ตอนที่ 179 หมดกัน สถิติการถูกรางวัล
เหนียนเสี่ยวมู่เห็นเขาใส่ชุดสูท พร้อมกับท่าทางนั่งจัดการงานด้วยความเย็นชาสูงส่งอยู่ในรถจนชินแล้ว
แต่เธอยังไม่เคยเห็นเขาแต่งตัวแบบวันนี้
เสี่ยวลิ่วลิ่วไม่ได้อยู่ข้างๆ เขา ทำให้บนตัวเขาแผ่หยิ่งยโสออกมายิ่งกว่าเดิม
แต่การแต่งตัวสบายๆ ก็ทำให้เขายิ่งดูเยือกเย็น แถมยังมีความร้ายกาจเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ใบหน้าที่มีเค้าโคงชัดเจน มุมปากทำมุมโค้งเล็กน้อย เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่…
ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน ทำเอาเธอลุ่มหลงไปกับใบหน้าหล่อเหลานั้น!
วินาทีต่อมาเขาก็หลุบตาลง แล้วมองไปยังที่นั่งข้างคนขับของตัวเองครั้งหนึ่ง
เหนียนเสี่ยวมู่ก็เหมือนกับคนอื่นๆ เอาแต่จ้องมองเขาตั้งแต่วินาทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัว และเหลือบมองถุงสีดำบนที่นั่งข้างคนขับเขาตามไปด้วย
เขาช่วยเธอนำกระโปรงมาเหรอ
เหนียนเสี่ยวมู่ตาเป็นประกาย ดวงตาเกือบจะพร่างพราวไปด้วยดวงตาแล้ว
ท่าทางหลงใหลของเธอเหมือนเพื่อนร่วมงานสาวรอบๆ ราวกับแกะออกมา ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของเหวินหย่าไต้เช่นกัน
ครั้นอวี๋เยว่หานมาถึง เธอเตรียมตัวไปต้อนรับ
ต้องทำให้ทุกคนรู้ว่า เธอต่างหากถึงจะเป็นคนสำคัญที่สุดในใจของเขา
แต่คิดไม่ถึงเลย เธอยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไป สายตาของอวี๋เยว่หานก็มองข้ามเธอไป มองตรงไปยังเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ริมสุดโดยตรง
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาสอดประสานกัน ราวกับมีความรู้สึกบางอย่างก่อตัวอยู่ในบรรยากาศ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก!
“คุณชายหาน เพื่อนร่วมงานในแผนกได้ยินว่าคุณจะมาก็ดีใจกันใหญ่เลยค่ะ” เหวินหย่าไต้ยิ้มแป้น ก่อนจะแสร้งเดินไปอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำลายการสบตาของพวกเขา แล้วเอ่ยปากอย่างนุ่มนวล
ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีความรู้สึกใด เขายื่นมือไปเปิดประตูรถ จากนั้นก็เดินลงมา
เขาสวมเสื้อผ้าสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าคู่กับกางเกงยีนสีดำ เรียบง่ายแต่ยังมีสไตล์
เมื่อกวาดสายตามองผู้คนตรงหน้าแล้ว เขาก็พยักหน้าทักทายเล็กน้อย และเดินเข้าไปในคลับเป็นคนแรก
เหนียนเสี่ยวมู่จงใจยืนอยู่ข้างหลังสุด ถือโอกาสแอบวิ่งไปข้างหน้ารถเขาตอนที่ทุกคนไม่ได้สังเกต และหยิบถุงดำบนที่นั่งข้างคนขับขึ้นก่อน แล้วถึงส่งกุญแจรถให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของคลับ ให้อีกฝ่ายช่วยจอดรถให้
จากนั้นเธอก็เดินจามเพิ่งร่วมงานเข้าไปในคลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว เธอก็ถือกระโปรงในมือเดินเข้าไปในห้องน้ำด้านนอกห้องส่วนตัว
เธอเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าท่อนบน เผื่อว่าอีกเดี๋ยวจะเกิดเรื่องน่าอายอะไรขึ้นอีก
จนกระทั่งเธอหยิบกระโปรงออกมาจากในถึง เธอก็อึ้งงันไป
“ทำไมเป็นกระโปรงตัวนี้ไปได้ล่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่จ้องมองชุดเดรสกระโปรงสั้นสีดำเซ็กซี่ในมือแล้วอยากจะโขกหัวให้ตายบนอ่างล้างมือ
ชุดเดรสตัวนี้ เป็นตัวเดียวกับที่ถานเปิงเปิงให้เธอตอนวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว
ด้านหน้าเป็นคอวี บนตัวกระโปรงปักลายดอกไม้ ตัวกระโปรงยาวเลยต้นขาไปเล็กน้อย สวมใส่แล้วเปิดเนื้อหนังอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ได้เกินไปอย่างเห็นได้ชัด
เซ็กซี่กำลังดี
หากใช้คำพูดของถานเปิงเปิงมาบรรยายก็คงเป็น ‘ถ้าวันไหนเธออยากสละโสด ก็ใส่มันไปเดินเล่นบนถนนสักรอบ รับรองว่าต้องมีผู้ชายรีบร้อนมาขอแต่งงานถึงบ้านแน่!’
เธอไม่เคยใส่ชุดเดรสตัวนี้แม้สักครั้ง แต่ทิ้งไปก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ จึงเก็บเอาไว้ตลอด
จนตัวเธอเองลืมไปแล้วว่ายังมีกระโปรงตัวนี้อยู่ ใจคิดในตู้เสื้อผ้าของเธอไม่มีสิ่งของอันตรายอะไร ถึงได้ให้อวี๋เยว่หานช่วยเธอหยิบมาจากตู้เสื้อผ้าสักตัว
คิดไม่ถึงว่าอวี๋เยว่หานจะหยิบมาได้โป๊ะเช๊ะ…
ตอนนี้ทำยังไงดี
ใส่หรือไม่ใส่ดีล่ะ
ชาติก่อนเธอต้องทำผิดต่ออวี๋เยว่หานแน่ๆ ชาตินี้ถึงได้ตกอยู่ในกำมือของเขาตลอด
เหนียนเสี่ยวมู่จ้องมองกระโปรงตัวนี้เกินกว่าครึ่งนาที แล้วก้มมองเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนบนตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็กัดฟันเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปลี่ยนก็ได้!
ตอนที่ 180 ทุกอย่างกำลังพอดี
เหวินหย่าไต้ใจกว้างกับลูกน้องเสมอ สถานที่ที่เธอเลือกเป็นคลับชื่อดังในเมืองเอช
ในห้องส่วนตัวไม่เพียงกินข้าวได้ ยังมีรายการนันทนาการอีกไม่น้อย
ร้องเพลง โต๊ะสนุ๊ก ป้ายชื่อบนโต๊ะ…ทุกอย่างพร้อมสรรพ
เหวินหย่าไต้รูว่าอวี๋เยว่หานจะมา จึงให้คนตกแต่งเอาไว้ก่อน ตอนนี้ดูแล้วหรูหราขึ้นไปอีกระดับ
อวี๋เยว่หานนั่งตรงหัวโต๊ะหาร
ใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกับสีหน้าเย็นชา
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน พิงบนพนักเก้าอี้ และไม่มีความคิดจะเริ่มพูดก่อน
แม้แต่เหวินหย่าไต้พูดกับเขา ผ่านไปพักหนึ่งเขาถึงจะตอบสักครั้ง
เขาก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือเรือนหรูอยู่ตลอด
ราวกับกำลังรออะไรอยู่…
“ทุกคนหิวกันแล้วสินะ ให้พนักงานมารับเสิร์ฟอาหารเลยดีไหม” เหวินหย่าไต้นั่งอยู่ข้างๆ อวี๋เยว่หาน เธอหันไปสอบถามเขา
บนอาหารนี้ คนอื่นในแผนกประชาสัมพันธ์เพิ่งเคยกินข้าวร่วมกับประธานบริษัทของตัวเองเป็นครั้งแรก จึงตื่นเต้นจนพูดไม่ออกกันหมดแล้ว
ครั้นได้ยินเหวินหย่าไต้พูด ทุกคนก็เอาแต่พยักหน้า
ตอนที่เหวินหย่าไต้ยกมือขึ้นเตรียมจะเรียกพยักงาน กลับได้ยินอวี๋เยว่หานเอ่ยปากเสียงเบา “รอก่อน คนยังไม่ครบ”
เขามองไปยังที่ว่างสองสามที่บนโต๊ะอาหารขณะพูด
ทันใดนั้นสายตาของหลายคนก็เปลี่ยนไป
สายตาที่มองเขาลุ่มหลงยิ่งขึ้นไปอีก…
“คุณชายเอาใจใส่จังเลยค่ะ!”
“ไม่วางมาดเลนสักนิด ฉันรักเขากว่าเดิมอีกจะทำยังไงดี”
เพื่อนร่วมงานสาวหลายคนข่มความหวั่นไหวในใจไว้ไม่อยู่แล้ว จึงแอบกระซิบซาบกัน
เหวินหย่าไต้ตะลึงงันไปเล็กน้อย
ก่อนจะพบว่าไม่เห็นเงาร่างของเหนียนเสี่ยวมู่อยู่บนโต๊ะอาหาร แม้ในใจจะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังทำตามคำสั่งของอวี๋เยว่หาน ให้คนไปเร่งเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ยังมาไม่ถึง
“เมื่อกี้ฉันเห็นซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนไปทางห้องน้ำนะคะ ฉันออกไปเรียกเธอดีกว่า” นักศึกษาฝึกงานที่อยู่กับเหนียนเสี่ยวมู่ตลอดได้ยินแล้วก็รีบลุกขึ้น ก่อนจะหมุนตัววิ่งออกจากห้องส่วนตัวไป
แต่เด็กสาวเพิ่งดึงประตูห้องส่วนตัวออก ก็เห็นเหนียนเสียวมู่ยืนอยู่หน้าประตู ทำเอาเธอตะลึงงันไปในทันที
“ซู ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน…”
เมื่อได้ยินว่าเหนียนเสี่ยวมู่กลับมาแล้ว สายตาของทุกคนก็มองไปทางประตูตามสัญชาตญาณ
วินาทีต่อมา ทุกคนก็กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ชุดเดรสีดำพอดีตัวมาก
เหนียนเสี่ยวมู่ใส่แล้วขับเน้นสัดส่วนโค้งเว้า บอกว่าสมบูรณ์แบบก็ไม่เกินไปเลย
การออกแบบคอวีตรงหน้าอก เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าเซ็กซี่ของเธอ…
ข้างใต้กระโปรงคือขาวเรียวยาว ไม่มีที่ติเลยสักนิด…
แค่กระโปรงตัวเดียว กลิ่นอายบนตัวเธอก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ราวกับว่าในพริบตานั้นเธอกลายเป็นปิศาจสาว เพียงแค่กระดิกนิ้วสักครั้งตามใจชอบ ก็ทำให้คนลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น!
อวี๋เยว่หานมองเธอ ดวงตาสีดำล้ำลึกหยั่งลึกขึ้นกว่าเดิม…
สายตาของคนอื่นจับจ้องอยู่ที่เหนียนเสี่ยวมู่เป็นตาเดียว มีเพียงเหวินหย่าไต้ที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของอวี๋เยว่หานตั้งแต่แรก
เธอมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทันทีที่ปรากฏตัว พลางกัดฟันด้วยความไม่พอใจ
แต่ไม่นานเธอก็ฉีกยิ้มทักทาย
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณไปไหนมาคะ ทุกคนกำลังรอคุณอยู่ รีบเข้ามานั่งสิคะ”
“…”
เหนียนเสี่ยวมู่ใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่ขนาดนี้ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานเป็นครั้งแรก จึงรู้สึกไม่เป็นตัวเองอยู่บ้าง
เมื่อได้ยินเหวินหย่าไต้พูดแล้วเธอก็เดินไปข้างหน้า ไม่ได้คิดมากอีก
แต่เพิ่งเตรียมตัวจะนั่งลงตรงมุม ก็พบว่านอกจากที่นั่งว่างๆ ข้างอวี๋เยว่หาน ที่นั่งอื่นถูกนั่งจนเต็มหมดแล้ว
เธอทำได้แค่ดึงเก้าอี้ และนั่งลงข้างๆ อวี๋เยว่หาน
ตอนที่เธอนั่งลงนั้น เขาก็ชำเลืองมองเธอครั้งหนึ่ง แต่ไม่นานก็เลื่อนสายตาไป ราวกับไม่สนใจว่าคนที่นั่งข้างๆ ตัวเองเป็นใคร