ตอนที่ 173 เจ้าก้อนน้ำแข็งคนดัง
“ผู้จัดการเหวิน…” เมื่อฟางหลานเห็นเหวินหย่าไต้ เธอก็เหมือนได้เห็นดวงดาวช่วยชีวิต จึงรีบบีบน้ำตา แล้วมองผู้จัดการสาวราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม
เลขาตามเหวินหย่าไต้ออกมา เธอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็รีบหันไปอธิบายเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้เหวินหย่าไต้ฟัง
หลังจากฟังเลขาพูดจบ นัยน์ตาของเหวินหย่าไต้ก็วูบไหวเล็กน้อย
อย่าว่าแต่ฟางหลานเลย
แม้แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะทำสำเร็จได้
ทีแรกเธอเห็นว่างานให้ซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เป็นงานยากลำบาก ไม่มีทางทำสำเร็จได้ ถึงได้จงใจจัดให้เหนีนเสี่ยวมู่ทำ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะทำได้…
ทำลายอคติที่ทุกคนมีต่อเธอเพียงแค่การกระทำเดียว และกลายเป็นพนักงานดีเด่นของแผนกประชาสัมพันธ์อีกครั้ง
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าไม่นาน แม้แต่ผู้จัดการคนเดียว เหนียนเสี่ยวมู่ก็คงไม่เห็นหัวแล้ว!
เหวินหย่าไต้กำหมัดแน่น แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉยอย่างมาก
เธอกระแอม แล้วเอ่ยว่า
“ฉันไม่สนว่าทุกคนคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเป็นคนที่คุณชายหานให้เข้ามาทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์ของพวกเรา คุณชายหานเชื่อในความสามารถของเธอ พวกเราก็ควรจะเชื่อเธอด้วย ซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ก็เป็นข้อพิสูจน์อันดีเยี่ยมแล้ว ฉันหวังว่าทุกคนจะไม่มีอคติอะไรต่อเธออีก”
เหวินหย่าไต้พูดยาวเหยียด ดูใจกว้าง และสมเหตุสมผล
แต่ในคำพูดนั้นก็เปิดเผยความคิดที่จะให้เหนียนเสี่ยวมู่เป็นตัวกลางบ้างแล้ว
พอพูดจบ เธอก็เงยหน้ามองฟางหลาน
“เรื่องในวันนี้ รู้ไหมว่าตัวเองผิดที่ตรงไหน”
“ผู้จัดการเหวิน ฉันรู้แล้วค่ะว่าตัวเองผิด ฉันไม่ควรไม่เคารพซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน…”
“ไม่ใช่แค่ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ถึงเป็นคนอื่น เธอก็ต้องเคารพ! ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานแผนกเดียวกัน ควรจะช่วยเหลือกันเอาไว้ แต่เธอน่ะ พูดจาเสียดสีเพื่อนร่วมงานของตัวเอง เธอนี่มัน…” เหวินหย่าไต้ยกมือขึ้นชี้ฟางหลาน โมโหจนพูดไม่ออกแล้ว
ผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงจะตำหนิว่า “ตะลึงอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนอีก!”
เมื่อฟางหลานเห็นว่าไม่ต้องคุกเข่าแล้ว เธอก็รีบเดินไปข้างหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ แล้วโค้งตัวเล็กน้อย “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ขอโทษค่ะ!”
“…” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วมุ่น
เดิมทีเธอไม่คิดจะให้ฟางหลานคุกเข่าอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ในตอนนี้ ทำให้เธอกลัวว่าฟางหลานจะไม่จำน้ำใจของเธฮ
แต่ทุกคำพูดของเหวินหย่าไต้ก็คิดแทนแผนกประชาสัมพันธ์แล้ว เธอจำต้องยอมรับ
เหวินหย่าไต้ก็รู้สึกว่าวิธีการของเธอแสดงความเป็นใหญ่อยู่บ้าง
ไม่นานก็ก็ยิ้มออกมา “จริงสิ ซูเปอร์ไวเซฮร์เหนียนเข้ามาในแผนกประชาสัมพันธ์ของพวกเราพักหนึ่งแล้ว ทุกคนก็ยุ่งอยู่กับโครงการในมือ เลยไม่มีโอกาสแสดงการต้อนรับเลย พวกเราถือโอกาสที่ซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้ จัดงานเลี้ยงฉลองให้เธอ ถือเป็นการต้อนรับไปด้วยเลย!”
ประโยคนี้ทั้งยอมรับในความดีของเหนียนเสี่ยวมู่ และเป็นการนำตัวเองออกจากสถานการณ์น่าอึดอัด
แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
“ดีจังเลย! ในที่สุดก็จะได้ผ่อนคลายแล้ว!”
เมื่อได้ยินว่าจะจัดงานเลี้ยง ทุกคนก็โห่ร้องด้วยความดีใจทันที
“ผู้จัดการ นานๆ ทีแผนกของพวกเราจะจัดงานเลี้ยง เชิญคุณชายหานมาด้วยได้ไหมคะ” มีคนถามด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินชื่อนี้แล้วถึงกับหนาวสั่น!
งานเลี้ยงที่มีอวี๋เยว่หานจะไปผ่อนคลายได้อย่างไร
เธอมองเพื่อนร่วมงานสาวคนเสนอความเห็นอย่างงุนงง ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าจะมีคนไม่มีหัวคิดขนาดนี้…
“ผู้จัดการเหวิน ฉันว่าไม่จำเป็น…”
เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่ตบ ก็ถูกเสียงสนับสนุนเห็นด้วยกลบจนมิด
ทำเอาเธอต้องยื่นมือไปปิดหน้าอยู่เงียบๆ
“เอาล่ะๆ ตอนนี้ฉันต้องไปรายงานคุณชายหานพอดี จะลองถามดูก็ได้ แต่พวกเธอก็รู้นี้ ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีแผนกไหนเชิญคุณชายหานไปงานเลี้ยงได้เลย อย่าตั้งความหวังมากเกินไปล่ะ!”
ตอนที่ 174 ยิ่งทำลายยิ่งแข็งแรง!
เหวินหย่าไต้พูดพลางบอกให้เลขาไปช่วยเธอนำประกาศมา
จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานประธานบริษัทท่ามกลางสายตาคาดหวังของทุกคน
ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ในแผนก
เหวินหย่าไต้รับปากเชิญอวี๋เยว่หาน แต่เพราะทุกคนกระตือรือร้นเกินไป เธอปฏิเสธไม่ลง ทำได้แค่ตกลงไปก่อน
เธอไม่ได้เชิญอวี๋เยว่หานมาร่วมงานเลี้ยงของแผนกประชาสัมพันธ์เป็นครั้งแรก แต่เขาปฏิเสธทุกครั้งไป
เหวินหย่าไต้ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว
แต่ก็ต้องแสดงท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยมท่ามกลางสายตาคาดหวังของเพื่อนร่วมงาน ในหัวเธอกำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวจะออกปากเชิญอวี๋เยว่หานอย่างไรดี…
“ผู้จัดการเหวิน” พอเหวินหย่าไต้เดินมาถึงหน้าประตูห้องทำงานประธานบริษัท ผู้ช่วยก็พนักหน้าให้เธอ และเปิดประตูห้องให้เธอ
ครั้นเธอเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นอวี๋เยว่หานนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานอยู่แล้ว
หล่อเหลาน่าหลงใหล สูงศักดิ์ไม่มีใครเกิน
นิ้วมือเรียวยาวจับปากกา ท่าทางเซ็นชื่อลงบนเอกสารนั้นน่าดึงดูดจนทำให้เธอละสายตาไปไม่ได้
วินาทีที่เห็นเขามองมาที่ตัวเอง เหวินหย่าไต้ก็จัดการสีหน้าท่าทางของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปข้างหน้าเขา
“คุณชายหาน ซ่างซินรับปากเป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทเทคโนโลยีเซ่งต้าแล้ว เพิ่งเซ็นสัญญาเรียบร้อย ฉันเลยถือโอกาสนี้พูดคุยเรื่องแผนการร่วมมืออีกสองสามแผนต่อจากนี้ ก็เลยเอามาให้คุณดูก่อน” เหวินหย่าไต้มีท่าทางเป็นมืออาชีพมากทุกครั้งที่พูดเรื่องงานของตัวเอง
เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งคุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์ไป เธอก็ติดต่อบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแล้ว ถือโอกาสเพิ่มข้อได้เปรียบของการร่วมมือกัน
เมื่อเทียบกันแล้ว ผลงานของเหนียนเสี่ยวมู่เป็นแค่หนึ่งในหมื่นส่วนที่เธอนำมาให้บริษัท
“ทำได้ดีมาก ครั้งนี้ต้องการรางวัลอะไรไหม” อวี๋เยว่หานรับเอกสารจากมือเธอ ก่อนจะกวาดสายตามอง และเอ่ยปากเรียบๆ
ความดีอกดีใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเหวินหย่าไต้
ด้วยเป็นที่รู้กันดีว่าอวี๋เยว่หานไม่ชมใครง่ายๆ มาแต่ไหนแต่ไร
คำชมของเขาทำให้เธอดีใจยิ่งกว่าได้รางวัลอีก!
แต่เหวินหย่าไต้ก็กะพริบตาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “ฉันไม่ต้องการรางวัลหรอกค่ะ สุดสัปดาห์นี้แผนกของพวกเรามีงานเลี้ยง ถ้าคุณว่าง…”
เหวินหย่าไต้เหลือบเห็นเขาเลิกคิ้วตั้งแต่ยังพูดไม่จบ จีงรีบอธิบาย
“คืออย่างนี้ค่ะ เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งมาทำงานที่แผนกของเรา แถมยังพาซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้อย่างราบรื่น ฉันอยากดูแลเพื่อนร่วมงานใหม่เป็นพิเศษสักหน่อย ก็เลยคิดจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้เธอค่ะ”
เมื่อพูดจบก็มองอวี๋เยว่หานอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
แต่เห็นเขาเพียงทำหน้าตาเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอก็รู้ได้ว่าเขาปฏิเสธแล้ว
เมื่อเสร็จการรายงาน เธอก็โค้งตัวด้วยความนอบน้อม และออกจากห้องทำงานประธานบริษัทไปด้วยความหดหู่
ครั้นเงาร่างของเธอหายไป ผู้ช่วยก็ถามด้วยความงุนงงทันที “คุณชายเสียเวลาตรวจสอบเบื้องหลังของซ่างซินไปมากขนาดนั้นเพื่อช่วยซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณจะไม่ไปงานเลี้ยงฉลองของเธอหน่อยเหรอครับ”
“…” ดวงตาสีดำล้ำลึกของอวี๋เยว่หานเหลือบมองผู้ช่วยอย่างเยียบเย็น
ทำเอาผู้ช่วยต้องก้มหน้างุด ปิดปากไม่กล้าพูดอีก
อวี๋เยว่หานพิงพนักเก้าอี้ พลางมองสัญญาตรงหน้า ก่อนจะมีภาพอาหารเช้าเมื่อเช้านี้ผุดขึ้นมาตรงหน้า
พอคิดได้ว่าเขาปฏิเสธนมสดแก้วนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา พร้อมกันนั้นโทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วย
นัยน์ตาสีดำของเขาวูบไหว และหยิบโทรศัพท์มือถือมาอย่างว่องไว
ครั้นกวาดสายตามอง เขากลับพบว่าไม่ใช่สายของเหนียนเสี่ยวมู่
“ประธานถังรับโทรมาหาผมขนาดนี้ ดูท่าทางจะมีเรื่องด่วนนะครับ” อวี๋เยว่หานกดรับสาย และกล่าวอย่างเรียบง่าย
“ต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมยกเลิกงานพรีเซ็นเตอร์ของซ่างซิน” เสียงสุภาพเรียบร้อยดังมาจากปลายสาย ทว่าน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแสดงความรู้สึกของเขาแล้ว
“อวี๋เยว่หาน ผมเห็นคุณเป็นเพื่อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำลายผมเพื่อผู้หญิงคนเดียว”