พลทหารของประเทศเชียนหลิงตระเตรียมทหารเกือบแสนนายบุกโจมตีเมืองโยวกวงประเทศก่วงส้า เวลาไม่ถึงสามเดือน‘กองทัพทั้งหมดแพ้ย่อยยับ’แล้ว
และทหารหลายหมื่นนายถูกจับเป็นเชลยศึก ในเวลาอันสั้นไม่รู้ว่าควรเป็นความอัปยศหรือว่าควรเป็นความโชคดี
ที่อัปยศคือ ดูจากบันทึกประวัติศาสตร์การทำสงครามร้อยกว่าปี ยังไม่เคยมีกรณีเชลยศึกมากถึงหกเจ็ดหมื่นมาก่อน
ที่โชคดีคือ พวกเขาทั้งหมดยังไม่ตาย และไม่รับการถูกข่มเหงทารุณ
อย่างไรเสียการทำสงครามก็โหดร้าย ถ้าตายแล้วก็เป็นคนตาย
ข่าวคราวกองทัพข้าศึกพลทหารหลายหมื่นนายพร้อมทั้งผู้บัญชาการทหารถูกจับเป็นเชลยศึกพร้อมกัน แพร่กระจายจากชายแดนไปถึงในราชสำนักของประเทศเชียนหลิงอย่างรวดเร็ว ส่งข่าวสารอย่างเร่งด่วนที่สุดไปถึงหน้าของฮ่องเต้
หลังจากที่ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงได้อ่านแล้วโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ โมโหจนสั่นเทา ตบโต๊ะและลุกขึ้นทันที
“สารเลว พวกไร้ประโยชน์ใช้การไม่ได้ เมืองโยวกวงเล็กๆก็จัดการไม่ได้!”
แต่นอกจากประโยคนี้ ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงก็พูดอะไรไม่ออกอีก
เมืองโยวกวงมีอ๋องเย่ออกนั่งบัญชาการรักษาการณ์ จะพ่ายแพ้ก็เป็นธรรมดา
เพราะมีความกังวลในจุดนี้พอดี
ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่าสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ใกล้ๆบริเวณรอบๆชายฝั่งของหมู่บ้านชาวประมง เขาเคยส่งขุนนางทหารไปตรวจสอบดูสถานการณ์ ผลสุดท้ายคนที่เดินทางไปป่าลึกลับพินาศย่อยยับเกือบจะหมดทั้งกองทัพ
ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงเคยเห็นภาพวาดของสัตว์ประหลาด สูงใหญ่กำยำ ดั่งภูเขาดั่งสัตว์ป่าเถื่อน
เขากลัวแล้ว!
หากว่าไม่ได้มีเพียงสองตัว แต่เป็นกลุ่มใหญ่ๆขึ้นมาจากในทะเล
เช่นนั้นประเทศเชียนหลิงของเขาก็ไม่ต้องสิ้นชาติแล้วหรือ?
เกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดในพื้นที่ใกล้ๆบริเวณรอบๆชายฝั่งของหมู่บ้านชาวประมงแถบนั้น เขาให้คนปิดข่าวให้มิดชิดที่สุด รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะต้องเปิดเผยออกมา แต่ก่อนที่จะเปิดโปงออกมา เขาจะเป็นต้องกลืนประเทศก่วงส้า จากนั้นอพยพราชสำนัก ให้ประเทศก่วงส้าที่เปลี่ยนเป็นเมืองขึ้นไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านั้น
สำหรับทำไมเลือกประเทศก่วงส้า
อย่างแรก: เพราะมันลดลงไปเป็นประเทศที่อ่อนแอที่สุดประเทศหนึ่งในสี่ประเทศมหาอำนาจ อีกทั้งตำแหน่งภูมิศาสตร์ของมันดีเลิศที่สุด
อย่างที่สอง: ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งครองราชย์ได้ไม่นาน รากฐานไม่มั่นคง จิตใจคนในราชสำนักไม่เข้มแข็ง
อย่างที่สาม: อ๋องเย่ที่ได้ชื่อเทพสงครามในครอบครอง เศร้าสลดเป็นที่สุดตั้งนานแล้ว ไม่ถามไถ่เรื่องราวราชสำนัก
ยืนยันความได้เปรียบของภูมิศาสตร์และจิตใจผู้คนอย่างแน่ชัดเพียงนี้ เขาเพียงแค่ต้องวางแผน ก็จะสามารถบุกเข้าโจมตีร่วมกับอีกสองประเทศได้ ประเทศก่วงส้าล่มสลายเดิมทีก็เป็นเรื่องไม่ช้าไม่เร็ว เขาเพียงแค่ย่นเวลาให้เร็วขึ้นที่สุดเท่านั้น
ภายใต้การโจมตีของสามประเทศที่ยิ่งใหญ่
เพียงแค่อ๋องเย่ผู้เดียว แม้ว่าจะเก่งกาจเพียงใด อีกทั้งฟื้นคืนความมุ่งมั่นในการต่อสู้อีกครั้ง ก็ไม่สามารถใช้หนึ่งต่อสู้กับสามได้
แต่คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง……
แผนการถูกอ๋องเย่และคนอื่นๆเปิดโปง ยังนำไปสู่การถูกสองประเทศที่เหลือมองเป็นศัตรูอีก แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ทำได้เพียงฝืนใช้กำลังของประเทศประเทศเดียวเข้าโจมตีแล้ว
เดิมทีคิดว่าใช้ความเร็วไว้ก่อน
คิดไม่ถึง อ๋องเย่จะมาถึงชายแดนได้รวดเร็วขนาดนี้ คาดการณ์อย่างแม่นยำว่าเขาต้องการเข้าโจมตีคูเมือง นำทหารม้ากลุ่มใหญ่ กับทหารฝีมือดีแสนนายที่เขาส่งไปมีจำนวนแทบจะ ไม่ต่างกันมากนัก
อาจเพราะสถานการณ์ที่ยืดเยื้อแล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีนัก
เขาออกพระราชโองการไปที่ชายแดนแต่ละฉบับ เร่งเร้าให้ผู้บัญชาการทหารรีบโจมตีเมืองโยวกวงให้ได้
ตอนนี้กลับเป็นข่าวเช่นนี้แพร่กลับมา…….
เขาเดือดดาลเป็นที่สุด แต่หลังจากที่โมโหแล้วคือเจ็บปวดเป็นที่สุด เพราะความจนปัญญา
ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงตระหนักได้ว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจหยุดยั้งแก้ไขได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง!
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาทหารม้าที่มากกว่าถาโถมไปโจมตีเมืองโยวกวง
ในไม่ช้า เขาทรุดนั่งลงบนพื้นทันที ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ประเทศหนึ่ง ยกมือสองข้างขึ้นกุมศีรษะ ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
“สวรรค์ทำให้ข้าสูญสิ้น สวรรค์ทำให้ประเทศเชียนหลิงของข้าสูญสิ้น……..”
ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงเปลี่ยนแปลงไปเป็นที่สุดในชั่วพริบตา ต่อจากนั้นไม่กี่วัน เขาที่ซึมเศร้าจิตใจเหม่อลอยเล็กน้อย เดินออกจากห้องบรรทมในที่สุด
จัดการประเทศก่วงส้าไม่ได้ เช่นนั้นก็ลดเกียรติหน้าตาของฮ่องเต้ขอสงบศึก เขาไม่มีปัญญาใช้พลังความคิดจิตใจมากมายไปต่อกรกับประเทศก่วงส้าที่ได้มีความระแวดระวังแล้ว
เพื่อแก้ไขสถานการณ์คับขันในตอนนี้ คิดเพียงไปสังหารสัตว์ประหลาดอย่างเดียว เพิ่มการป้องกันตรงชายฝั่ง
ข่าวสัตว์ประหลาดถูกเรือแห่งความสิ้นหวังสังหารตาย แพร่สะพัดไปถึงเมืองหลวงประเทศเชียนหลิงนานแล้ว และเป็นธรรมดาที่จะแพร่เข้าหูของฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงไม่เชื่อ
หลังจากได้ยินข่าว เขาก็ส่งคนไปตรวจสอบที่ป่าประหลาดแล้ว ข่าวการตายของสัตว์ประหลาด จะเป็นความจริงหรือไม่ยังต้องรอให้คนที่ไปสืบข่าวกลับมาค่อยตัดสินใจอีกครั้ง
แต่ทว่า!
รอไม่ถึงการกลับมาของคนที่ส่งไปสืบข่าว ก็รอจนจดหมายฉบับหนึ่งของอ๋องเย่ประเทศก่วงส้ามาถึงแล้ว
เขานึกว่านั่นเป็นต้องการขอค่าชดเชย
โดยไม่รู้ว่า…….
นั่นคือจดหมายเกี่ยวกับคนจากนอกแผ่นดิน
ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงยิ่งอ่านยิ่งตกใจ ด้านในเขียนเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของคนจากนอกแผ่นดิน ยังบอกความคุ้นเคยในการดำรงชีวิตของพวกมันอีก รวมถึงที่มาของตำนาน กระทั่งยังบอกถึงเรื่องการป้องกันด้วย
อ๋องเย่ของประเทศก่วงส้าไม่ได้มาเพื่อเรียกค่าเสียหาย
แต่รู้ถึงการดำรงอยู่ของสัตว์ประหลาดล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งรู้เรื่องของสัตว์ประหลาดอย่างกระจ่างแจ้ง เรื่องเรือแห่งความสิ้นหวังสังหารสัตว์ประหลาดมีเขาร่วมอยู่ในนั้น เวลานี้ศพก็อยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวัง หากไม่เชื่อยังสามารถไปดูพร้อมกับเขาได้
เรื่องนี้ไม่ธรรมดา
ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงพบและหารือเรื่องนี้กับบรรดาขุนนาง
มีขุนนางพูดขึ้นด้วยความกังวล: “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ อ๋องเย่ให้ฝ่าบาทเสด็จด้วยตัวเอง นี่จะต้องเป็นแผนการร้ายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าไปแล้วจะไร้การกลับมานะพ่ะย่ะค่ะ!”
แต่ก็มีขุนนางคัดค้าน:
“อ๋องเย่แห่งประเทศก่วงส้าผู้นี้องอาจห้าวหาญชำนาญการรบ แทบจะไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ที่ผ่านมาในมือกุมกองกำลังทหารที่แข็งแกร่ง อำนาจอิทธิพลเหนือผู้ใด พวกข้าล้วนเคยได้ยินพ่ะย่ะค่ะ เขาโอหังหยิ่งผยองและเย็นชาเป็นที่สุด น่าจะไม่ควรค่าที่จะทำเรื่องชั่วร้ายระดับนี้พ่ะย่ะค่ะ”
นายพลอีกผู้หนึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วยกับการเสนอความเห็นเล็กน้อย
“ข้าน้อยคิดว่าเนื้อหาในจดหมายสามารถเชื่อถือได้พ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่อ๋องเย่แห่งประเทศก่วงส้าบอกทั้งหมด ก็ไม่ได้เชิญเพียงฝ่าบาทของประเทศของเราผู้เดียว ที่เหลือซีเม่าและผึงไหลและประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศเล็กๆบางประเทศในแผ่นดินใหญ่ ก็ล้วนได้รับเชิญด้วย
เกรงว่าคิดจะใช้เหตุผลดูศพคนจากนอกแผ่นดิน ร่วมกันหารือเรื่องการป้องกันการรุกรานของคนจากนอกแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ”
ในใจของฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงก็คิดเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้เขามองไปทางเฉิงเสี้ยงของประเทศ
“เฉิงเสี้ยงคิดว่าอย่างไร?”
“รายงานฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าเรื่องนี้สามารถเชื่อในสิ่งที่มีได้อย่าเชื่อในสิ่งที่ไม่มีจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ แต่เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย รอให้คนที่ไปตรวจสอบกลับมาค่อยตัดสินใจก็ไม่สายพ่ะย่ะค่ะ” แน่นอนว่าเฉิงเสี้ยงของประเทศมีประสบการณ์คำนวณวางแผนจัดการอย่างล้ำลึก
เขารู้ หากว่าคนจากนอกแผ่นดินไม่ได้ปรากฏตัวในเขตแดนของประเทศเชียนหลิง เป็นธรรมดาที่ฮ่องเต้จะไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้
แต่อ๋องเย่เทพสงครามประเทศก่วงส้าเป็นบุคคลจิตใจสูงส่งหยิ่งผยอง
หากไม่ใช่เพราะคนจากนอกแผ่นดินน่ากลัวเกินไป เกรงว่าก็คงจะไม่ใช้ชีวิตของนายทหารหลายหมื่นนายมาข่มขู่ฮ่องเต้ของประเทศตัวเอง ร่วมกันต่อต้านคนจากนอกแผ่นดิน
อ๋องเย่แห่งประเทศก่วงส้าเป็นคนทัศนคติกว้างไกล แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมไร้ความรู้สึก เขาสามารถวางอคติลงได้ เชิญฮ่องเต้ของประเทศตัวเอง เห็นได้ว่า……
ความน่ากลัวของคนจากนอกแผ่นดินนี้สามารถที่จะทำลายล้างแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ได้…….
แต่ทว่าไม่เกินครึ่งวัน
คนที่ไปตรวจสอบกลับมาแล้ว ไม่เพียงยืนยันความจริงข่าวการตายของคนจากนอกแผ่นดิน ยังได้รับภาพเหมือนรวมทั้งชื่อสกุลของคนที่สังหารคนจากนอกแผ่นดินทั้งสองอีกด้วย
สิ่งนั้นได้มาจากชาวบ้านที่ลี้ภัยมาจากหมู่บ้านชาวประมงนั่น นอกจากภาพเหมือนของคนเหล่านั้น ยังมีภาพเหมือนของศพคนจากนอกแผ่นดินอีก
แน่นอน!
นี่ก็คือผลงานอันยอดเยี่ยมที่หลานเยาเยาตั้งใจทำ
ครั้งแรกที่บรรดาขุนนางของประเทศเชียนหลิงเห็นภาพเหมือนของคนจากนอกแผ่นดิน แต่ละคนตื่นตกใจเป็นที่สุด
สิ่งที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเช่นนี้จะต้องต่อกรอย่างไร?
……
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
เมืองโยวกวง
อ๋องเย่อยู่ในห้องหนังสือชั่วคราว
ทหารผู้หนึ่งในมือถือจดหมายหนึ่งฉบับ เดินมาอย่างรีบร้อน ทำมือเคารพต่อห้องหนังสือ:
“รายงานอ๋องเย่ ประเทศเชียนหลิงมีจดหมายมาขอรับ!”
ในห้องหนังสือมีเสียงทุ้มต่ำเหมือนกับไม่พอใจของอ๋องเย่ดังออกมา: “อืม!”
“ฉึบ” เสียงหนึ่ง
จื่อเฟิงออกมาจากที่ลับ หยิบจดหมายไปแทนเจ้านายของตัวเอง หลังจากโบกมือแสดงความหมายให้พลทหารจากไปแล้ว เคาะประตูห้องเบาๆสองสามครั้ง จึงได้เปิดประตูเข้าไป
ด้านในนอกจากเจ้านายของตัวเองแล้ว คุณหนูของตัวเองก็อยู่ในนั้น
คนหนึ่งนั่งถือพู่กันเขียนอักษรด้านหน้าโต๊ะทำงาน คนหนึ่งยืนข้างชั้นวางหนังสือพลิกเปิดหนังสือตำราพิชัยสงครามที่ถือในมือ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้พูดจากัน ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นเป็นที่สุด
นี่ทำให้เขาอดนึกถึงเย็นหงขึ้นมาไม่ได้
นางไปที่ไหนแล้ว?
ทำไมวันนี้ไม่เห็นเงา?
จื่อเฟิงก็ไม่ได้อยู่นาน วางจดหมายลงก็จากไป แล้วถือโอกาสปิดประตูห้อง
ในห้องหนังสือ!
หลานเยาเยาวางหนังสือตำราพิชัยสงครามลง อดที่จะขยี้ตาไม่ได้ จากนั้นเดินมาด้านหน้าโต๊ะทำงาน สายตาตกอยู่บนจดหมายที่มาจากประเทศเชียนหลิง
เปล่งเสียงไม่พอใจเบาๆเล็กน้อย:
“จดหมายนี้มาได้รวดเร็วยิ่งนัก ดูเหมือนว่าประเทศเชียนหลิงจะตกลงแล้ว”
“นอกจากตกลง เขาไม่มีทางเลือก” เย่แจ๋หยิ่งเขียนหนังสือบนกระดาษขาวไปพลาง ตอบกับหลานเยาเยาไปพลาง
“ก็ถูก!”
หลานเยาเยาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
อย่างไรเสีย คนจากนอกแผ่นดินปรากฏตัวบนแผ่นดินประเทศของเขา หากว่าเขาไม่กล้าเสี่ยงอันตรายตอบรับการนัดหมาย รอให้คนจากนอกแผ่นดินกลุ่มใหญ่เข้ารุกราน ประเทศเชียนหลิงจะอยู่ในอันตราย
“”พวกเราจะไปชายฝั่งอู๋จื่อแห่งแม่น้ำจิ้งฮวาเวลาใด?”(ชายฝั่งอู๋จื่อ หมายถึงริมฝั่งที่ไม่มีจุดสิ้นสุด)
แม่น้ำจิ้งฮวามาจากปลายด้านหนึ่งของทะเล ทะลุผ่านแผ่นดินใหญ่ ไหลไปทางปลายอีกด้านหนึ่ง และริมฝั่งที่สิ้นสุด เป็นฝั่งแม่น้ำที่หนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดกับสี่ประเทศมหาอำนาจพอดี อยู่ในอาณาเขตดินแดนของประเทศก่วงส้า
แม่น้ำผืนนั้นกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เหมาะสมที่เรือขนาดใหญ่จะหยุดเทียบท่า อีกทั้งรอบๆฝั่งแม่น้ำไม่มีป่าทึบ และไม่มีเศษหินสิ่งของที่ไม่เป็นระเบียบรกวุ่นวาย ยิ่งไม่มีถ้ำภูเขา
ทันทีที่มองออกไป สามารถเห็นทั้งหมดได้
หนึ่งประโยคโดยสรุป ไม่สามารถซ่อนทหารได้ ไม่ว่าจะให้คนของประเทศก่วงส้าหรือคนของประเทศอื่นที่ได้รับเชิญมาที่นี่ ก็ล้วนรู้สึกได้ว่าปลอดภัยเป็นอย่างมาก
เลือกสถานที่แห่งนี้ ฉลาดเป็นที่สุด
ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของอ๋องเย่ได้อีกด้วย!