ตอนที่ 167 ความรู้สึกคุ้นเคยที่น่าประหลาด
“คุณพูดว่าอะไร? ใครมาแล้ว?” เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็มีเพื่อนร่วมงานรอบข้างถามด้วยความตกใจแล้ว
“ซ่างซินกับทีมของเธอค่ะ เพิ่งมาถึงโถงบริษัทเราเมื่อกี้นี้เลย กำลังจะขึ้นมาแล้วค่ะ ฉันโทรมาที่แผนกประชาสัมพันธ์แล้วไม่มีคนรับ ก็เลยต้องมาบอก…” เลขาหอบพลางอธิบาย ก่อนจะยื่นมือชี้ไปทางลิฟต์
“ติ๊ง!” ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี
เงาร่างสะสวยเดินออกมาจากข้างในแล้ว
รูปร่างสูงเพรียว เรียกได้ว่างดงามละเอียดอ่อน
คิ้วดกดำ เครื่องหน้าเหมือนถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต ปากสีแดงระเรื่อง
เธอแต่งกายเรียบง่าย และไม่ได้แต่งหน้ามากจนเกินไป เพียงแค่ใส่เสื้อยืดสีขาวธรรมดา เข้าคู่กับกางเกงยีนขาดๆ หนึ่งตัว ดูทันสมัยมาก
ซ่างซินมาแล้วจริงๆ!
มีคนเดินตามเธอออกมาจากในลิฟต์อีกสองสามคน ให้ความรู้สึกของการทำธุรกิจอย่างยิ่ง ดูก็รู้ว่าเป็นคนในทีมของซ่างซิน คอยปกป้องอยู่ข้างกายเธอด้วยความระมักระวังตลอด และคอยปกปิดส่วนที่โป๊โดยไม่จำเป็นด้วย
ทุกคนในแผนกประชาสัมพันธ์ต่างก็อยู่ในความตกตะลึง
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางเล็กน้อย ฉันเลยมาสายค่ะ”
“…มะ ไม่เป็นไรค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่มองคนตรงหน้า ออกจะเหม่อลอยเล็กน้อย
เธอคิดไปแล้วว่าวันนี้ซ่างซินจะไม่มาจริงๆ หรือเปล่า
แต่เพียงกะพริบตา ซ่างซินก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว แถมยังขอโทษเธอด้วยความจริงใจอีกต่างหาก
“งั้นพวกเราเริ่มคุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์กันเลยไหมคะ” ซ่างซินเงยหน้ามองตรงหน้า เธอกวาดสายตามองคนอื่นๆ ในแผนก และจบลงด้วยการกลับมามองเหนียนเสี่ยวมู่
“พวกเราเตรียมห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว เชิญข้างในค่ะ!” เหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา และรีบร้อนพยักเพยิดให้เลขานำทางไป
จากนั้นเธอก็เดินตามไป
หลังจากเข้าไปในห้องประชุมแล้ว ในที่สุดเหนียนเสี่ยวมู่ก็สงบสติได้ และเงยหน้าพิจารณาคนตรงหน้าอย่างจริงจัง
ซ่างซินไม่เหมือนที่เธอคิดไว้สักนิด
ซ่างซินในข่าวลือเท่และมีเอกลักษณ์มาก เป็นผู้หญิงโดดเด่นที่เพิ่งเดินแบบก็ไม่กลัวฟ้าดิน ทำให้ในหัวของเธอเต็มไปด้วยภาพลักษณ์หญิงสาวคาบบุหรี่ แต่งหน้าจัด และเย็นชาห่างเหินอย่างยิ่ง
แต่คนตรงหน้ามีเครื่องหน้าสะสวยสะอาดสะอ้าน สายตายฉายแววความอบอุ่น ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความสง่างาม
ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงได้รู้สึกคุ้นอยู่บ้าง…
“พวกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ถามออกไปตามสัญชาตญาณ
ครั้นพูดจบ เธอถึงจะรู้สึกว่าตัวเองถามตรงเกินไป เหมือนผู้ชายตามจีบผู้หญิงตามท้องถนน แต่กำลังจะอธิบาย เธอก็เห็นซ่างซินหัวเราะขึ้นมาแล้ว
เธออึ้งไปเล็กน้อย
หรือว่าก่อนหน้านี้พวกเธอเคยเจอกันจริงๆ?
เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นซ่างซินหยิบหมวกแก๊ปใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเป้ของตัวเองมาใส่ไว้
วินาทีต่อมา เหนียนเสี่ยวมู่ก็ต้องเบิกตาโพลง
“คุณนี่เอง!”
หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปที่เคยเจอกันในงานอีเวนท์ถึงสองครั้ง!
ครั้งแรกเธอถูกชนจนล้ม หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปเป็นคนประคองเธอไว้
แต่ตอนนั้นหญิงสาวใส่หน้ากาก แถมยังปะปนอยู่ในกลุ่มแฟนคลับ ทำให้เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้คือซ่างซิน
พูดอย่างนี้ก็เท่ากับว่าเธอเจอซ่างซินที่สวนสนุกแล้ว เพียงแต่มองหญิงสาวจากไปต่อหน้าต่อตา…
เหนียนเสี่ยวมู่จับจ้องคนตรงหน้า แต่ไม่นานก็ดึงสติกลับมา
“ขอโทษนะคะ สองครั้งก่อนฉันไม่ได้บอกกับคุณตรงๆ ความจริงฉันกำลังรอใครคนหนึ่งอยู่…” ซ่างซินกล่าว สายตาของเธอพลันเยียบเย็นขึ้นมา ราวกับกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง
ตอนที่ 168 กลัวว่าเขาจะลืมฉัน
“ประธานถังเหรอคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ฟังเธอแล้วก็ถามตามสัญชาตญาณ
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของซ่างซินก็ปรากฏความประหลาดใจเล็กร้อย ราวกับคิดไม่ถึงว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะตรงไปตรงมาอย่างนี้ จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองคนข้างๆ
ผู้จัดการของเธอโบกมือบอกให้คนในทีมออกไปทั้งหมดทันที
ทำให้ในห้องประชุมเหลือเพียงพวกเธอสองคน
ซ่างซินยื่นมือไปถอดหมวกแก๊ปออก เม้มปาก และพูดอย่างเชื่องช้า “ฉันรู้จักกับพี่เสี่ยวซือมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เขายังอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า…”
กลิ่นอายบนตัวของซ่างซินเปลี่ยนไป ราวกับกำลังจมอยู่ในความทรงจำ
ตอนที่เธอรู้จักกับถังหยวนซือ เขายังเป็นเด็กกำพร้าในบ้านเด็กกำพร้าถงเล่อ
เขาเป็นเด็กแท้ๆ แต่กลับเย็นชาและมีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ ทำตัวเฉยชากับทุกคน ชอบมองหน้าต่างอยู่ในห้องสมุดเล็กๆ ของบ้านเด็กกำพร้าอยู่เงียบๆ
แต่เขาอ่อนโยนกับเธอเพียงคนเดียว
ต่อมาคุณลุงที่เธอรักที่สุดก็รับเลี้ยงเขา กลายมาเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ
ตอนนั้นเธอชอบวิ่งไล่หลังเขาที่สุด พลางเรียกเขาว่า ‘พี่เสี่ยวซือ’ แล้วรอเขาหันกลับมามองเธอด้วยสายตาเอ็นดู
หรือบางครั้งก็เล่นซ่อนแอบ รอเขาหาตัวเธอจนเจอ แล้วก็กระโจนขึ้นมา จ้องมองใบหน้าตกใจของเขา..
ความสนุกในวัยเด็ก ทั้งสองเป็นเพื่อนเล่นที่มีแต่ความไร้เดียงสา
จนกระทั่งคนของตระกูลถังปรากฏตัว ทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป…
“ฉันไม่กลัวคุณหัวเราะเยาะหรอกค่ะ แต่ฉันเป็นนางแบบได้ ก็เพราะว่าเขา” มุมปากของซ่างซินปรากฎรอยยิ้มขมขื่น สายตาที่มองเหนียนเสี่ยวมู่เงียบเหงาอยู่บ้าง
“หลังจากตระกูลถังรับเขาไป พวกเราก็ติดต่อกันน้อยมาก ตอนนี้ฉันแอบออกจากบ้านเพื่อไปเจอเขาอยู่บ่อยๆ แต่ถึงฉันไปถึงตระกูลถังแล้ว ก็ไม่ได้เจอเขาอยู่ดี มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันบังเอิญเห็นประกาศประกวดนางแบบ ตอนนั้นฉันก็แค่คิดง่ายๆ ว่าถ้าฉันได้ออกทีวี เขาก็จะได้เห็นฉันบ่อยๆ แล้วก็จะไม่ลืมฉัน…”
“…” เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ถึงเลยว่าอดีตอันเป็นความลับของซ่างซินจะมีเรื่องราวอย่างนี้
หลังจากอึ้งงันไปหลายวินาที เธอก็จับมือของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ฉันชินแล้วล่ะค่ะ” ซ่างซินส่ายหน้า กลับมามีท่าทางสดใสเหมือนเมื่อครู่อีกครั้ง
เธอหยิบหมวกแก๊ปของตัวเองขึ้นมาแกว่งไกวตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ “คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันต้องใส่หมวกนี้ตอนปลอมตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มแฟนคลับทุกครั้ง”
“เขาให้คุณมาเหรอคะ” เหนียนเสี่ยวมู่เลิกคิ้ว
“อื้ม” ซ่างซินพยักหน้าอย่างแรง รอยยิ้มของเธอเปล่งประกายยิ่งขึ้น “เขาไม่อยากให้ฉันเข้าวงการบันเทิง เพราะคิดว่าวงการนี้วุ่นวายเกินไป ดังนั้นทุกครั้งที่ได้ยินว่าฉันมีงานอีเวนท์ เขาก็จะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง จากนั้นก็มาดูฉันตอนที่ฉันออกงานอีเวนท์ เพราะว่าไม่สบายใจ”
ขณะที่ซ่างซินพูดอยู่ รอยยิ้มของเธอก็ค่อยๆ หายไป เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้
“แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มางานอีเวนท์ของฉันแล้ว”
“…”
“ฉันจงใจใส่หมวกแก๊ปใบนี้ เพราะกังวลว่าถ้าเขาปรากฏตัว เขาจะจำฉันไม่ได้ แต่ฉันลืมไปว่าถ้าเขาไม่มา ฉันใส่อะไรก็ไม่มีประโยชน์ คุณว่าฉันโง่หรือเปล่า” ซ่างซินพูด สายตาสับสนขึ้นมา
บางครั้งการยืนหยัดทำอะไรนานๆ ก็กลายเป็นความเคยชินได้
แต่ถึงแม้จะชินแล้ว ก็ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ดี
และอยากจะยอมแพ้…
“ในเมื่อคุณอยากเจอเขา ทำไมไม่ไปหาเขาล่ะคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ถามด้วยความไม่เข้าใจ
เธอตรวจสอบข้อมูลของถังหยวนซือแล้ว เขายังไม่แต่งงาน ไม่มีแฟนด้วยซ้ำไป
ซ่างซินคิดจะจีบเขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร