บทที่ 67 ฝังพระชายาทั้งเป็น
พอน้ำเสียงนั่นหยุดลง
เย่แจ๋หยิ่งที่กดนางเอาไว้ก็ถอยหลังออก สายตาของเขาเย็นชาลง แต่ยังคงมองไปที่นางอยู่
หลังจากที่เห็นว่านางผงกหัวเหมือนนกไม้ นางก็ยังคงยืนอึ้งอยู่เหมือนเดิม
มันทำให้เย่แจ๋หยิ่งอดที่จะหน้านิ่งไม่ได้
“ยังไม่รีบไปอีก?”
“อือ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หลานเยาเยาหันหน้าหนีไป ใบหน้าของนางดูสับสนมาก
หรือว่านางจะรู้สึกพลาดได้เหมือนกัน?
เขาไม่ได้อยากจะทำให้นางหลงแล้วยึดเอาทรัพย์สินของนาง? แต่อยากให้นางไปเอาเสื้อผ้ามาให้จริง ๆ ?
ก็ได้
เพราะความเป็นจริงเขาก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
หลานเยาเยายักไหล่อย่างจนปัญญา หลังจากนั้นก็ทำตามที่เย่แจ๋หยิ่งต้องการ ไปเอาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้ามา มันเป็นชุดสีดำเงาตัดขาว ปักลายด้วยด้ายสีทอง
ทันใดนั้นเองหลานเยาเยาก็รู้สึกเหมือนนางจะพบอะไรที่สำคัญเข้า
นั่นก็คือ เสื้อผ้าของเย่แจ๋หยิ่งนอกจากชุดประจำตำแหน่งของเขาแล้ว มันมีแต่ชุดสีดำตัดขาว อีกทั้งยังเป็นลายปักด้ายสีทองทั้งหมดด้วย
คนมีเงินก็เอาแต่ใจแบบนี้นี่แหละ
นางหยิบชุดมาให้เย่แจ๋หยิ่ง ในตอนนี้เอง เขาก็ได้กางแขนออก รอให้นางถอดเสื้อให้เขา
“ท่านอ๋อง?”
นี่คิดอยากจะให้ช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อจริง ๆ เหรอ?
“ทำไม?”
เย่แจ๋หยิ่งมองไปที่นาง จากนั้นก็หัวเราะ แล้วก็เอาเสื้อมาจากมือของนาง
“มีความกล้าแค่นี้เองเหรอ”
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปที่หลังฉากบังลม แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเอง
“ …… ”
ความกล้ามันทำไมเหรอ?
ความกล้าของนางปกติแม้แต่ตัวนางยังกลัวเลย
หลังจากนั้นไม่นาน
ทั้งสองคนก็นั่งรถม้าออกนอกเมืองไปพร้อมกัน
ในรถม้าหลานเยาเยารู้สึกอึดอัดมาก นางอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเย่แจ๋หยิ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับนาง
เมื่อกี้ตอนอยู่ในเมือง นางเห็นร้านขายของกินเต็มไปหมดเลย น้ำลายของนางแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว คิดอยากลงรถไปซื้อ แต่ไม่ว่านางจะบอกให้หยุดรถยังไง ก็ไม่มีใครสนใจนางเลย
นางก็รู้คนที่บังคับรถม้าไม่ได้ยินคำสั่งของเย่แจ๋หยิ่ง ก็ไม่มีทางหยุดรถแน่นอน
ดังนั้นนางเลยจ้องไปที่เย่แจ๋หยิ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จนรถม้าออกนอกเมืองมาแล้วแม้แต่ตอบผ่านทางสายตาเขาก็ไม่มีให้นางเลย
ในใจของนางรู้สึกโกรธมาก
เย่แจ๋หยิ่ง ช้าเร็ว ข้าจะทำให้เจ้ามาคุกเข่าลงตรงหน้าข้าแน่นอน
ไม่นานเท่าไหร่ เดิมทีรถม้าที่นั่งมาสบาย ๆ กลับเหมือนมีอะไรมาทิ่มกระแทกไปกระแทกมา นั่งนาน ๆ ไปมันทำให้รู้สึกไม่สบายก้นเลย
หลานเยาเยาขยับก้นไม่รู้กี่รอบ สุดท้ายนางก็พูดขึ้นมาว่า
“ตกลงเราจะไปที่ไหนกัน?”
เมื่อกี้นางแอบมองผ่านหน้าต่างออกไปแล้ว รถม้ายิ่งวิ่งยิ่งไกลออกไป จนถึงด้านหลัง เหมือนไม่มีแม้แต่คนเลย
“อีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว”
“เชอะ”
อีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว
ตลอดทางนางสังเกตท่าทางของเขา เขาไม่ขยับก้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังไม่ลืมตาด้วย
ในสถานการณ์แบบนี้เขายังรู้ได้อีกเหรอว่าจะถึงที่หมายเมื่อไหร่?
หลอกผีหรือไงกัน
เหมือนน้ำเสียงของนางจะผิดปกติ มันทำให้เย่แจ๋หยิ่งถึงกับต้องลืมตาขึ้นมา แล้วใช้สายตาที่อันตรายมองมาที่นาง
“เจ้ากำลังสงสัยข้าอย่างนั้นเหรอ?”
หลานเยาเยายิ่งอยู่ยิ่งใจกล้ามากไปแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ หวังว่านางยังรักษาสภาพของนางแบบนี้ไว้ได้แล้วกัน
ในที่สุดรถม้าก็มาจอดที่พื้นที่ราบระหว่างภูเขา
หลานเยาเยามองไปที่ภูเขาสูงที่อยู่ทั้งสองฝั่ง บนภูเขามีต้นไม้ใบหญ้าหนาทึบไปหมด
นางอดกลืนน้ำลายไม่ได้
หากเดาไม่ผิด ที่นี่ก็คือหน้าผาที่ก่อนหน้านี้นางตกลงไป รอบด้านล้อมรอบไปด้วยภูเขา ส่วนที่นางอยู่ในตอนนี้มันคือหนึ่งในทางเข้า
ครั้งที่แล้วเพื่อเอาชีวิตรอด นางใช้เถาวัลย์แล้วปีนขึ้นมา ทำให้เย่แจ๋หยิ่งจับนางไม่ได้
ตอนนี้เขาพานางมาที่นี่คิดจะทำอะไรกัน?
นางใช้สายตาแบบแจ้งเตือนมองไปที่เขา แต่นางกลับพบว่าเขาไม่ได้มองมาที่นางเลย แต่เดินตรงไปด้านหน้า
แต่ว่าท่าทางของเขามันดูระมัดระวังมาก
หลานเยาเยาถึงแม้จะสงสัย แต่ในใจรู้สึกว่า เย่แจ๋หยิ่งไม่มีทางวิ่งมาในที่ที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก เพื่อมา “ระลึกความหลัง” โดยไม่มีอะไรหรอกนะ
นอกจากว่าเขามีปัญหา
ใครจะคิด ……
หลานเยาเยายืนอยู่ตรงหลุมที่นางเคยขุดขึ้นมาเอง ในใจของนางมันตกไปถึงตาตุ่มแล้ว สีหน้าของนางตอนนี้ไม่รู้เลยว่าต้องใช้คำไหนมาบรรยายดี
ตอนที่เห็นข้างหลุมที่ขุดใหม่ สายตาของนางดูเสียใจมาก
“เจ้ายังจำที่นี่ได้ไหม?”
เมื่อน้ำเสียงของเขาดังเข้าหู ไม่รู้ว่าเขามีเจตนาอะไร
“ไม่รู้สิ ที่นี่ที่ไหนเหรอ?”
ก่อนที่จะแน่ใจว่าเย่แจ๋หยิ่งคิดอยากจะแก้แค้นนางจริงหรือเปล่า นางต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรก่อน หยั่งเชิงให้แน่ใจว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ก่อน
ใครจะคิด ……
กลับมีคนผลักนางจากด้านหลัง จนนางตกลงไปในหลุม
หลังจากหลานเยาเยายืนขึ้นมาได้ก็หันหน้ากลับมา เห็นเย่แจ๋หยิ่งกำลังจ้องมาที่นาง ริมฝีปากของเขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“เจ้าผลักข้าทำไม?”
บ้าไปแล้วหรือไง อย่าบอกนะว่าคิดจะฝังนางทั้งเป็น?
แต่ว่าในความเป็นจริงมันก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น เขาเห็นเย่แจ๋หยิ่งเหมือนจะขยับเล็กน้อย จื่อเฟิงกับจื่อซีหยิบเสียมออกมาขุดดินอ่อนด้านข้าง แล้วสาดใส่ตัวนาง
บ้าเอ้ย
นี่คิดจะฝั่งนางทั้งเป็นจริง ๆ เหรอ?
ในตอนนี้หลานเยาเยาจะอยู่เฉยได้ยังไง นางเอามือกอดเอว ใบหน้าของนางโกรธมาก
“ท่านอ๋อง สมองของท่านมีเนื้องอกหรือยังไง? ท่านพาข้ามาไกลขนาดนี้เพื่อฝังข้าเหรอ?”
เขาล้อเล่นใช่ไหม !?
จะต้องล้อเล่นแน่ ๆ
จากนั้น เย่แจ๋หยิ่งตอบกลับนางด้วยความพูดที่ว่า “เสียงเจี๊ยวจ๊าวจริง”
หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มแบบคนจะดูดเลือด เขาหันไปสั่งจื่อเฟิงว่า “จับนางมัดไว้ แล้วปล่อยให้นอนลง”
“ขอรับ นายท่าน”
จื่อเฟิงโยนเสียมไปข้าง ๆ แล้วยกมือคำนับ
หลานเยาเยายังไม่เชื่อว่านี่มันจะเป็นเรื่องจริง จื่อเฟิงเดินไปสกัดชีพจรของนางอย่างง่ายดาย แม้แต่สายตาก็ไม่กระพริบ จากนั้นก็จับนางนอนอยู่ที่หลุม
“ข้า …… ไม่ใช่สิ เจ้าเอาจริงเหรอเนี้ย?”
หลานเยาเยาที่อยู่ในสภาพอึ้งอยู่ ในหัวตอนนี้โล่งไปหมด
เย่แจ๋หยิ่งเจ้าทึ่มบ้าไปแล้วหรือไงเนี้ย?
สายตาของเย่แจ๋หยิ่งเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบ
นางรู้ดีว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่มีทางตอบคำถามของนางแน่นอน สายตาของนางจ้องไปที่จื่อซี
เจ้าเด็กบ้านี่ชื่มชมวิชาแพทย์ของนางอยู่ ยังแอบมาเรียนกับนางบ่อย ๆ คิดว่าเขาน่าจะยอมตอบคำถามของนางจริงไหม?
ใครจะคิด ……
จื่อซีเอาแต่ใช้เสียมตักดินมากลบนาง ไม่แม้แต่จะมองมาที่นางเลย
แย่แล้ว
แย่แล้ว แย่แล้ว แย่แล้ว
“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้ามันคนใจแคบ ยังไงข้าก็ถือเป็นผู้มีพระคุณของเจ้านะ เจ้ากลับคิดจะฝังข้าแบบนี้น่ะเหรอ”
เจ้าบ้าเอ้ย เจ้าสารเลว ไอ้คนนิสัยไม่ดี ต่ำช้า หน้าไม่อาย ……
ยังมีคำไหนอีกนะ? นางจะต้องด่าคำให้สาแก่ใจไปเลย
จื่อซีกับจื่อเฟิงมองหน้ากัน
จื่อซี : ร้ายกาจมาก ด่านายท่านได้ขนาดนี้ มิน่าถึงได้ตายเป็นหมูตกถังน้ำร้อน
จื่อเฟิง : ข้าควรจะเอากระบี่แทงไปเลยดีไหม?