ไม่กี่คนมาถึงสถานที่ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นั้นบอก
ที่นี่อยู่ทางด้านหลังของหุบเขาอัคนิคณะ อีกทั้งจากหลุมลาวามาถึงตรงนี้ ต้องผ่านที่ถูกระเบิดถล่ม อีกทั้งมีกำแพงหลุมสีดำของภูเขาที่ตั้งตระหง่านบนหุบเขา รวมทั้งก้อนหินที่แตกละเอียดเล็กน้อย เดิมทีก็เป็นไปไม่ได้ที่คนจะขึ้นมาได้
แต่ด้านบนมีรอยขีดข่วนของกรงเล็บขนาดใหญ่
หากยืมร่างกายที่ใหญ่โตของคนจากนอกแผ่นดิน เหมือนคนที่กำลังภายในแข็งแกร่งเช่นเย่แจ๋หยิ่ง ก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสรอด
ตำแหน่งทางด้านหลังของหุบเขาอัคนิคณะ บนพื้นมีทรายละเอียดและหินที่แตกละเอียดมากมาย บนพื้นเห็นรอยเท้าการหลบหนีอย่างรีบร้อนของคนจากนอกแผ่นดินได้ชัดเจน อีกทั้งทางที่พุ่งไปคือทะเล
หลานเยาเยารีบตามร่องรอยที่ชัดเจนบ้างเลือนรางบ้างเหล่านั้นไปตลอดทางจนถึงชายหาด
หานแสที่ติดตามอยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองมากขึ้นสองสามครั้ง
คิดไม่ถึงว่าในเวลาอันสั้นเช่นนั้นจะสามารถทำของปลอมให้เป็นของจริงได้ กลับมีฝีมือความสามารถอยู่บ้าง
ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้มีฝีมือ สำหรับเรื่องที่เจ้าของเรือกำชับแล้ว ต้องลงมือทำการด้วยตัวเองเป็นธรรมดา อีกทั้งต้องทำออกมาให้ดีที่สุด
แต่……
ถูกเจ้าของเรือจ้องมองเช่นนี้
ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวในพริบตา อยากหาถ้ำมุดเข้าไป หรือว่าให้เขาตายเพื่อชดใช้ความผิดไปโดยตรงเลยก็ได้
ดูท่าแล้ว
เจ้าของเรือยังไม่พอใจต่อสิ่งนี้
แต่ว่า ดูท่าทาง เทพธิดาน่าจะคิดว่าเป็นเรื่องจริงแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาไม่น่าจะถูกทำโทษแล้วสินะ?
เพียงแต่มีจุดหนึ่ง
ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกปลื้มใจ
เพราะว่าตั้งแต่หลังจากที่เจ้าของเรือได้พบเทพธิดาแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปมาก อย่างน้อยต่อเทพธิดา ทำเรื่องมากมายอย่างเงียบๆ แม้ว่าจะถูกเทพธิดาเข้าใจผิด คิดว่าเป็นการหลอกใช้มาตลอด เจ้าของเรือก็ไม่เคยอธิบายสักประโยค
ตอนนี้ก็ใช่
แม้ว่าวิธีการหลอกลวงประเภทนี้ ดูแล้วค่อนข้างชั่วช้า แต่การโกหกของเจตนาที่ดีมักจะเป็นความสวยงามเสมอ
เจ้าของเรือก็ไม่ง่ายเลย!
หวังว่าเวลาสามารถชะล้างทำให้ทุกอย่างจางลง
เพียงแค่ทำให้เทพธิดาอยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวังได้ เจ้าของเรือของตัวก็มีโอกาสลงมือเป็นแน่ ถึงเวลานั้นก็สามารถพยายามจนได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว
ผู้ใต้บังคับบัญชาคิดอย่างสวยงาม
อย่างไรเสีย!
เจ้าของเรือสบายใจแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้ก็จะผ่านไปอย่างดีมาก
จนกระทั่งเผชิญหน้ากับทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา หลานเยาเยาเหมือนกับว่าสามารถมองทะลุความปรารถนา ลูบท้องของตัวเองเบาๆอย่างอดไม่ได้ ราวกับว่ากำลังปลอบลูกในท้อง
นั่นคือสถานที่ที่คนจากนอกแผ่นดินมา……
“ไป แม่พาเจ้าไปหาท่านพ่อ”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งไป
สีหน้าของหานแสเปลี่ยนทันที สายตาตกไปอยู่บนท้องของหลานเยาเยาในพริบตา……
——
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
เรือแห่งความสิ้นหวังที่พังพินาศหลังจากเกิดสงคราม หลังจากที่ได้รับการซ่อมแซมอย่างเร่งรีบ ในที่สุดก็กลับคืนเหมือนใหม่ อีกทั้งยังได้อำลาผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย
เรือแห่งความสิ้นหวังออกเดินเรือใหม่อีกครั้ง เป้าหมายคือเขตแดนที่พวกเขาไม่เคยไปมาก่อน——จุดสิ้นสุดของทะเล!
นั่นก็คือสถานที่ที่คนจากนอกแผ่นดินมา
ตั้งแต่หลังจากที่รู้ว่าหลานเยาเยาตั้งครรภ์ หานแสก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน ติดตามด้านหลังหลานเยาเยาเหมือนหางน้อยๆทั้งวัน ไปที่ไหนก็แทบจะตามไปที่นั่น
ถึงกระทั่งยังสั่งให้คนเตรียมเกี้ยวขนาดใหญ่ รอรับคำสั่งทั้งวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
แม้แต่ขึ้นเรือแห่งความสิ้นหวัง เกี้ยวก็ยังอยู่ เพียงแค่หลานเยาเยาอยากขึ้นไปเดินเล่นบนดาดฟ้าของเรือ เกี้ยวก็ปรากฏตัวขึ้นตลอดเวลา
ผู้ใต้บังคับบัญชาของหานแสกลุ้มใจเป็นที่สุด
ในท้องของเทพธิดาคือลูกของอ๋องเย่ รู้สึกเหมือนเป็นลูกของเจ้าของเรือเช่นนั้น เกรงว่าจะมีข้อผิดพลาด ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบทั้งวัน เหมือนกับปกป้องสมบัติล้ำค่าที่หายากเช่นนั้น
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง
เช้าตรู่วันหนึ่ง หมอกขาวโพลน ทะเลมีคลื่นเล็กน้อย วิสัยทัศน์ด้านหน้ามองเห็นได้ไม่ชัดเจนมากนัก เรือแห่งความสิ้นหวังช้าลงมาแล้ว
หลานเยาเยาเป็นเหมือนดั่งปกติ ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือตั้งแต่เช้า ดวงตามองไปยังที่ไกลๆ
นี่เป็นตั้งแต่หลังจากที่นางขึ้นเรือแห่งความสิ้นหวังแล้ว เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำทุกวัน เพียงเพื่อได้เห็นสถานที่ที่มีแผ่นดินที่แรก
ลูกยังไม่ถึงสามเดือน ท้องยังไม่แสดงให้เห็นการตั้งครรภ์สักนิด ยังคงเพรียวบาง ยืนอยู่ที่นั่น ชายเสื้อพลิ้วไหว ทั้งสง่าทั้งงดงาม
หานแสเดินมาจากทางด้านหลัง คลุมผ้าให้นางชุดหนึ่ง เทียบกับการแสดงออกอย่างลนลานทำอะไรไม่ถูกตอนเพิ่งได้รู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว ตอนนี้หานแสสำหรับหลานเยาเยาที่ตั้งครรภ์ เห็นได้ว่าชำนาญคิดอย่างไรก็ทำเช่นนั้นแล้ว
เขาขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่ง อยากจะตรวจชีพจรให้นาง ขณะที่ใกล้จะสัมผัสโดนหลานเยาเยา มือกลับหยุดลง
อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด
ตัวหลานเยาเยาเองก็เป็นหมอเทวดา อีกทั้งยังตั้งครรภ์ลูกของศัตรู เขาจะเป็นกังวลอะไรกันนักหนา?
ด้วยเหตุนี้เก็บมือกลับ ยืนเอามือไขว้หลัง เพิ่งจะยืนเป็นแถวเดียวกับหลานเยาเยา ก็เห็นหลานเยาเยานั่งยองลงอย่างฉับพลัน แม้จะมองหน้าไม่ชัด แต่หานแสรู้ จะต้องเกิดเรื่องแล้ว
เขาร้อนใจทันที หมุนวนรอบหลานเยาเยา
“เป็นอะไรหรือ?”
“ไม่สบายตรงไหนแล้ว?”
“ข้าอุ้มเจ้าไปหาหมอ หรือว่าพาหมอมาช่วยเจ้าตรวจดู?”
“อย่ากังวล ปล่อยใจให้สบาย น่าจะเป็นเพราะเด็กในท้องหยอกล้อก่อกวนแล้ว พยายามรักษาร่างกายและจิตใจให้มีความสุข”
พูดจบ
เขาก็เห็นหลานเยาเยาหันหน้ามองเขาด้วยหน้าตางุนงง จากนั้นชูองุ่นพวงหนึ่งในมือขึ้น
“องุ่นหล่นแล้ว ข้าคิดว่าน่าจะยังสามารถกินได้”
หานแส “…….”
เอาเถอะ!
เป็นแบบนี้อีกแล้ว
นี่ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่แล้ว
ทั้งที่รู้ว่าไม่มีปัญหา แต่ทุกครั้งเขาล้วนร้อนรนจนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ปรนนิบัติคนท้องชั่งยากจริงๆ!
ด้วยเหตุนี้ เขายึดเอาองุ่นในมือของหลานเยาเยาไป กล่าวน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเป็นที่สุด
“ตกพื้นหมดแล้ว ยังจะสามารถกินอีกได้ยังไง?”
พูดจบ
เขาถือองุ่นหมุนตัว กล่าวต่อผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ไม่ไกลว่า
“นำองุ่นที่ล้างสะอาดแล้วมา ต้องเลือกลูกที่ทั้งใหญ่ทั้งเปรี้ยวหวาน ยิ่งมากยิ่งดี”
“ขอรับ!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
หัวเรือมีโต๊ะไม้เพิ่มขึ้นมาตัวหนึ่ง เก้าอี้เคลือบสีแดงสองตัว บนโต๊ะเป็นสิ่งที่เคยพูดไว้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งสองหาเรื่องพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย
ฉับพลันนั้น!
หลานเยาเยาสีหน้าจริงจัง
“หานแส ขอบใจเจ้า!”
ด้านในนี้มีความหมายแฝงอยู่ชั่งมากมายนัก สำหรับหานแส ตั้งแต่ต้นจนจบนางมองไม่ทะลุ
สิ่งนี้ยืนยันได้ถึงการแปรเปลี่ยนและการล้มลุกคลุกคลานของนาง การหลอกใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันในอดีต ทำร้ายกัน และเคยคบหากันอย่างมีความสุข เป็นทั้งศัตรูและเพื่อน เข้าใจนิสัยของกันและกันทั้งหมด
ไม่เคยคิดมาก่อน หานแสยังจะมีด้านที่จิตใจละเอียดอ่อนเพียงนี้
ผ่านประสบการณ์สงครามใหญ่เหตุการณ์หนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างทุกประเทศเปลี่ยนแปลงแล้ว กลายเป็นช่วยเหลือกัน ร่วมกันป้องกันศัตรู
และหานแสก็เปลี่ยนไปแล้ว
เขาไม่ได้เพียงเพราะใช้ประโยชน์และหลอกใช้อีก เขาก็ทุ่มเทความรู้สึกอย่างจริงใจ
“ขอบใจอะไร หากว่าอยากขอบใจจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นฮูหยินของข้า เรื่องลูกก็วางใจได้ ข้าจะมองเป็นลูกของตัวเอง จะไม่ปฏิบัติอย่างรุนแรงแม้แต่น้อย” หานแสพูดด้วยความเหนื่อยหน่ายเป็นอย่างมาก เหมือนดั่งกำลังพูดเล่น
หลังจากหลานเยาเยาส่ายหน้าเล็กน้อย ยังไม่ลืมที่จะเอาองุ่นใสๆยัดเข้าในปาก จึงได้เปิดปากกล่าว
“เรือใหญ่เกินไป เอาไม่อยู่ เชิญคนมีฝีมือผู้อื่นเถอะ!”
“ชิ!” ต่อสิ่งนี้ เดิมทีหานแสก็ไม่มีความคาดหวัง หลังจากที่ได้ยินคำนี้ สีหน้าเขาขรึมทันที กล่าวต่อผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ไม่ไกลว่า “เอาเทพธิดาที่หลอกกินหลอกใช้ทั้งวันผู้นี้โยนลงทะเลให้ปลากิน”
สิ้นสุดเสียง
ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนเหลือบมองท้องฟ้า ชำเลืองมองพื้น แสร้งทำเป็นหูหนวกไม่ได้ยิน
ครั้งก่อนเป็นใครที่เชื่อฟังคำพูด ต้องการเอาเทพธิดาโยนลงทะเลจริงๆ? ถูกเจ้าของเรือโยนลงทะเลทันที แช่อยู่ทั้งวันถึงได้ถูกตักขึ้นมา ตอนนี้ยังนอนป่วยอยู่บนเตียงน่ะ!
ตอนนี้ สำหรับเทพธิดา พวกเขาทำได้เพียงบูชาเป็นคุณย่าทวด
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์หูหนวก”
หานแสด่าไปประโยคหนึ่ง
“พวกเขาเพียงแค่ปฏิบัติตามใจ!”
หานแสไม่พูดแล้ว และขี้เกียจจะสนใจผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่ค่อยจะดีนักกลุ่มนั้น จากนั้นเอาความสนใจมาอยู่บนตัวของลูกในท้องของหลานเยาเยาทันที
“หากว่าเจ้าอยากขอบใจจริงๆ เด็กเกิดออกมาเป็นของข้า”
“……” หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่ง “เจ้าแย่งไปตรงๆยังจะดีซะกว่า”
คำนี้เหมือนจะเป็นการชี้แนะหานแสแล้ว เขามีความสนใจในพริบตา ในดวงตาที่เบื่อหน่ายเปล่งประกายแวววาว
“ถูกแล้ว! ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ?”
เป็นธรรมดาที่หลานเยาเยาจะไม่อยู่บนเรือของเขาตลอดไป และเขาก็ไม่สามารถคุมขังหลานเยาเยาได้ แอบตัดสินใจทันที รอหลังจากที่เด็กกำเนิดออกมา ก็แย่งชิงมา อบรมปลูกฝังเป็นเจ้าของเรือคนต่อไป
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
หลานเยาเยาขมวดคิ้ว
“ไม่มีอะไร เพียงแค่คิดเรื่องสนุกๆได้แล้ว” หานแสยิ้มอย่างชั่วร้าย รอยยิ้มนั่นค่อนข้างน่าต่อย
“อย่าคิดวางแผนเรื่องเด็ก”
“ใครจะคิดวางแผนเรื่องเด็กผู้หนึ่ง เจ้าคิดว่าเข้าว่างจนน่าเบื่อเกินไปแล้วหรือ?”
ขณะที่พูดคำนี้ หานแสเกือบจะสำลักน้ำลาย ยังอดที่จะกระแอมเบาๆไม่ได้ เพื่อปิดบังความเคอะเขินของตัวเอง
ขณะที่พูด
เรือแห่งความสิ้นหวังเกิดเสียงดังมากขึ้นอย่างฉับพลัน
นั่นคือเสียงเตือนล่วงหน้า ส่งมาโดยเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสังเกตการณ์โดยรอบๆ
หลานเยาเยาเคยอยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวังเป็นเวลานานมาก รู้เป็นธรรมดาว่าเสียงเตือนล่วงหน้านี้หมายความว่าอย่างไร
ได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของหลานเยาเยากับหานแสค่อยๆเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ลุกขึ้นอย่างฉับพลัน มองไปทางท้องทะเลกว้างใหญ่ด้านหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกขาวโพลน
ทั้งหมดล้วนขมวดคิ้วแน่นอย่างอดไม่ได้……..
ด้านหน้าไม่ไกล ในความขมุกขมัว ทะลุผ่านเมฆหมอกล้อมรอบ สามารถมองเห็นสิ่งที่ค่อนข้างไม่ชัดเจนได้อย่างเลือนราง
เหมือนเป็นแผ่นดินยอดเขา…….
เหมือนเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงและใหญ่โต……
โดยสรุป!
นี่ไม่ใช่สิ่งของลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าอย่างแท้จริง น่าจะเป็นแผ่นดินที่คนจากนอกแผ่นดินดำรงชีวิตอยู่
หานแสรีบสั่งให้ลดความเร็วในการเข้าใกล้ทันที รอจนเมฆหมอกจางไป สามารถมองเห็นยอดเขาที่ราวกับจะสูงเสียดฟ้านั่นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งสิ่งก่อสร้างที่ราวกับจะพุ่งตรงทะลุก้อนเมฆ
ใบหน้าของพวกเขาแต่ละคนปรากฏความสะพรึง สีหน้าซีดขาว……