ตอนที่ 155 น่ารักแล้วยังไง
เธอยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน แล้วก็หิวมาก
เมื่อครู่เธอรีบร้อนมาเปลี่ยนยาให้เสี่ยวลิ่วลิ่ว จึงไม่รู้สึกทรมานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เห็นคนกำลังกินข้าวอยู่ข้างหน้า ทำเอาควบคุมน้ำลายไม่ได้ด้วยซ้ำไป
ไม่ถลันเข้าไปแย่งเขากินก็นับว่าเป็นความดื้อรั้นอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอแล้ว!
อยากเดิน แต่ก้าวขาไม่ออก…
“อยู่ก่อนไหมล่ะ กินข้าวกับผม” อวี๋เยว่หานเหมือนจะอ่านการต่อสู้ดิ้นรนในใจเธอได้ เขาจึงขยับริมฝีปากบางถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็ตาเป็นประกายทันใด!
เธอก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งลง กำลังจะพูดว่าเธอจะไม่เกรงใจแล้ว
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงน่าหลงใหลของเขาค่อยๆ ดึงขึ้นข้างหู “แต่ผมคิดว่าซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนไม่น่าจะชอบกินข้าวกับคนไม่น่ารัก”
เหนียนเสี่ยวมู “…” !!
เขาได้ยินจริงๆ ด้วย
คำพูดที่พูดออกไปแล้ว ล้วนเป็นบาปกรรมติดตัว…
แต่เหนียนเสี่ยวมู่เป็นใครกันล่ะ อาหารและเงินอยู่ตรงหน้า เธอยอมแพ้เพื่อให้ได้มา!
ดวงหน้าเล็กจ้อยของเธอยิ้มแป้นขึ้นมาทันใด เป็นรอยยิ้มที่จริงใจมาก “น่ารักแล้วยังไง ผู้ชายที่หล่อ สง่างาม สูงยาวเข่าดี บุคลิกสูงสง่า โดดเด่น และสูงส่งหาใครเทียบเทียมอย่างคุณชาย…ดีกว่าคนมีเสน่ห์ข้างนอกพวกนั้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า!”
“…”
“ได้กินข้าวกับคุณ ถือว่าเป็นเกียรติของฉันเลย เป็นเกียรติมาก!” เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางหยิบอุปกรณ์รับประทานอาหาร ก่อนจะลากซี่โครงจานหนึ่งมาไว้ตรงหน้า
เธอไม่ได้หั่นเนื้อเป็นสองท่อน แต่คีบทั้งชิ้นใส่ปากทันที
งั้นก็ดีกว่าก้อนน้ำแข็งอีกเหรอ” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว ใช้ดวงตาสีดำมืดมนมองเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
เธอคาบซี่โครงอยู่ในปาก กำลังจะเริ่มเคี้ยว แต่เมื่อได้ยินเขาพูดก็ตกใจจนเชชิ้นเนื้อร่วงกลับลงมาใส่จานตัวเอง
ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี
ให้ตายก็ไม่ยอมรับเหรอ
หรืออธิบายกับเขาว่าตอนนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจ คุณชายไม่ก้อนน้ำแข็ง แต่เป็นผู้ชายอบอุ่นที่สุดในโลก?
อวี๋เยว่หานพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองใบหน้าอึ้งงันของเธอ
ดวงตาสดใสคู่นั้นฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา
รู้ดีว่าเมื่อครู่เธอชมเขาเกินจริงเพื่อขอไปทีเท่านั้น แต่ความอัดอั้นในอกก็หายไปอย่างน่าประหลาด
แม้แต่ความเหนื่อยล้าจากการประชุมตลอดทั้งเช้าก็เหมือนจะเบาบางลงไปไม่น้อย
ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนขึ้นมาหลายส่วน
“คุณชาย เวลากินไม่พูด เวลานอนไม่เอ่ย พวกเรากินข้าวกันก่อนดีไหมคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ฉุกคิดขึ้นได้ จึงพูดโพล่งออกมา
หลังจากพูดจบก็มองเขาอย่างเกรงๆ
เดิมทีคิดว่าเขาคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ อย่างนั้น แต่วินาทีต่อมากลับเป็นเขายกตะเกียบขึ้นมาอย่างสุขุม และรับประทานอาหารด้วยความสง่างาม
เหนียนเสี่ยวมู่ร้องในใจว่าโลคเข้าข้าง ตึงรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเงียบๆ
เมื่อกินดื่มจนอิ่ม เธอก็นึกถึงเอกสารร่วมงานที่ส่งไปให้ผู้จัดการของซ่างซิน จึงรีบร้อนกลับไปที่แผนกประชาสัมพันธ์
“ช่วงนี้แผนกประชาสัมพันธ์งานยุ่งมากเหรอ” อวี๋เยว่หานมองเงาหลังรีบเร่งของเธอ เมื่อนึกได้ว่าเกือบบ่ายสองแล้วยังไม่ได้กินข้าว เขาก็ขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมา
“เอ่อ…โครงการของบริษัทเทคโนโลยีซ่งต้า อีกฝ่ายหวังว่าจะเชิญซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ครับ ก่อนหน้านี้เซี่ยจิงจิงเป็นคนรับผิดชอบ แต่ตอนนี้เซี่ยจิงจิงถูกพักงานไปสำนึกผิด งานก็เลยตกมาถึงเหนียนเสี่ยวมู่ครับ” ผู้ช่วยรายงานอย่างนอบน้อม
“ซ่างซิน?” ดวงตาสีดำของอวี๋เยว่หานวูบไหว ก่อนจะหันไปมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ
“ครับ ซ่างซินเป็นหนึ่งในนางแบบที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้ แต่ตามที่ผมรู้ ตั้งแต่เธอเริ่มเดินแบบจนถึงวันนี้ เธอไม่เคยรับงานแสดงหรือพรีเซ็นเตอร์ ผิดใจกับคนมากมายแต่ก็ยังอยู่ดีมีสุข ดูท่าทางไม่ใช่คนธรรมดา ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนอยากเชิญเธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์จึงเป็นเรื่องยากมาก!”
ตอนที่ 156 เจอกับน้ำเย็นหนึ่งกะละมัง
ผู้ช่วยชะงักไป ก่อนจะพูดต่อ “แต่ท่าทางซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนจะมาคิดยอมแพ้นะครับ”
ถ้าคนทั่วไปรับงานนี้ไม่ยอมแพ้ตั้งแต่แรก ก็คงจะร้องโวยวายไม่จบสิ้น แต่เหนียนเสี่ยวมู่เหมือนจะไม่ใส่ใจ เอาแต่ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน…
“วันนี้เธอออกจากบ้านตั้งแต่เช้าก็เพราะงานนี้เหรอ” อวี๋เยว่หานเอ่ยปากเสียงเบา
ตอนเขาเพิ่งตื่นนอน ก็เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่ววิ่งเข้ามาในห้อง บอกกับเขาว่าพี่สาวคนสวยหายไปแล้ว
ต่อมาพ่อบ้านก็นำโน้ตที่เหนียนเสี่ยวมู่เขียนทิ้งไว้ในห้องรับแขกมาให้ ถึงได้รู้ว่าเธอไปที่บริษัทก่อนแล้ว
“ครับ ช่วงนี้ซ่างซินมีเดินแบบ วันนี้จะไปลองเสื้อที่ลานแฟชันโชว์ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนน่าจะรู้ข่าว ก็เลยตั้งใจไปรอ” ผู้ช่วยมองอวี๋เยว่หานครั้งหนึ่ง เห็นสีหน้าเขาไม่เปลี่ยนแปลง ถึงได้พูดต่อ
“ผมได้ยินมาว่าเธอไม่เพียงไม่เจอซ่างซิน แต่ไม่เจอผู้จัดการของซ่างซินด้วยครับ”
ไปเสียเที่ยวแบบนี้ แถมยังรออยู่ข้างนอกนานขนาดนั้น
“…”
อวี๋เยว่หานขมวดคิ้ว สายตาเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย
ในหัวของเขามีใบหน้ายิ้มแป้นแล้นตรงหน้าเขาของเธอ
รอยยิ้มเจือความเจ้าเล่ห์อย่างนั้น เขามองความอัดอั้นตันใจอะไรไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
เดิมทีเขาคิดว่าเธอตกลงเข้าไปทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์ก ก็เพราะอยากได้เงินเดือนสองเท่าเท่านั้น
ตอนนี้เห็นสีหน้าท่าทางของเธอแล้วเขากลับแปลกใจอยู่บ้าง
“ไปตรวจสอบดู ว่าซ่างซินคนนี้มีที่มาที่ไหนยังไง” อวี๋เยว่หานขยับริมฝีปากบาง สั่งราวกับไม่ใส่ใจนัก
“…” ผู้ช่วยตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองเขาด้วยความงงงัน
หรือคุณชายจะลงมือเอง?
เป็นไปไม่ได้ แค่นางแบบคนเดียว ไม่ควรค่าให้คุณชายออกโรงเองเลยด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ซ่างซินเลย คุณชายไม่น่าเห็นโครงการของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าอยู่ในสายตา
อย่างนั้น ความจริงแล้วเป็นเพราะ…
ผู้ช่วยดึงสติกลับมา แล้วโค้งตัวอย่างว่องไว “ครับ”
เหนียนเสี่ยวมู่กลับมาถึงแผนกประชาสัมพันธ์ เธอนั่งบนที่นั่งของตัวเองอย่างรีบร้อน ก่อนจะเปิดอีเมล
ครั้นเห็นว่าบนนั้นมีอีเมลที่ยังไม่ได้อ่าน เธอก็แทบเด้งตัวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น!
ผู้จัดการของซ่างซินตอบอีเมลของเธอแล้ว!
นี่เป็นปฏิสัมพันธ์แรกของอีกฝ่าย ตั้งแต่เธอรับงานนี้เลยก็ว่าได้
เธอฟุบลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยความตื่นเต้น จากนั้นถึงจะคลิกเปิดอีเมล
แต่ก็ต้องพบว่าในอีเมลมีการตอบกลับเพียงสั้นๆ น้ำเสียงไม่เหมือนผู้จัดการ เหมือนตัวซ่างซินเองเสียมากกว่า
‘คุณทำแผนพรีเซ็นเตอร์ได้ดีมากค่ะ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันคงต้องรับงานนี้แน่ๆ แต่น่าเสียดายมากเลยค่ะ ฉันไม่รับงานพรีเซ็นเตอร์ทั้งนั้น’
ครั้นอ่านจบจบ ดวงตาของเหนียนเสี่ยวมู่ก็มืดมนลงทันใด
ราวกับถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งสาดหน้าตอนที่ดีใจที่สุด
แต่ไม่นานเธอก็พบว่าประโยคนี้แปลกๆ อยู่บ้าง
ในเมื่อซ่างซินพอใจแผนของเธอมาก แล้วทำไมปฏิเสธทั้งๆ ที่ไม่มีทางให้เจรจาเลยล่ะ
ซ่างซินมีความลำบากใจอะไรหรือเปล่า
เหนียนเสี่ยวมู่กัดริมฝีปาก เหม่อมองอีเมลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์…
“ฉันบอกแล้วไง ซ่างซินไม่รับงานพรีเซ็นเตอร์ทั้งนั้นแหละ ดูท่าทางถึงซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเก่งกว่านี้ ก็ต้องระวังเจออุปสรรคหน่อยแล้ว” มีคนเหลือบเห็นอีเมลบนคอมพิวเตอร์ของเธอ จึงพูดถากถางขึ้นมา
“อย่าพูดแบบนี้สิ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนได้มาทำงานที่แผนกประชาสัมพันธ์ของเราง่ายๆ เธอต้องมีข้อดีกว่าคนอื่นแน่ ถึงไม่ถึงกำหนดหนึ่งสัปดาห์สักหน่อย” อีกคนหนึ่งพูดสนับสนุน
พวกเธอทั้งสองคนเป็นลูกน้องของเซี่ยจิงจิง
แม้เซี่ยจิงจิงจะมีนิสัยโผงผาง แต่ก็ใช้ความคิดไปกับการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานไปไม่น้อย
หลายๆ คนในแผนกรอให้เธอกลับมา และรอดูเหนียนเสี่ยวมู่หน้าแตกไปด้วย