ตอนที่ 209 ผู้ชายขี้น้อยใจ
น้ำเสียงของเขาราบเรียบมาก สายตาก็สงบนิ่งมากเช่นกัน
ดูไม่ออกเลยว่าเขารู้สึกอย่างไร ดวงตาที่เดิมทีล้ำลึกอยู่แล้วยิ่งดำทมิฬเข้าไปใหญ่
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังหอบ พลางตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา “คุณเพี้ยนไปแล้วเหรอ ฉันกับเฉินจื่อซินไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย แล้วทำไมฉันต้องไม่อยากไปจากเขาด้วย”
ครั้นเธอพูดโพล่งออกมา ความกดอากาศโดยรอบก็หายไปในทันที
ใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าอ่อนลงทันควัน ถึงจะถูกด่าก็ไม่สนใจ เสียงของเขายังคงเรียบนิ่ง “พ่อบ้านบอกว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วไม่ยอมกินข้าว จะรอคุณให้ได้”
น้ำเสียงเย็นชานั้น ราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงเพราะเป็นห่วงลูกสาวเท่านั้น
“เอาเสี่ยวลิ่วลิ่วมาเป็นข้ออ้างน้อยๆ หน่อยเถอะ เมื่อกี้คุณเป็นบ้าอะไร นั่นเป็นคุณชายของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้านะ เขามาคุยกับฉันเอง ฉันไม่ได้ทักทายเขาสักคำ ก็วิ่งมาแบบนี้แล้ว ไม่มีมารยาทเลย…” เหนียนเสี่ยวเสี่ยวมู่เท้าเอว เตรียมตัวจะพูดต่อด้วยความโมโห
แต่เพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียว อยู่ๆ ก็หนาวสันหลังวาบขึ้นมา
เหมือนเธอจะยั่วโมโหชายหนุ่มตรงหน้าแล้ว ทำให้เขาเริ่มมองเธอด้วยนัยน์ตาสำดำขลับ
ในหัวของเธอปรากฏภาพที่เธอลากเขาขึ้นลงเวทีในทันที
ตอนนั้นเขาก็มองเธอแบบนี้ ราวกับจะกินเธอทั้งเป็น
เธอรวบรวมสติ “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ช่างมันแล้วกัน ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้สนิทกับรองประธานเฉิน”
เหนียนเสี่ยวมู่มองใบหน้าอึมครึมของเขา แล้วรีบหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง
“คุณชาย พวกเรารีบกลับบ้านเถอะ เสี่ยวลิ่วลิ่วหิวแย่แล้ว!”
เธอพูดพลางหมุนตัววิ่งไปริมทาง เมื่อเห็นรถของอวี๋เยว่หานแล้ว เธอก็เปิดประตูแล้วรีบปีนเข้าไปนั่งเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
แต่ต่อมากลับเห็นเขายกมือโยนกุญแจรถให้เธอ
เหนียนเสี่ยวมู่ “???”
เมื่อเธอดึงสติกลับมา ก็เห็นเขาเปิดประตูด้านหลัง และเข้าไปนั่งข้างในแล้ว
ครั้นเห็นเธออึ้งงันไม่ยอมขยับ เขาก็ทิ้งท้ายอย่างเยียบเย็น “ผมไม่สบาย ขับรถไม่ได้”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
แค่ต่อว่าเขาคำเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะจำได้ด้วย…
ผู้ชายขี้น้อยใจ!
จากพยาบาลรับจ้างของเสี่ยวลิ่วลิ่ว มาเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ของแผนกประชาสัมพันธ์ ตอนนี้เธอมีสถานะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือคนขับรถของอวี๋เยว่หาน!
เหนียนเสี่ยวมู่ก่นด่าเขาในใจไปพลาง ปีนขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับไปพลาง
หลังจากคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เธอก็เป็นคนขับรถอย่างสมตำแหน่ง พาเขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋
บรรยากาศระหว่างทางเงียบสงบเป็นพิเศษ
เหนียนเสี่ยวมู่แอบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง เห็นว่าเขาไม่ได้หลับ แต่กำลังทำหน้าบึ้งอยู่
สมองของเธอแล่นอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกว่าควรจะคุยเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
ดังนั้น เมื่อในหัวของเธอปรากฏท่าทางรวบรวมสติของซ่างซินก่อนจะจากไปขึ้นมา เธอก็ถามอย่างอดไม่อยู่ “คุณชาย คุณรู้จักกับถังหยวนซือไหม”
เธอถามออกไปแล้วเพิ่งจะรู้สึกเสียใจภายหลัง
ทำไมถึงรู้สึกว่า บรรยากาศสงบนิ่งที่พูดไว้เมื่อครู่กลับยิ่งอึดอัดเมื่อเกิดคำถามนี้ขึ้นมา
ในเมื่อถามออกไปแล้ว แถมเธอก็เป็นห่วงซ่างซินจริงๆ อย่างนั้นก็ควรถามให้ถึงที่สุด
“ฉันได้ยินคนที่ส่งโทรศัพท์มือถือไปให้บริษัทตระกูลถังกลับมาบอกว่า ประธานถังเหมือนจะชอบมือถือเครื่องนั้นมาก ถืออยู่ในมือและมองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอด แถมยังเก็บไว้โดยไม่พูดอะไร ในใจของเขาสนใจซ่างซินอยู่แท้ๆ ทำไมถึงไม่อยากให้เธอรู้ล่ะ”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็เม้มปาก ก่อนจะมองกระจกมองหลังด้วยความระมัดระวัง
ในกระจกนั้น อวี๋เยว่หานยังคงนั่งท่าเดิมไม่ขยับ เพียงแค่ช้อนสายตามองเธออย่างเกียจคร้านเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ขยับริมฝีปากบาง “เรื่องของพวกเขา คุณไม่เกี่ยว”
“คุณรู้จักกับถังหยวนซือจริงๆ ใช่ไหม สนิทกันมากหรือเปล่า เขาเป็นคนยังไง” เหนียนเสี่ยวมู่จับพวงมาลัยแน่นขึ้น พร้อมถังถามด้วยความร้อนใจ
ตอนที่ 210 ตาแหลม!
เธอที่กำลังเป็นห่วงซ่างซินอยู่ ไม่ได้สังเกตเลยว่าเมื่อตัวเองพูดจบแล้ว อวี๋เยว่หานที่มีใบหน้าไร้อารมณ์ในทีแรกมีสีหน้ามืดมนลงแล้ว
จากนั้นเขาก็เลิกคิ้วมองเธอด้วยความเย็ฯชา
“คุณสนใจถังหยวนซือมากเลยเหรอ”
“แน่นอน!” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบโดยไม่คิด แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็พูดขึ้นมาอีก
“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณรู้จักกัน ก็เลยไหว้วานคนไปสืบมา ได้ยินมาว่าถังหยวนซือคนนี้อยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า ต่อมาก็มีคนมารับเลี้ยงไป จากนั้นตระกูลถังก็มารับเลี้ยงไปอีก คราวนี้เขาได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลถัง ทำให้ตัวเองได้เป็นประธานบริษัท”
“…”
“เรื่องข่าวของเขาน่ะมีเยอะแยะ ฉันก็เลือกดูอันที่น่าเชื่อถือ แต่ฉันได้ยินมาว่าเขาทั้งหล่อทั้งมีมารยาท แถมยังเป็นคนที่อบอุ่นมากอีก ว่ากันตามตรงนะ ถ้าเขาชอบซ่างซิน เขาก็น่าจะตื๊อเธออย่างสุดชีวิตสิถึงจะถูก ทำไมถึงได้…”
หญิงสาวกำลงพูดด้วยความตื่นเต้น แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ครั้นเงยหน้ามองกระจกมองหลัง ถึงได้พบว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังมีสีหน้าดำคล้ำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก
เขาเห็นเธอหันหน้ากลับมา จึงร้อง “เฮอะ” เสียงหนึ่ง แล้วกลั้นใจพูดออกมาว่า “ไม่เคยเจอก็คลั่งไคล้แล้ว ผู้หญิงคิดอะไรตื้นๆ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
ผู้ชายหล่อเป็นแหล่งแบ่งปันความสุขของจักรวาล เธอชมแค่คำสองคำจะเรียกว่าคลั่งไคล้ได้อย่างไร แล้วอะไรคือคิดตื้นๆ
แถมนี่เป็นประเด็นที่เธอพูดถึงที่ไหนกัน
แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าเย็นเยือกของชายหนุ่ม เธอก็รีบเปลี่ยนคำพูดอย่างชัดเจน “ฉันไม่เคยเจอถังหยวนซือหรอก แต่ทุกคนบอกว่าเขาหล่อกันทั้งนั้น ความจริงก็น่าจะไม่เท่าไหร่ ถ้าอย่างถังหยวนซือเรียกว่าหล่อ ก็น่าจะสู้คุณชายไม่ได้ล่ะมั้ง”
เธอพูดจบก็ตั้งใจฉีกยิ้มประจบให้เขาอีกด้วย
ขาดก็แต่ไม่ได้ยกมือรับประกัน ว่าเขาหล่อที่สุดในโลกหล้า
อวี๋เยว่หานเหลือบมองเธอเล็กน้อย สีหน้ายังคงเหมือนเดิม แต่มุมปากยกขึ้นบ้าง “ถือว่าตาแหลมอยู่บ้าง”
ไม่นานเขาก็พูดอีก “อยู่ห่างๆ ถังหยวนซือไว้หน่อย คุณเข้าไปยุ่งเรื่องของเขากับซ่างซินไม่ได้หรอก”
คำพูดคำพูดแบบเดียวกันถึงสองครั้งแรก
แถมครั้งนี้ยังมีน้ำเสียงคร่ำเคร่งกว่าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด
เหนียนเสี่ยวมู่ใช้ความกล้าไปหมดแล้ว จึงหดคออยู่เงียบๆ เหมือนไก่
ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋
รถเพิ่งจอดนิ่ง แต่เงาร่างเล็กนุ่มนิ่มก็วิ่งออกมาจากห้องรับแขกเสียแล้ว
ดวงหน้าเล็กจ้อยรูปไข่ ตาโตยิ้มจนหยี เด็กหญิงสาวเท้าวิ่งมาหาอวี๋เยว่หานทันทีที่เห็นเขา “ปาปา”
เมื่ออวี๋เยว่หานอุ้มเธอขึ้นมา ปากเล็กๆ ก็จุ๊บลงบนแก้มของเขาครั้งหนึ่ง
จากนั้นเสี่ยวลิ่วลิ่วก็หันไปเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่ลงมาจากรถช้ากว่าเขา ก่อนจะยื่นแขนไปหาเธอ อยากจะให้เธออุ้ม
เหนียนเสี่ยวมู่กลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะตกลงมา จึงรีบเดินเข้าไปข้างหน้าอวี๋เยว่หาน
แต่เธอยังไม่ทันรับตัวเสี่ยวมา เด็กหญิงก็โอบคอของเธอ แล้วใช้ปากเล็กๆ ที่เพิ่งหอมแก้มอวี๋เยว่หาน หอมแก้มเธอด้วยเช่นกัน
ร่างเล็กๆ ยังถูกกอดอยู่ในอกของอวี๋เยว่หาน แต่แขนกลับกอดคอเหนียนเสี่ยวมู่เอาไว้ ทำให้ร่างกายของหญิงสาวถูกดึงเข้าไป ดูเหมือนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอวี๋เยว่หานเช่นกัน
ในโพรงจมูกของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นฮอร์โมนของผู้ชายในทันที…
เธอเพิ่งจะเตรียมถอยหลัง เสี่ยวลิ่วลิ่วกลับกอดคอเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้เธอต้องพิงอยู่ในอกของอวี๋เยว่หานต่อไป ขณะที่กำลังจะหลอกล่อเสี่ยวลิ่วลิ่ว โทรศัพท์มือถือก็พลันดังขึ้นมา
เธอเหลือบมองเล็กน้อย พบว่าเป็นสายจากเหวินหย่าไต้ จึงตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะรับสาย
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน งานวันนี้ประสบความสำเร็จมาก ยินดีด้วยนะคะ”
“…”
“รองประธานเฉินจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าพอใจกับงานในวันนี้มาก เขาหวังให้คุณรับผิดชอบงานต่อๆ ไป พรุ่งนี้เขาจะไปพบคุณที่บริษัทด้วยตัวเอง”