุดคลุมที่หนาแน่นแต่ไม่ไร้ราศีไว้ รอเงียบๆ
ไม่นาน ประตูห้องหนังสือเปิดแล้ว
มีเพียงเงาของเย่แจ๋หยิ่งออกมาผู้เดียว โม่เหลียงเฉินมองอย่างงงัน เขารีบเดินเข้าไป
“แจ๋หยิ่ง คุณชายซ่างกวนล่ะ?”
เย่แจ๋หยิ่งสีหน้าเรียบเฉย แววตาเย็นยะเยือก ท่าทางเหมือนไม่พอใจ
ทำให้โม่เหลียงเฉินลูบศีรษะ แต่รู้สึกว่าคอก็เย็นเล็กน้อย ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่เป็นสุขที่สุด ในใจอดคิดไม่ได้: วันนี้ออกจากจวนน้อยมาก แต่เหมือนกับว่าไม่ได้ไปทำให้อ๋องเย่โกรธหรอกนะ! เมื่อก่อนพ่อบ้านที่สนิทกับเขาพูดจาเสียดแทง เพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของตัวเองและเป็นเจ้านายครึ่งหนึ่งของตัวเองมีสีหน้าโกรธเคืองต่อเขา
นี่คืออย่างไรกัน?
“ท่านอ๋อง?” เขาถามเป็นการหยั่งเชิงอีกครั้ง
ปกติเวลาที่ไม่มีเรื่องอะไร เขาจะเรียกชื่อเย่แจ๋หยิ่งโดยตรง ในเวลาสำคัญหรือต่อหน้าคนนอกเขาจะเรียกว่าท่านอ๋อง ตอนนี้เขาเรียกเป็นการหยั่งเชิง ดูการตอบสนองของเย่แจ๋หยิ่ง
แต่ว่า!
เย่แจ๋หยิ่งยังคงมีท่าทางเช่นนั้น
เป็นเวลานานถึงเหลือบมองเขาแล้วกล่าว: “นางไปแล้ว!”
เรื่องสวยงามดีๆเรื่องหนึ่ง เป็นไปได้ยากที่หลานเยาเยาจะเริ่มก่อน กำลังเริ่มการเสพสุข ก็ถูกคนตรงหน้าผู้นี้รบกวน ทำให้ภรรยาของเขาตกใจแล้วจากไป
เจ้านี่‘ตัวการก่อเรื่อง’ดูเหมือนว่าจะไม่อยากได้ภรรยาแล้ว
“เขาไปแล้ว? ไปไหน ทำไมยังหลบข้าอีกล่ะ!” โม่เหลียงเฉินนั้นที่ร้อนรน!
หาซ่างกวนหนานซู่ไม่พบ เขาก็พบฮัวหยู่อันไม่ได้ ได้ยินว่านางบาดเจ็บสาหัสมาก ตามองดูก็แทบไม่รอดแล้ว เขาอยากพบหน้านาง ทำไมถึงยากขนาดนั้น?
“นางอยากทำให้เจ้าลิ้มรสความลำเค็ญในการตามหาคนผู้หนึ่ง”
นี่คือความตั้งใจของหลานเยาเยา
นางทำแทนฮัวหยู่อัน เพื่อทำให้โม่เหลียงเฉินเข้าใจเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นฮัวหยู่อันคิดไปเองว่าหาที่พึ่งพิงพบแล้ว พาเขากลับไปชนเผ่า แต่เขากลับวิ่งหนี
ด้วยเหตุนี้ฮัวหยู่อันเสียใจระยะหนึ่ง
ตอนนี้ในใจของโม่เหลียงเฉินมีฮัวหยู่อัน เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงสภาพจิตใจความรู้สึกในตอนนั้นของฮัวหยู่อัน
ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เป็นเพราะตอนนั้นโม่เหลียงเฉินช่วยเขาทำธุระ ด้วยเหตุนี้จึงใช้อุบายชายรูปงาม ใครจะรู้ ว่าเขาจะเอาตัวเองเข้าไปด้วยจริงๆ
สามารถพูดได้เพียงว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว!
แม้ว่ายังคงไม่พอใจกับเรื่องเมื่อครู่ แต่เย่แจ๋หยิ่งรู้โม่เหลียงเฉินก็มีความลำบากใจ พ่อแท้ๆถูกราชครูเทียนเวิงคุมขังหลายปี บนตัวแบกภาระความแค้นแสนสาหัส เพื่อขุดรากถอนโคนคนสารเลวที่อดีตเคยทำเรื่องชั่วกับราชครูเทียนเวิง เขาพยายามทั้งวันทั้งคืน แทบจะทุ่มเททั้งกายใจเลือดเนื้อ
กระทั่งในหนึ่งปีก่อน แยกกับพลทหารของเขาเป็นสองทาง เผาทำลายทุ่งดอกกระดูกขาวอย่างราบคาบ โชคร้ายบาดเจ็บสาหัส
ดังนั้น จึงไม่สามารถไปทะเลทรายเป็นกับเขาได้
ตอนนี้ความแค้นอันยิ่งใหญ่ชำระแล้ว แต่กลับทำร้ายฮัวหยู่อัน
ได้ยินคำนี้ โม่เหลียงเฉินนิ่งเงียบแล้ว